ชุมพร - สองตายาย ชาวชุมพร วอนนักข่าวเป็นสื่อกลางตามหาลูกสาวอดีตผู้จัดการโรงแรม ไปอยู่เมืองนอกแต่งงานกับหนุ่มออสเตรเลีย ขาดการติดต่อนาน 13 ปี ไม่รู้ชะตากรรม
วันนี้ (12 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบกับ นายสุทิน แก้วกรูด อายุ 74 ปี นางวิจิตต์ แก้วกรูด อายุ 66 ปี ตายายสองสามีภรรยา อยู่บ้านเลขที่ 6 หมู่ 6 ตำบลคุริง อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร โดยบ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านปูนชั้นเดียว หลังคามุงสังกะสีสภาพเก่า อยู่ติดกับถนนลูกรังในหมู่บ้านห่างจากชายแดนไทย-พม่า ประมาณ 20 กิโลเมตร โดยทั้งสองตายายต้องการให้ผู้สื่อข่าวช่วยเหลือเป็นสื่อกลางตามหาลูกสาวที่แต่งงานกับหนุ่มต่างชาติชาวออสเตรเลีย แล้วขาดการติดต่อหายสาบสูญไม่รู้ตะกรรมมานาน 13 ปีแล้ว
นายสุทิน กล่าวว่า ตนอยู่กินกับนางวิจิตต์ มีลูกด้วยกัน 4 คน ผู้ชาย 3 คน หญิง 1 คน โดยลูกชายทั้ง 3 คน ได้แต่งงานออกไปประกอบอาชีพเป็นหลักแห่งทำมาหากินเลี้ยงครอบครัวกันหมดแล้ว ส่วนลูกสาวเพียงคนเดียว ซึ่งเป็นคนสุดท้องชื่อ น.ส.เพ็ญศิริ แก้วกรูด ปัจจุบันอายุ 43 ปี โดยเมื่อปี พ.ศ.2534 ได้ไปทำงานรับจ้างอยู่ตามร้านอาหาร จนกระทั่งครั้งสุดท้ายได้ทำงานเป็นผู้จัดการอยู่ที่โรงแรมแห่งหนึ่งในจังหวัดภูเก็ต ต่อมา ได้รู้จักกับ นายไซมอน กิ๊บบอนส์ อายุ 50 ปี (MR.SIMON BECKETT ST FELIX GIBBONS) เป็นครูสอนดำน้ำ ชาวออสเตรเลีย จากนั้นลูกสาวตนได้ลงทุนร่วมกับนายไซมอน ทำธุรกิจสอนดำน้ำ และติดตั้งกล้องวงจรปิดในจังหวัดภูเก็ต และจังหวัดใกล้เคียง ซึ่งช่วงนั้นลูกสาวตน กับนายไซมอน จะกลับบ้านมาเยี่ยมพ่อแม่อยู่เป็นประจำ
นายสุทิน กล่าวด้วยน้ำตาคลอเบ้าว่า ครั้งสุดท้าย เมื่อปี พ.ศ.2546 น.ส.เพ็ญศิริ และนายไซมอน เลิกทำธุรกิจในจังหวัดภูเก็ต เนื่องจากถูกเพื่อนชาวต่างชาติที่ร่วมหุ้นลงทุนด้วยกันโกงจนขาดทุนต้องปิดกิจการ แล้วพากันไปอยู่เมืองนอกแต่งงานอยู่กินกันที่ประเทศออสเตรเลีย โดยก่อนเดินทางไป นายไซมอน ได้ลืมสมุดบัญชีเงินฝาธนาคารกรุงไทย สาขาภูเก็ต ไว้ที่บ้านตนมีเงินอยู่กว่า 3 หมื่นบาท ช่วงแรกๆ อยู่ต่างประเทศ 2 ปี ลูกสาวตนยังได้ส่งรูปภาพพิธีแต่งงานกับนายไซมอน ที่เมืองนอกมาให้พ่อแม่ดูจำนวนหลายภาพ และยังติดต่อพูดคุยกันทางโทรศัพท์ ส่งจดหมายถึงกันอยู่เป็นประจำ
แต่หลังจากผ่านไป 2 ปี น.ส.เพ็ญศิริ ลูกสาวตนไม่เคยติดต่อกลับมาอีกเลยจนถึงปัจจุบันนี้นาน 13 ปีแล้ว ตนรู้สึกเป็นห่วงลูกมาก หากวันใดมีรถเก๋ง หรือรถยนต์แปลกๆ ขับผ่านมาทางหน้าบ้านตน และนางวิจิตต์ ภรรยาจะดีใจทุกครั้งคิดว่าเป็นลูกสาวกลับมาบ้าน ปัจจุบันทำให้นางวิจิตต์ ผู้เป็นแม่ต้องเป็นโรคหัวใจ เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลเป็นประจำ เพราะเป็นห่วงลูกไม่รู้ว่ามีชะตากรรม หรือเป็นตายร้ายดีอย่างไร
“เมื่อปี พ.ศ.2559 ที่ผ่านมา ตนได้ไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.ท่าแซะ เรื่องลูกสาวหายตัวในต่างประเทศ แต่ก็ไม่มีความคืบหน้าใดๆ จึงขอวิงวอนผ่านสื่อมวลชนให้ช่วยเป็นสื่อกลางหากลูกสาวยังมีชีวิตอยู่ได้เห็นข่าวก็ให้ติดต่อกลับมาบ้านด้วย เพราะพ่อแม่รักเป็นห่วง รัก และคิดถึงลูกมาก และอยากให้สถานทูต หรือหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง หากมีช่องทางใดช่วยติดต่อประสานงานให้แก่ตนด้วยจะได้รู้ว่าลูกสาวตนยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ หรือเสียชีวิตไปแล้ว และด้วยสาเหตุใด เพราะครอบครัวตนมีอาชีพทำสวนหาเช้ากินค่ำ ฐานะยากจน คงไม่มีปัญญาจะไปตามหา หรือเดินทางไปติดต่อกับหน่วยงานต่างๆ ได้” นายสุทิน กล่าว