ตรัง - เจ้าของร้านอิเล็กทรอนิกส์ในเมืองกรุงฯ ทดลองนำองุ่นมาปลูกที่บ้านเกิดหยงสตาร์ ต.ท่าข้าม อ.ปะเหลียน จ.ตรัง บริเวณพื้นที่ริมชายทะเล ซึ่งมีปัญหาดินเค็ม และน้ำกร่อย แต่กลับสามารถให้ผลผลิตได้อย่างดี จนเตรียมขยายโรงเรือนเพิ่มอีก
วันนี้ (6 มิ.ย.) น.ส.ทรรศนีย์ สระแก้ว หรือเอียด อายุ 43 ปี เจ้าของร้านจำหน่ายเครื่องอิเล็กทรอนิกส์ที่กรุงเทพมหานคร ได้อาศัยเวลาว่างจากการทำธุรกิจ เดินทางกลับบ้านเกิดที่บ้านหยงสตาร์ ต.ท่าข้าม อ.ปะเหลียน จ.ตรัง พร้อมทดลองนำองุ่นหลายสายพันธุ์มาปลูก เพื่อต้องการท้าพิสูจน์ว่า องุ่นจะไม่ให้ผลผลิต หรือให้ผลน้อย หรืออาจจะมีผลขนาดเล็ก เมื่อนำมาปลูกในพื้นที่อุณหภูมิที่ร้อนชื้นอย่างในภาคใต้ ท่ามกลางเสียงคัดค้านจากญาติๆ ที่ไม่เห็นด้วย เพราะกลัวจะไม่ได้รับผลผลิต เพราะองุ่นเป็นพืชเมืองหนาว
น.ส.ทรรศนีย์ กล่าวว่า ตนเองมีความสนใจเรื่องการปลูกองุ่น และลองศึกษาข้อมูลขององุ่นทางอินเทอร์เน็ตมาเป็นเวลานานแล้ว กระทั่งค้นพบว่ามีความเป็นไปได้สูงมากที่จะนำมาปลูก และให้ผลผลิตได้ดีในภาคใต้ โดยเฉพาะพื้นที่ริมชายทะเล ซึ่งมีปัญหาดินเค็ม และน้ำกร่อย จึงได้ลงมือสร้างโรงเรือนขนาดพื้นที่ 310 ตารางเมตร จำนวน 3 โรงเรือน แล้วนำองุ่นจาก จ.สมุทรสาคร ปลูกลงไป จำนวน 4 สายพันธุ์ รวมจำนวน 28 ต้น ได้แก่ พันธุ์แฟลม แดงไร้เมล็ด พันธุ์รูทพาเลท เขียวไร้เมล็ด พันธุ์แบล็กโอปอ ดำไร้เมล็ด และพันธุ์ป๊อกดำ ดำมีเมล็ด
ทั้งนี้ การดูแลองุ่นในภาคใต้นั้นปกติจะให้น้ำวันละ 1 ครั้ง แต่หากอากาศร้อนมากก็จะเพิ่มเป็นวันละ 2 ครั้ง โดยเฉพาะองุ่นพันธุ์แบล็กโอปอ เมื่อเข้าเดือนที่ 3 ผลก็จะเปลี่ยนเป็นสีดำ และผลจะโตเต็มที่เมื่อมีอายุ 8 เดือน เป็นพวงช่อขนาดใหญ่ สำหรับผลผลิตที่ได้ส่วนใหญ่จะส่งเข้าโรงงานเพื่อแปรรูป แต่จะแบ่งไปขายรับประทานสดบ้าง ซึ่งหลังจากประสบความสำเร็จ ตนได้เตรียมขยายการปลูกองุ่นเพิ่มขึ้น เพราะรู้สึกมีความสุขต่อผลผลิตที่ได้ ที่สำคัญก็คือ สามารถหลุดพ้นจากคำสบประมาทที่ว่า “ปลูกในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้”
