ระนอง - ศาลฎีกา มีคำสั่งออกหมายจับอดีตรองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี หลังไม่เดินทางมาฟังคำพิพากษา คดีที่ตำรวจชุดสืบสวนจับผู้ต้องหาไปซ้อมทรมานให้รับสารภาพ
วันนี้ (8 มิ.ย.) พล.ต.ต.รณพงษ์ ทรายแก้ว รองผู้บัญชาการกองกฎหมายและคดีสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วยอดีตทีมสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 8 และพวก รวม 13 คน เดินทางมาศาลจังหวัดระนอง เพื่อมาฟังคำพิพากษา ในคดีที่ นายวิโรจน์ สุวรรณี อดีตสมาชิกสภา อบต.ปากน้ำ จ.ระนอง นายวินัย ขุนแพ่ว และนายกรีฑา ยกย่อง อดีตสมาชิก อบต.บางริ้น เป็นโจทก์ยื่นฟ้องในความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ความผิดต่อตำแหน่งในความยุติธรรม ความผิดต่อร่างกาย และความผิดต่อเสรีภาพ
จากกรณีการเข้าจับกุม นายวิโรจน์ และนายวินัย โดยมีการบังคับ และ ทำร้ายร่างกายผู้ต้องหาทั้งสองให้รับสารภาพ และให้ซักทอดว่า นายกรีฑา เป็นคนบงการสังหาร นายเกษม คงตุก อดีตสมาชิก อบต.บางริ้น เมื่อปี พ.ศ.2545
ก่อนการเข้าฟังคำพิพากษา พล.ต.ต.รณพงษ์ ระบุว่า ที่เดินทางมาในวันนี้เป็นการเดินทางมาตามที่ศาลนัด ส่วนศาลจะมีคำพิพากษาอย่างไรไม่ทราบได้ เพราะเป็นอำนาจของศาล และปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ในทุกประเด็นต่อสื่อมวลชน
ขณะที่ฝ่ายโจทก์ในคดีได้เดินทางมาฟังคำพิพากษาเช่นเดียวกัน ประกอบด้วย นายวินัย และนายกรีฑา พร้อมครอบครัวของ นายวิโรจน์ ซึ่งยังถูกจำคุกอยู่ภายในเรือนจำบางขวาง
มื่อถึงเวลาศาลได้ถามหา พ.ต.อ.อนุชน ชามาตย์ อดีตรองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นจำเลยที่ 2 หลังไม่มารายงานตัวต่อศาล พร้อมสอบถาม พล.ต.ต.รณพงษ์ ว่า ได้ติดต่อกับ พ.ต.อ.อนุชน หรือไม่ โดย พล.ต.ต.รณพงษ์ แถลงต่อศาลว่า ไม่ได้ติดต่อกับจำเลยมาประมาณ 1 เดือน และทราบว่าจำเลยลาออกจากราชการแล้ว
ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า พ.ต.อ.อนุชน จำเลยที่ 2 ทราบกำหนดนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา แล้ว แต่ไม่เดินทางมาศาล และไม่แจ้งเหตุขัดข้อง หรือร้องขอเลื่อนคดีไว้ก่อน จึงเชื่อว่าจำเลยจงใจหลบหนีไม่มาฟังคำพิพากษา จึงมีคำสั่งออกหมายจับ และปรับนายประกันเต็มสัญญา พร้อมเลื่อนอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาต่อไปเป็นวันที่ 19 กรกฎาคมนี้ เวลา 09.00 น.
ด้าน นายบุญเรือง อุทัยรัตน์ ทนายความของโจทก์ กล่าวว่า ก่อนหน้านั้นเมื่อสองสามวันที่แล้วยังมีการส่งข้อความพูดคุยกับ พ.ต.อ.อนุชน ตามปกติ แต่ไม่มีการติดต่อกลับมา พร้อมอยากฝากไปถึง พ.ต.อ.อนุชน ว่า ขอให้มารับฟังคำพิพากษา เพราะเรื่องราวทั้งหมดจะได้แล้วเสร็จ
ขณะที่ น.ส.อังศุมาลิน สุวรรณี ลูกสาวของนายวิโรจน์ กล่าวว่า รู้สึกเสียใจที่ พ.ต.อ.อนุชน ไม่มาฟังคำพิพากษา ซึ่งตัวเอง และครอบครัวรอคอยวันนี้มากว่า 5 ปี แต่สุดท้ายศาลเลื่อนเพราะจำเลยมาไม่ครบจึงอยากฝากไปถึง พ.ต.อ.อนุชน ให้มาต่อสู้ในกระบวนการชั้นศาลดีกว่า
สำหรับคดีนี้ศาลชั้นต้นยกฟ้องจำเลยทั้ง 14 คน ต่อมา โจทก์ได้ยื่นอุทธรณ์ ศาลพิพากษาแก้ให้จำคุก พล.ต.ต.รณพงษ์ และ พ.อ.อ.อนุชน คนละ 15 ปี ส่วนจำเลยรายอื่นได้ยกฟ้องตามศาลชั้นต้น
ภายหลังที่ศาลได้มีคำสั่งออกหมายจับ พ.ต.อ.อนุชน จำเลยคนอื่นๆ ได้เดินทางกลับทันที และปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน
วันนี้ (8 มิ.ย.) พล.ต.ต.รณพงษ์ ทรายแก้ว รองผู้บัญชาการกองกฎหมายและคดีสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วยอดีตทีมสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 8 และพวก รวม 13 คน เดินทางมาศาลจังหวัดระนอง เพื่อมาฟังคำพิพากษา ในคดีที่ นายวิโรจน์ สุวรรณี อดีตสมาชิกสภา อบต.ปากน้ำ จ.ระนอง นายวินัย ขุนแพ่ว และนายกรีฑา ยกย่อง อดีตสมาชิก อบต.บางริ้น เป็นโจทก์ยื่นฟ้องในความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ความผิดต่อตำแหน่งในความยุติธรรม ความผิดต่อร่างกาย และความผิดต่อเสรีภาพ
จากกรณีการเข้าจับกุม นายวิโรจน์ และนายวินัย โดยมีการบังคับ และ ทำร้ายร่างกายผู้ต้องหาทั้งสองให้รับสารภาพ และให้ซักทอดว่า นายกรีฑา เป็นคนบงการสังหาร นายเกษม คงตุก อดีตสมาชิก อบต.บางริ้น เมื่อปี พ.ศ.2545
ก่อนการเข้าฟังคำพิพากษา พล.ต.ต.รณพงษ์ ระบุว่า ที่เดินทางมาในวันนี้เป็นการเดินทางมาตามที่ศาลนัด ส่วนศาลจะมีคำพิพากษาอย่างไรไม่ทราบได้ เพราะเป็นอำนาจของศาล และปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ในทุกประเด็นต่อสื่อมวลชน
ขณะที่ฝ่ายโจทก์ในคดีได้เดินทางมาฟังคำพิพากษาเช่นเดียวกัน ประกอบด้วย นายวินัย และนายกรีฑา พร้อมครอบครัวของ นายวิโรจน์ ซึ่งยังถูกจำคุกอยู่ภายในเรือนจำบางขวาง
มื่อถึงเวลาศาลได้ถามหา พ.ต.อ.อนุชน ชามาตย์ อดีตรองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นจำเลยที่ 2 หลังไม่มารายงานตัวต่อศาล พร้อมสอบถาม พล.ต.ต.รณพงษ์ ว่า ได้ติดต่อกับ พ.ต.อ.อนุชน หรือไม่ โดย พล.ต.ต.รณพงษ์ แถลงต่อศาลว่า ไม่ได้ติดต่อกับจำเลยมาประมาณ 1 เดือน และทราบว่าจำเลยลาออกจากราชการแล้ว
ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า พ.ต.อ.อนุชน จำเลยที่ 2 ทราบกำหนดนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา แล้ว แต่ไม่เดินทางมาศาล และไม่แจ้งเหตุขัดข้อง หรือร้องขอเลื่อนคดีไว้ก่อน จึงเชื่อว่าจำเลยจงใจหลบหนีไม่มาฟังคำพิพากษา จึงมีคำสั่งออกหมายจับ และปรับนายประกันเต็มสัญญา พร้อมเลื่อนอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาต่อไปเป็นวันที่ 19 กรกฎาคมนี้ เวลา 09.00 น.
ด้าน นายบุญเรือง อุทัยรัตน์ ทนายความของโจทก์ กล่าวว่า ก่อนหน้านั้นเมื่อสองสามวันที่แล้วยังมีการส่งข้อความพูดคุยกับ พ.ต.อ.อนุชน ตามปกติ แต่ไม่มีการติดต่อกลับมา พร้อมอยากฝากไปถึง พ.ต.อ.อนุชน ว่า ขอให้มารับฟังคำพิพากษา เพราะเรื่องราวทั้งหมดจะได้แล้วเสร็จ
ขณะที่ น.ส.อังศุมาลิน สุวรรณี ลูกสาวของนายวิโรจน์ กล่าวว่า รู้สึกเสียใจที่ พ.ต.อ.อนุชน ไม่มาฟังคำพิพากษา ซึ่งตัวเอง และครอบครัวรอคอยวันนี้มากว่า 5 ปี แต่สุดท้ายศาลเลื่อนเพราะจำเลยมาไม่ครบจึงอยากฝากไปถึง พ.ต.อ.อนุชน ให้มาต่อสู้ในกระบวนการชั้นศาลดีกว่า
สำหรับคดีนี้ศาลชั้นต้นยกฟ้องจำเลยทั้ง 14 คน ต่อมา โจทก์ได้ยื่นอุทธรณ์ ศาลพิพากษาแก้ให้จำคุก พล.ต.ต.รณพงษ์ และ พ.อ.อ.อนุชน คนละ 15 ปี ส่วนจำเลยรายอื่นได้ยกฟ้องตามศาลชั้นต้น
ภายหลังที่ศาลได้มีคำสั่งออกหมายจับ พ.ต.อ.อนุชน จำเลยคนอื่นๆ ได้เดินทางกลับทันที และปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน