“เสก โลโซ” เปิดบ้านแถลงด่วน บอกยิงปืนขึ้นฟ้าผิดมากสำหรับประเทศนี้ ชี้ ขนาดตนเป็นนักร้องยังโดนขนาดนี้ ชาวบ้านคงถูกยิงกบาล โต้กลับหวนเสพยา ยันฉี่ม่วงเพราะกินยาไพโบลาร์ - ยานอนหลับ - ยากินแล้วแข็ง อัดผลตรวจฉี่ไม่ชอบมาพากล บอกถ้าผลตัดสินว่าเป็นสารเสพติดจะขอสู้คดีในชั้นศาล แต่ถ้าไม่ใช่ตร.ต้องมาขอโทษ งงบุกจับทำเกินกว่าเหตุ ส่วนที่พูดในคลิปใครเข้ามากูยิง แค่อารมณ์พาไปไม่ได้จะยิงจริงๆ ยอมรับให้แกนนำเสื้อแดง “ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” วิ่งเต้นตำรวจให้เพราะสนิทกัน ออกปากสงสารตำรวจที่มาปาร์ตี้กับตนแล้วโดนสั่งย้าย โวจะไปขอร้อง ผบ.ตร. ให้พิจารณาโทษใหม่ เผยวันที่โดนจับต่อสายตรงคุยกับ ผบ.ตร. อีกฝ่ายบอกต้องทำตามหน้าที่ แต่ความสัมพันธ์เป็นพวกเดียวกันเหมือนเดิม แถมบอกจะดูแลตนอย่างดี - จะส่งซิการ์มาให้ ยันทนายมั่วตนไม่เครียดเลยสักนิด ประกาศหักหน้าเมียเก่า “กานต์” ไม่ต้องกลับมาอยู่บ้านอีก ไม่ต้องมาดูแลแค่อย่ามาทำลายก็พอ
นัดนักข่าวแถลงข่าวด่วนจี๋ยิ่งกว่าหนังฟาส 8 เลยทีเดียว สำหรับ “เสก โลโซ” เสกสรรค์ ศุขพิมาย โดยเจ้าตัวขอชี้แจงรวดเดียวจบ กรณีก่อเหตุยิงปืนขึ้นฟ้า 10 นัดกลางวัด จ. นครศรีธรรมราช ก่อนจะโดนตร.บุกรวบตัวคาบ้านพัก ต่อมาผลตรวจปัสสาวะเป็นสีม่วง พบว่ามีสารเสพติด 3 ชนิด โดยศาลอนุญาตให้ประกันตัวแต่เจ้าตัวก็ยืนยันว่าไม่ได้เสพยา ก่อนจะทำตร.งานงอกถึงขนาดถูกสอบถูกเด้งเป็นแถวๆ หลังจากที่โพสต์ภาพร่วมเฟรมกินข้าวประหนึ่งงานปาร์ตี้สังสรรค์ ซึ่งระหว่างสัมภาษณ์ “อีฟ” หวานใจคนปัจจุบันมานั่งประกบให้กำลังใจตลอดเวลา รวมไปถึง “ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์” อดีตนักการเมือง ที่มาทำรายการของตัวเองก็มาร่วมวงสัมภาษณ์พร้อมกับนักข่าว แต่กลับพูดอวยเสกตลอดเวลา โดยระหว่างสัมภาษณ์เสกก็เอายานอนหลับ ยาไบโพลาร์มาโชว์ด้วย
“ผมแถลงข่าวครั้งนี้อย่างสุภาพบุรุษ และขอความเป็นธรรมให้ตัวผม ผมเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อที่วัดเขาหินพนม เนื่องจากว่าผมนับถือสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช แล้วผมเป็นคนที่ชอบประวัติศาสตร์ก็เลยรู้ว่าสมเด็จพระเจ้าตากสินนั้นจริงๆ แล้วท่านไปบวชอยู่ที่วัดนั้น แล้วสวรรคตที่นั่น ผมก็ไปทำบุญที่นั่นอยู่บ่อยครั้ง สร้างประตูหน้าวัด ทอดผ้าป่าด้วย แล้ววันที่ 28 ธันวาคมที่ผ่านมาเป็นวันครบรอบ 250 ปี วันครองราชย์ของสมเด็จพระเจ้าตากสิน ท่านเจ้าอาวาสก็เลยมาขอให้ผมไปเล่นคอนเสิร์ตให้ ผมไปโดยไม่ได้เงินค่าตัวแม้แต่บาทเดียว ผมต้องจ่ายค่ารถ ค่าลูกน้องต่างๆ เองหมด”
“ปกติเวลาที่ผมไปต่างจังหวัดถ้าไม่ได้ขึ้นเครื่องบินผมพกปืนไปทุกที่อยู่แล้ว เป็นคนชอบปืน ผมเคยมีใบพกพาแต่ปัจจุบันไม่มีใบพกพาอาวุธ แต่ผมไม่ได้พกไปในสถานที่ที่มันน่ารำคาญ ผมใส่ไว้ในรถมีไว้เพื่อป้องกันตัว ไม่ได้มีไว้ยิงใคร”
“หลังจากเล่นคอนเสิร์ตเสร็จผมก็ไปกราบพระเจ้าตากสินเพราะผมเคยได้บนบานศาลกล่าวไว้ว่าถ้าผมมีลูกผมจะมาแก้บน ก็ไม่รู้ว่ามันจะเป็นเรื่องใหญ่โตขนาดนี้ ผมยิงแก้บน จริงๆ แล้วก็เคยมีคนยิงแก้บนแบบนี้เหมือนกัน ผมไม่ได้บอกกับเจ้าอาวาสไว้ก่อนว่าผมจะยิง แต่พอยิงเสร็จแล้วผมก็ไปกราบเรียนท่าน ซึ่งท่านก็ไม่ได้ว่า ท่านก็บอกว่าเข้าใจได้ ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรนะที่ผมยิงตอนตี 2 เพราะถ้าผมยิงตอน 8 โมงเช้าชาวบ้านจะแตกตื่นกันมาก กระสุนจะไปหล่นใส่ชาวบ้านตายกันหมด แล้ววัดก็มีแต่ภูเขา ตรงนั้นไม่มีบ้านคน เป็นวัด เป็นสนามกีฬา ก่อนยิงผมมั่นใจว่าไม่มีโดนคนแน่ ผมไม่ได้เมานะครับ”
“ท่านเจ้าอาวาสท่านไม่ได้ไปขอให้ยิงเหมือนที่ข่าวลง เพราะหลังจากที่ยิงไปผมก็ไปหาท่าน เคลียร์กันก็เข้าใจดี ถ้าไม่เข้าใจโรงพักก็อยู่แถวนั้นท่านก็คงให้มาจับผมไปแล้ว ยิงเพราะใจสั่งมาที่อยากจะถวาย ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่บังเอิญที่มันมีไลฟ์ถ่ายทอดสด เลยเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายของประเทศนี้ เราเองเข้าใจเรื่องนี้ เสร็จจากงานนั้นผมก็ย้ายโรงแรม ตื่นมาเช็กเอาต์ออกก็ให้พี่ไข่ ซึ่งเป็นพี่ที่รักใคร่กันอยู่นครศรีธรรมราชขับรถมาส่งผม เพราะผมให้ลูกน้องกลับมาก่อนเพราะต้องไปทำงาน พี่ไข่เขาสนิทกับทางตำรวจเขาก็บอกว่าตำรวจจะไปจับที่สนามบิน ผมก็เลยไม่ไปดีกว่า ใครจะไปให้จับ เพราะยิงเสร็จตอนกลางคืน ตอนเช้าเขาก็ออกหมายจับเลย หลังจากที่ยิงคิดว่าไม่ว่าจะยังไงไลฟ์สดเสร็จเราก็คงจะไปคุยกับเขารู้เรื่องเหมือนคดีความที่เคลียร์กันได้ ไม่ใช่เรื่องใหญ่”
โวยตำรวจทำเกินกว่าเหตุ ลั่นขนาดตนเป็นนักร้องดังแค่ยิงปืนขึ้นฟ้ายังถูกหน่วยอรินทราชมาจับถึงบ้าน แล้วถ้าประชาชนทั่วไปจะโดนขนาดไหน
“ซึ่งผมมองว่ามันเกิดกว่าเหตุในการออกหมายจับผมครั้งนี้ ตำรวจจะมาจับผมแค่ผมยิงปืนบวงสรวงพระเจ้าตากสินเนี่ยนะ พี่ไข่เขาเลยขับรถมาส่งผมที่กรุงเทพฯ ระหว่างที่นั่งรถมาตามโซเชียลก็มีข่าวว่าตำรวจไปรอตามจับผมที่หนองคาย ที่ผมจะไปเล่นคอนเสิร์ต กลับถึงบ้านผมก็บอกลูกน้องแล้วก็แจ้งกับทางงานที่หนองคายว่าผมไม่ไปเล่นนะเพราะตำรวจจะไปจับผม มันจะเดือดร้อนกันเปล่า เดี๋ยวรอให้ตำรวจมาจับผมที่บ้านดีกว่า ผมก็นอนรอที่บ้าน ผมก็โทร.ให้ทนายผมไปเคลียร์กับพี่วันไชย (วันไชย เอกพรพิชญ์) ซึ่งเป็นผู้การฯอยู่นครศรีธรรมราช กะว่าเคลียร์ให้เสร็จแล้วผมจะไปเล่นคอนเสิร์ตต่อที่พัทยา ก่อนแล้วผมจะไปมอบตัวที่โรงพัก แต่เขาไม่ยอมจะทำไงได้ เขาก็เลยส่งตำรวจพื้นที่ สน.คันนายาวมา”
“ตำรวจมากันแต่เช้าของวันที่ 31 ธันวาคม ตำรวจก็บอกว่าให้ไปมอบตัวดีๆ ผมก็บอกว่าวันนี้กูจะไปเล่นคอนเสิร์ตจะให้ไปมอบตัวยังไง ขอไปเล่นคอนเสิร์ตก่อน ผมเสียหายมากกว่า จะไปมอบตอนนี้หรือหลังเที่ยงคืนก็เหมือนกันเพราะผมไม่ได้คิดหนีไปไหน เขาก็กลับไปรายงานเจ้านาย จากนั้นผู้กำกับสิงห์ (พ.ต.อ.สิงห์ สิงห์เดช ผู้กำกับการตำรวจนครบาลคันนายาว)มาเองเลย ผมก็เลยขอดูหมายค้น ไม่มีหมายค้นมา ผมก็ให้เขาไปหาหมายค้นมา ภายใน 1 ชั่วโมงเขาก็ไปเอามา ผมก็สงสัยสิวันนั้นมันเป็นวันอาทิตย์ แถมเป็นวันหยุด เขาไปเอาหมายค้นมาได้อย่างไร แต่พอผมขอดูหมายค้น เขาไม่ยอมให้ผมดู เขาก็ไม่ยอมเอาให้ดู ผมเลยมั่นใจว่าไม่มีหมายค้นแน่นอนในระหว่างนี้ลูกน้องผมไลฟ์อยู่ ผมก็มอนิเตอร์ดูจากในโทรศัพท์ผม”
“มันก็เป็นสิทธิ์ของผมที่จะไม่ให้เข้า ในเมื่อเขาไม่เอาหมายค้นมาให้ดู พอไม่ให้ดูไม่ให้เข้า เขาก็พังรั้วเข้ามา บ้านผมไม่ใช่สวนลุมพินีนะครับ ที่ใครจะพังรั้วเข้ามาแล้วกลับออกไปดีๆ ไม่มีแน่นอน 100 เปอร์เซ็นต์ผมจัดการเต็มที่แน่นอน”
“ตอน 4 โมงครึ่งเขาเข้ามาถึงบ้านผมแล้ว หลังจากที่เขาพังรั้วกันแล้วพี่อู๊ด (พล.ต.ต.สมพงษ์ ชิงดวง รองผบช.น.)ก็มา ผมก็ต่อรองกับพี่อู๊ด ผมก็ยันยืนยันไม่ให้เข้ามาเพราะไม่มีหมายค้น พี่อู๊ดก็บอกว่าอยู่ที่เขา อีฟอยู่ในห้องกับผมตลอด หลังจากนั้นก็เกิดเหตุการณ์อย่างที่ทุกคนเห็น สุดท้ายผมก็มาเห็นหมายค้นทีหลัง แล้วมาทราบว่าหมายค้นมันมีเวลาได้ถึง 6 โมงเย็น นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเขาเอาหน่วยอรินทราชมาพังประตูบ้านผม ผมไม่ได้จะขัดขืนนะ ผมแค่จะรอให้ทนายผมมาก่อน ผมมีสิทธิ์นี้นะ ถามว่าเกินกว่าเหตุมั้ยอยากให้ประชาชนตัดสินใจกันดู ผมก็ไม่เคยเจอมาก่อน ผมยอมรับผิดการไปยิงปืนในที่สาธารณะเพราะผมเป็นคนมีชื่อเสียง ก็เสียค่าปรับกันไปสิ ผมเป็นแค่นักร้องผมยังโดนขนาดนี้ ถ้าเป็นชาวบ้านธรรมดาไม่โดนยิงกบาลตั้งแต่ตอนแรกแล้ว จะรณรงค์ยิงปืนขึ้นฟ้าก็รณรงค์ไปสิ แต่ทำขนาดนี้เกินกว่าเหตุไปรึเปล่า”
ท้าให้ไปดูคลิปไลฟ์สดหลังถูกกล่าวหาขึ้นลำปืนก่อนตำรวจจึงต้องเอาหน่วยอรินทราชมาจับกุม
“ผมอยู่บนห้องผม ลองไปดูวิดีโอสิ ไปดูเอาทุกอย่างอยู่ในนั้นหมดแล้ว ผมอยู่ในห้อง ผมไม่ได้ออกมายืนถือปืน แล้วที่ผมบอกว่าถ้าเข้ามากูยิงผมพูดด้วยอารมณ์ ก็เล่นมายืนจ่ออยู่หน้าห้องผม ผมมีสิทธิ์จะพูดอย่างนั้นมั้ย เรื่องแค่ยิงปืนขึ้นฟ้ามันต้องถึงขนาดออกหมายจับหมายค้นกันเลยหรือ ผมไม่คิดหนีไปไหนถ้าหนีผมจะกลับมานอนที่บ้านผมทำไม ผมจะฟ้องกลับแน่นอนถ้าใครผิด ผมเรียกค่าเสียหายเต็มที่ พอผมไปถึงนครศรีธรรมราชผมก็ขอโทษพี่วันไชย พี่วันไชยเขาก็ให้คุยกับนายเขาแล้วก็ต่อสายคุยกับพี่แป๊ะ (พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.) พี่แป๊ะบอกเสกเป็นยังไงบ้าง พี่สั่งให้เขาดูแลอย่างดี เสกจะสูบซิก้าร์เดี๋ยวพี่ให้คนส่งไปให้ เขารู้ว่าผมเป็นคนยังไง เขาบอกว่าเรื่องมันเกิดขึ้นก็เรื่องหนึ่ง ความเป็นพรรคพวกกันก็ยังเป็นเหมือนเดิม ผมก็ขอบคุณ ผมก็ถูกจับใส่กุญแจมือ นอนในห้องขัง ผมไม่ได้รับสิทธิพิเศษอะไรเลย แล้วตอนที่ผมโดนจับผมไม่ได้เครียดนะ ทนายมันมั่ว ผมไม่เครียดแม้แต่นิดเดียว แต่แค่ว่ามันไม่ยุติธรรมสำหรับผม (ครั้งนี้จะครั้งสุดท้ายแล้วใช่มั้ย จะไม่ทำอะไรระทึกอีกแล้ว?) ไม่รับปาก(หัวเราะ)”
ปกป้องตำรวจไม่ได้ให้สิทธิพิเศษตน ขอโทษ 3 ตำรวจที่ถูกย้ายหลังจากที่ตนโพสต์รูปร่วมปาร์ตี้ด้วย บอกเดี๋ยวจะไปเคลียร์กับ “บิ๊กแป๊ะ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.” ให้
“อันนี้เป็นเรื่องจริงเลย อย่างที่บอก ผมก็ถูกจับใส่กุญแจมือ นอนในห้องขัง ผมไม่ได้ตั้งใจจะไปทำร้ายทำลายใครเลย เขาทำให้ผมขนาดนี้ผมก็ซาบซึ้งใจ หลังจากที่ผมประกันตัวเสร็จผมก็บอกกับผู้กำกับฯ รังสรรค์ (พันตำรวจเอกรังสรรค์ สุขเกื้อ ผู้กำกับการกองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรนครศรีธรรมราช) ว่าผมขอเลี้ยงข้าวหน่อยนะ ก็มีลูกน้องตำรวจด้วย ก็ขอโทษผู้กำกับฯ รังสรรค์ และน้องธี (พ.ต.ท.ธีระพล พุ่มชัย สวป.สภ.เมืองนครศรีธรรมราช) ด้วยที่ทำให้เรื่องนี้เกิดขึ้น ก็เสียใจกับเขาที่ทำให้เกิดปัญหา ขอวอนพี่แป๊ะที่เป็นนายใหญ่ของเขาให้ช่วยพิจารณาเขาอีกสักครั้งหนึ่ง เขาไม่ได้ทำผิดอะไรเลย”
“ผมเป็นคนชวนเขาไปเอง ผมขอยอมรับผิด ผมเชิญเขาไปเขาก็ไป ผมเชิญพี่วันไชยไปด้วยแต่เขาติดธุระ พี่วันไชยเลยรอดตัวไป(หัวเราะ) ก็มีไปกินข้าวกันหลายคน เรื่องมาอบรมผมไม่มีครับ ผมเป็นผู้ใหญ่แล้ว เราก็ปาร์ตี้แล้วก็ถ่ายรูปเล่นกันแล้วก็โพสต์ ก่อนโพสต์ผมก็ถามเขาแล้วว่าโพสต์ได้นะ ผมไม่ได้อะไรโดยพลการอยู่แล้ว เดี๋ยวเขาเดือดร้อน เขาก็ไม่ได้ว่าอะไรทีหลังรังสรรค์มาขอให้ลบออกผมก็ลบให้ เราก็สังเกตแล้วแหละว่าเขานั่งไม่ติดที่ แล้วเขาก็หายไป รู้สึกว่าน่าจะโดนนายด่า เขาก็ออกไปโดยไม่ได้ล่ำลาใคร ตื่นเช้ามาผมถึงรู้ว่าเขาโดนย้าย ตกใจมาก รู้สึกผิดที่ทำให้เขาเกิดเรื่อง ผมไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เขาโดนย้ายแม้แต่นิดเดียว เดี๋ยวผมจะไปคุยกับพี่แป๊ะเจ้านายเขา คนยิงคนตายตั้ง 8 - 9 ศพเขายังให้ประกันตัวได้เลย แล้วผมนี่ได้รับสิทธิพิเศษจากตำรวจตรงไหน แล้ว12 มกราคมนี้ไปตามนัดแน่นอน”
ส่วนที่ทาง สน.คันนายาว โพสต์แจง กรณีมีภาพถ่ายร่วมร็อกเกอร์หนุ่ม เป็นการอบรมนั้น โดยเสกบอกว่าจะกลับเนื้อกลับตัวคนดีนั้น ร็อกเกอร์ดังยืนยันไม่เป็นความจริง
“คุณจะเชื่อผมหรือเชื่อเขาล่ะ ผมไม่โกหกอยู่แล้ว ขนาดเรื่องคอขาดบาดตายผมยังไม่คิดโกหกเลย รูปเป็นรูปที่อยู่ในระหว่างสืบสวน แล้วพี่ประสพโชค (พล.ต.ต. ประสพโชค พร้อมมูล) เขามาเยี่ยมตามประสาพี่น้อง ถ่ายรูปเล่นกันแล้วผมก็โพสต์”
เผยก่อนจะเกิดเรื่องเกิดราวได้ “เต้น ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” ช่วยคุยกับทางตำรวจให้ พร้อมเคลียร์ตนไม่ได้เป็นพวกกลุ่มสนับสนุนคนเสื้อแดง วอนอย่าเอาตนไปยุ่งเกี่ยวการเมือง
“บอกเลยตรงนี้ว่าผมไม่ได้ฝักใฝ่ฝ่ายใด แม้ผมจะรู้จักกับเพื่อนเต้น เต้นเป็นคนสำคัญมากที่เดินเรื่องคุยกับพี่วันไชยให้ เต้นมันก็เคลียร์เรื่องนี้ให้ผมด้วย เต้นบอกเสกกูจัดการให้เรียบร้อยแล้ว ผมบอกแน่ใจนะเพื่อนมึงเคลียร์ให้แล้วนะ เรียบร้อยนะกูจะไปเล่นคอนเสิร์ต แต่พอให้ทนายโทร.ไปเช็กก็ยังไม่เสร็จ ต้องขอขอบคุณเพื่อนเต้นไว้ ณ ที่นี้อีกครั้ง ผมอยากจะบอกกับทุกคนว่าผมไม่ได้อยู่ฝ่ายใดไม่ว่าจะเหลืองจะแดงก็เป็นคนไทยทั้งสิ้น อย่าไปคิดว่าผมเป็นแดง เพียงเพราะถ่ายรูปกับคุณทักษิณ ชินวัตร ถ่ายรูปกับไอ้เต้นแล้วจะมาทำร้ายทำลายผม ผมรักนายกตู่ (พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา)เหมือนกันด้วยความบริสุทธิ์ใจเพราะนายกตู่เขาเป็นคนบ้านเดียวกับผม ผมรักทหาร หัวใจผมเป็นทหาร 100 เปอร์เซ็นต์ เดี๋ยวจะมาหาว่าผมกำเริบเสิบสาน ผมคือชายชาติทหารอย่างแท้จริง เดี๋ยวจะหาว่าคดีนี้เป็นคดีการเมืองแล้วจะมาจ้องทำลายผมอีก อย่าคิดอย่างนั้นนะ ผมเป็นแค่นักร้องของพี่น้องประชาชนในประเทศนี้ อย่าหาว่าผมขี้ดมที่พูดไปแต่ผมรู้จักทุกคนจริงๆ ด้วยความที่ผมมีอาชีพนักร้อง ผมไปหากินทั่วทุกภาค ทุกฝ่ายเป็นเพื่อนกับผม อย่าเอาผมไปเกี่ยวข้องกับการเมือง”
ส่วนกรณีฉี่ม่วงร็อกเกอร์หนุ่มหอบยาที่รับประทานอยู่ทั้งยานอนหลับ ยารักษาอาการไบโพล่าร์ และยาที่กินแล้วทำให้แข็งมาโชว์สื่อ ลั่นถ้าผลสรุปแล้วพบว่าตนมีสารเสพติดในร่างกายจริงก็ว่ากันตามกฎหมาย
“เขาจะทำจะตรวจอะไรผมก็ให้เขาทำเขาตรวจแต่โดยดีด้วยความบริสุทธิ์ใจ ตรวจมาเจอฉี่สีม่วงก็ไปว่ากันอีกที ผมให้การว่าผมกินยานอนหลับและกินยาไบโพลาร์ อีฟตรวจฉี่ด้วยไม่เจอสารเสพติด ของกลางในห้องผมไม่มีอุปกรณ์และอะไรเกี่ยวกับยาเสพติดแม้แต่นิดเดียว เรื่องฉี่ม่วงตรงนี้ผมรู้สึกว่าผลตรวจมันไม่ชอบมาหากล เดี๋ยวไปว่ากันเรื่องกฎหมายต่อไปเพราะตอนที่บุกเข้าไปคุณก็ไม่เจอเครื่องเสพยาอะไรทั้งนั้นรวมถึงยาเสพติดภายในบ้านผม ผมไม่ได้ยุ่งเกี่ยวแน่นอนครับ เอาเป็นว่าเรื่องนี้ไปสู้กันที่ชั้นศาลแล้วกัน เอาหลักฐานมาสู้กัน ผมเชื่อในคำตัดสินของศาล ถ้าเขาตัดสินว่าผมผิดผมก็ยอมรับผิด”
“เอาอย่างนี้ผมเอาพระไปให้พี่ชาญเทพ (พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล) ดูว่ามีเพชรอยู่ ผมเอาพระให้ตำรวจดูว่ามีเพชรอยู่เขายังว่าผมหลอนเลยนับประสาอะไรกับเรื่องแค่นี้ คือพระเป็นดินปั้นแข็ง มาอยู่กับผมไม่กี่เดือนก็กลายเป็นเพชรยิบๆ ขึ้นมา มันเป็นสิ่งมหัศจรรย์มาก ผมไม่ได้อวดอ้างอะไร โดนควบคุมตัวอยู่แบบนั้น แต่เขาหาว่าผมหลอน”
“ผมจะกินยานอนหลับเฉพาะตอนที่มีเหตุการณ์นิดหน่อย (โชว์ยาที่รับประทานอยู่ให้สื่อดู) คือจะกินยานอนหลับเวลาที่อยากพักผ่อน ผมไปเล่นคอนเสิร์ตกลับดึก ตื่นเช้ามาแล้วต้องมีประชุมแบบนี้จะกินยานอนหลับ ส่วนไบโพลาร์ผมเป็นมานานแล้ว แต่เป็นๆ หายๆ ช่วงนี้ไม่ได้ไปหาเพราะหมอให้ยามาเยอะ แล้วช่วงนี้ผมรู้สึกว่าผมหายผมก็ไม่กิน ผมจะกินบ้างไม่กินบ้าง แต่เรื่องหาหมอผมไปหาประจำ จะกินตอนช่วงที่รู้สึกหวั่นไหว ก่อนโดนจับตรวจก็กินยานอนหลับกับไบโพลาร์ไป แต่หมอเขาก็เคยบอกว่ากินยาพวกนี้ก็ทำให้ฉี่ม่วงได้นะ ตัวนี้นิทอรัสกินแล้วแข็ง ของเพื่อนผม แต่ปกติผมไม่ได้ใช้เท่าไหร่หรอก(หัวเราะ)”
ลั่นแต่ถ้าหากว่าตรวจแล้วสุดท้ายพบว่าตนไม่มีสารเสพติดภายในร่างกายตำรวจที่ให้ข่าวต้องออกมาชี้แจงขอโทษตน
“ก็ไม่เชิงฟ้องเรียกร้องค่าเสียหายอะไรหรอก แค่จะให้ข่าวให้อะไรก็ต้องระวังกันหน่อยนะ (ทางสถาบันก็ให้ข่าวมาว่าคัดสารแยกมาชัดเจนแล้วว่าเป็นสารประเภทยาอี ยาไอซ์ ยาบ้า?) ถ้าผลออกมาแน่นอนแล้วว่าไม่ใช่สารเสพติดก็ให้ตำรวจขอโทษขอโพยผมแค่นั้น ผมลูกผู้ชาย เงินทองผมมีอยู่ แต่ถ้าผลออกมาตรงกันข้ามก็ไปต่อสู้กันในชั้นศาล”
ร็อกเกอร์หนุ่มตอบไม่เป็นความจริงหลังอดีตภรรยาสาว “กานต์ วิภากร” ให้สัมภาษณ์ลูกอยากให้แม่กลับไปดูแลพ่อ
“ไม่เป็นความจริงครับ ไม่ต้องมาดูแลผม ขอแค่อย่ามาทำลายผมก็พอ ผมไม่ทำร้ายใคร ผมดูแลลูกเต้าเมียผมอย่างดีทุกอย่าง (กับข่าวห่วงลูกๆ มั้ย )ลูกๆ ผมเข้าใจเรื่องนี้ ผมเชื่อว่าเขาเข้าใจและจะทำให้เขาแข็งแรงพอ เติบโตขึ้นมาอย่างแข็งแรง”