ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ผบ.ทร.ภาค 3 ระบุ การแก้ปัญหาประมงกำลังเห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์ หลัง EU พอใจมาตรการ และแนวทางในการดำเนินการ ขณะที่การยกฐานะศูนย์อำนวยการ ศร.ชล.เขต 3 ใกล้เป็นจริง เชื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานเพื่อรักษาผลประโยชน์ของชาติได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะทุกหน่วยจะต้องเพิ่มทั้งกำลังคน เครื่องมือเข้ามาในพื้นที่
เมื่อเวลา 09.00 น.วันนี้ (15 มิ.ย.) ที่ห้องประชุมชั้น 2 โรงแรมรอยัล ภูเก็ต ซิตี้ อ.เมือง จ.ภูเก็ต พล.ร.ท.สุรพล คุปตะพันธ์ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ประสานการปฏิบัติในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลเขต 3 (ศร.ชล.เขต 3) เป็นประธานเปิดการอบรมเชิงปฏิบัติการให้แก่เจ้าหน้าที่ POC (Point of Contact) โดยมี นายถาวรวัฒน์ คงแก้ว ปลัดจังหวัดภูเก็ต และผู้เข้ารับการอบรม ประกอบด้วย ผู้แทนจากหน่วยต่างๆ ในพื้นที่ 6 จังหวัดอันดามัน ได้แก่ จากทัพเรือภาคที่ 3 ตำรวจน้ำ ด่านศุลกากร สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สำนักงานประมงจังหวัด สำนักงานจัดการทรัพยากรชายทะเลและชายฝั่ง และผู้แทนจาก 6 จังหวัด ชายฝั่งทะเลอันดามัน
นาวาเอกภุชงค์ รอดนิกร หัวหน้าฝ่ายนโยบายและแผน ศร.ชล.เขต 3 กล่าวว่า การจัดอบรมเชิงปฏิบัติการครั้งนี้เป็นไปตามแผนปฏิบัติการงาน ศร.ชล.เขต 3 ประจำปี 2560 รวมทั้งตามแนวทางที่ ศร.ชล.กำหนด เพื่อชี้แจงแนวทางการปฏิบัติงาน และการเตรียมการของหน่วยในการยกระดับศร.ชล. การรับทราบปัญหาข้อขัดข้อง และข้อเสนอแนะของหน่วยงานต่างๆ รวมทั้งการระดมความคิดเห็นเพื่อกำหนดแนวทางในการปฏิบัติงานระหว่างหน่วยงานใน ศร.ชล.เขต 3 ให้มีประสิทธิภาพต่อไป
ขณะที่ พล.ร.ท.สุรพล คุปตะพันธ์ ผู้อำนวยการ ศร.ชล.เขต 3 กล่าวว่า ผลประโยชน์ของชาติทางทะเลนั้นนับว่าเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากสามารถสร้างรายได้ให้แก่ประเทศปีละหลายหมื่นล้านบาท โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยวทางทะเลในพื้นที่ฝั่งอันดามัน ดังนั้น ในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล จึงมีความจำเป็นต้องมีการบูรณาการ และประสานการปฏิบัติกันอย่างใกล้ชิดระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะดำเนินการโดยหน่วยใดหน่วยหนึ่งเพียงลำพังไม่ได้
“การยกระดับ ศร.ชล.จากศูนย์ประสานการปฏิบัติ เป็นศูนย์อำนวยการ ซึ่งปัจจุบันร่างพระราชบัญญัติเสนอคณะกรรมการกฤษฎีกาเรียบร้อยแล้ว อยู่ในขั้นตอนการนำเสนอสำนักงานเลขาฯนายกรัฐมนตรี เพื่อสอบถามความคิดเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้วก็จะนำเข้าสภาฯ คิดว่าน่าจะออกเป็นพระราชบัญญัติได้ในระยะเวลาอันใกล้นี้
“เมื่อมีการยกระดับแล้วประโยชน์ก็จะเกิดต่อประชาชน และประเทศชาติโดยตรงมากขึ้น เนื่องจากเดิมเป็นเพียงศูนย์ประสานงาน ทำให้การปฏิบัติต่างๆ เป็นการประสานขอความร่วมมือในการปฏิบัติ แต่เมื่อยกระดับเป็นศูนย์ฯ เปรียบเหมือนเป็นอีกหนึ่งหน่วยงาน โดยหน่วยร่วมปฏิบัติต่างๆ สามารถที่จะส่งกำลังคน และอุปกรณ์เข้ามาประจำการทำให้สามารถปฏิบัติงานได้โดยตรง รวมทั้งมีงบประมาณในด้านต่างๆ มารองรับ”
พล.ร.ท.สุรพล ยังกล่าวด้วยว่า หลังจากมีการประกาศเป็นพระราชบัญญัติแล้ว การปฏิบัติงานต่างๆ จะทำได้รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากขึ้น เนื่องจากมีกำลังในส่วนของศูนย์ฯ ทำให้สามารถสั่งใช้กำลังโดยตรง จากเดิมจะต้องประสานขอกำลังไปตามหน่วยต่างๆ ซึ่งบางครั้งงบประมาณ หรือกำลังพลไม่มีจึงทำให้การปฏิบัติการต่างๆ ล่าช้า ซึ่งจะเป็นประโยชน์โดยตรงทั้งกับพี่น้องชาวประมง และนักท่องเที่ยว ซึ่งจะได้รับความสะดวก และปลอดภัยมากขึ้น
ส่วนการแก้ปัญหาประมงในพื้นที่ ศร.ชล.เขต 3 ในช่วง 3 ปี ที่ผ่านมา เทียบกับปัจจุบัน พบว่า สามารถแก้ไขปัญหาไปได้มาก และได้มีการแก้ปัญหาตามที่ EU ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการตั้งศูนย์ PIPO ในการแจ้งเข้า-ออกเรือประมง การสำรวจจำนวนเรือประมง การสำรวจท่าเทียบเรือประมง การสำรวจและตรวจสอบโรงงานแปรรูปสัตว์น้ำ โดยผู้ประกอบการก็มีความเข้าใจและปรับปรุงข้อบกพร่องต่างๆ และจากการเข้ามาตรวจสอบของทางอียู ครั้งสุดท้ายเขาก็พอใจ และบอกว่าเราได้ผ่านจุดที่หนักที่สุดมาแล้ว ต่อจากนี้ก็เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ และสามารถจะเดินไปสู่ความสำเร็จที่ตั้งไว้ได้ในระยะเวลาอันใกล้
“สำหรับการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องนี้ ถือว่าเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ และผลการประเมินก็เป็นที่น่าพอใจมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ทั้งหน่วยงาน และผู้ประกอบการต่างให้ความร่วมมือ และเข้าใจปัญหาที่เกิดขึ้น เพื่อความยั่งยืนของอาชีพตลอดไป” พล.ร.ท.สุรพล กล่าว
เมื่อเวลา 09.00 น.วันนี้ (15 มิ.ย.) ที่ห้องประชุมชั้น 2 โรงแรมรอยัล ภูเก็ต ซิตี้ อ.เมือง จ.ภูเก็ต พล.ร.ท.สุรพล คุปตะพันธ์ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ประสานการปฏิบัติในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลเขต 3 (ศร.ชล.เขต 3) เป็นประธานเปิดการอบรมเชิงปฏิบัติการให้แก่เจ้าหน้าที่ POC (Point of Contact) โดยมี นายถาวรวัฒน์ คงแก้ว ปลัดจังหวัดภูเก็ต และผู้เข้ารับการอบรม ประกอบด้วย ผู้แทนจากหน่วยต่างๆ ในพื้นที่ 6 จังหวัดอันดามัน ได้แก่ จากทัพเรือภาคที่ 3 ตำรวจน้ำ ด่านศุลกากร สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สำนักงานประมงจังหวัด สำนักงานจัดการทรัพยากรชายทะเลและชายฝั่ง และผู้แทนจาก 6 จังหวัด ชายฝั่งทะเลอันดามัน
นาวาเอกภุชงค์ รอดนิกร หัวหน้าฝ่ายนโยบายและแผน ศร.ชล.เขต 3 กล่าวว่า การจัดอบรมเชิงปฏิบัติการครั้งนี้เป็นไปตามแผนปฏิบัติการงาน ศร.ชล.เขต 3 ประจำปี 2560 รวมทั้งตามแนวทางที่ ศร.ชล.กำหนด เพื่อชี้แจงแนวทางการปฏิบัติงาน และการเตรียมการของหน่วยในการยกระดับศร.ชล. การรับทราบปัญหาข้อขัดข้อง และข้อเสนอแนะของหน่วยงานต่างๆ รวมทั้งการระดมความคิดเห็นเพื่อกำหนดแนวทางในการปฏิบัติงานระหว่างหน่วยงานใน ศร.ชล.เขต 3 ให้มีประสิทธิภาพต่อไป
ขณะที่ พล.ร.ท.สุรพล คุปตะพันธ์ ผู้อำนวยการ ศร.ชล.เขต 3 กล่าวว่า ผลประโยชน์ของชาติทางทะเลนั้นนับว่าเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากสามารถสร้างรายได้ให้แก่ประเทศปีละหลายหมื่นล้านบาท โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยวทางทะเลในพื้นที่ฝั่งอันดามัน ดังนั้น ในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล จึงมีความจำเป็นต้องมีการบูรณาการ และประสานการปฏิบัติกันอย่างใกล้ชิดระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะดำเนินการโดยหน่วยใดหน่วยหนึ่งเพียงลำพังไม่ได้
“การยกระดับ ศร.ชล.จากศูนย์ประสานการปฏิบัติ เป็นศูนย์อำนวยการ ซึ่งปัจจุบันร่างพระราชบัญญัติเสนอคณะกรรมการกฤษฎีกาเรียบร้อยแล้ว อยู่ในขั้นตอนการนำเสนอสำนักงานเลขาฯนายกรัฐมนตรี เพื่อสอบถามความคิดเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้วก็จะนำเข้าสภาฯ คิดว่าน่าจะออกเป็นพระราชบัญญัติได้ในระยะเวลาอันใกล้นี้
“เมื่อมีการยกระดับแล้วประโยชน์ก็จะเกิดต่อประชาชน และประเทศชาติโดยตรงมากขึ้น เนื่องจากเดิมเป็นเพียงศูนย์ประสานงาน ทำให้การปฏิบัติต่างๆ เป็นการประสานขอความร่วมมือในการปฏิบัติ แต่เมื่อยกระดับเป็นศูนย์ฯ เปรียบเหมือนเป็นอีกหนึ่งหน่วยงาน โดยหน่วยร่วมปฏิบัติต่างๆ สามารถที่จะส่งกำลังคน และอุปกรณ์เข้ามาประจำการทำให้สามารถปฏิบัติงานได้โดยตรง รวมทั้งมีงบประมาณในด้านต่างๆ มารองรับ”
พล.ร.ท.สุรพล ยังกล่าวด้วยว่า หลังจากมีการประกาศเป็นพระราชบัญญัติแล้ว การปฏิบัติงานต่างๆ จะทำได้รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากขึ้น เนื่องจากมีกำลังในส่วนของศูนย์ฯ ทำให้สามารถสั่งใช้กำลังโดยตรง จากเดิมจะต้องประสานขอกำลังไปตามหน่วยต่างๆ ซึ่งบางครั้งงบประมาณ หรือกำลังพลไม่มีจึงทำให้การปฏิบัติการต่างๆ ล่าช้า ซึ่งจะเป็นประโยชน์โดยตรงทั้งกับพี่น้องชาวประมง และนักท่องเที่ยว ซึ่งจะได้รับความสะดวก และปลอดภัยมากขึ้น
ส่วนการแก้ปัญหาประมงในพื้นที่ ศร.ชล.เขต 3 ในช่วง 3 ปี ที่ผ่านมา เทียบกับปัจจุบัน พบว่า สามารถแก้ไขปัญหาไปได้มาก และได้มีการแก้ปัญหาตามที่ EU ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการตั้งศูนย์ PIPO ในการแจ้งเข้า-ออกเรือประมง การสำรวจจำนวนเรือประมง การสำรวจท่าเทียบเรือประมง การสำรวจและตรวจสอบโรงงานแปรรูปสัตว์น้ำ โดยผู้ประกอบการก็มีความเข้าใจและปรับปรุงข้อบกพร่องต่างๆ และจากการเข้ามาตรวจสอบของทางอียู ครั้งสุดท้ายเขาก็พอใจ และบอกว่าเราได้ผ่านจุดที่หนักที่สุดมาแล้ว ต่อจากนี้ก็เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ และสามารถจะเดินไปสู่ความสำเร็จที่ตั้งไว้ได้ในระยะเวลาอันใกล้
“สำหรับการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องนี้ ถือว่าเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ และผลการประเมินก็เป็นที่น่าพอใจมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ทั้งหน่วยงาน และผู้ประกอบการต่างให้ความร่วมมือ และเข้าใจปัญหาที่เกิดขึ้น เพื่อความยั่งยืนของอาชีพตลอดไป” พล.ร.ท.สุรพล กล่าว