ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - เกษตรกรชาวสวนยางใน อ.สะเดา จ.สงขลา ปรับตัวช่วงราคายางผันผวนขึ้นลงไม่แน่นอน หันเลี้ยง “เป็ดไข่” เป็นอาชีพเสริม โดยใช้พื้นที่ในสวนยางเลี้ยงตามธรรมชาติ ส่งขายได้ทั้งไข่ดิบ และแปรรูปเป็นไข่เค็ม รวมทั้งยังขายเป็ดทั้งตัวสร้างรายได้อย่างงาม
วันนี้ (7 มิ.ย.) จากสถานการณ์ราคายางพาราที่ผันผวนขึ้นลงไม่แน่นอน ทำให้เกษตรกรชาวสวนยางได้รับความเดือดร้อน โดยเฉพาะขณะนี้ซึ่งราคายางพาราอยู่ในภาวะดิ่งลงอีกครั้ง แต่ไม่เป็นปัญหาสำหรับ นายสมภพ มาลา หรือป้อม อายุ 30 ปี เกษตรกรชาวสวนยางในพื้นที่หมู่ 10 บ้านควนเสม็ด ต.ปริก อ.สะเดา จ.สงขลา เนื่องจากได้ใช้เวลาว่างหลังจากกรีดยางพาราในแต่ละวัน มาเลี้ยงเป็ดไข่พันธุ์กากีแคมเบลล์ จำนวน 300 ตัว ใช้พื้นที่ภายในสวนยางพารา สร้างโรงเรือนแบบง่ายๆ เพื่อให้เป็นคอก
โดยเลี้ยงมาประมาณ 1 ปี ขณะนี้เป็ดทั้งหมดหมุนเวียนกันออกไข่ทุกวัน วันละไม่ต่ำกว่า 200 ฟอง ส่งจำหน่ายฟองละ 4 บาท และส่วนหนึ่งจะนำไปแปรรูปเป็นไข่เค็มเพื่อเพิ่มมูลค่า ส่งขายฟองละ 7 บาท และยังขายเป็ดเป็นตัว ราคาตัวละ 100 บาทด้วย ซึ่งมีรายได้เสริมเหยียบหลักพันบาทในแต่ละวัน นอกเหนือจากการกรีดยางพารา และผลผลิตยังไม่พอต่อความต้องการของลูกค้า เตรียมขยายพื้นที่เลี้ยงเพิ่มขึ้นอีก
นายสมภพ บอกว่า เริ่มต้นการเลี้ยงเป็ดไข่โดยการซื้อพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ อายุ 3 เดือน ตัวละ 30 บาท มาเลี้ยง 300 ตัว ช่วงที่ลูกเป็ดยังเล็กก็ให้กินอาหารลูกไก่ พอเริ่มโตขึ้นก็ให้อาหารที่หาได้ง่ายๆ เช่น หยวกกล้วย เศษผัก เศษหัวกุ้ง หัวปลา ให้กินวันละ 2 ครั้งเช้าเย็น และปล่อยให้เป็ดลงเล่นน้ำในแหล่งน้ำธรรมชาติที่อยู่ภายในสวนยางพารา พอเป็ดอายุได้ประมาณ 4 เดือนกว่าๆ น้ำหนักตัวประมาณ 1 กิโลครึ่ง ก็จะเริ่มออกไข่ และจะออกไข่ต่อเนื่องไปอีกประมาณ 4-5 เดือน ขึ้นอยู่กับความสมบูรณ์ในการเลี้ยง หลังจากไข่หดก็จะคัดแยกเพื่อขายเป็นตัวตามวงจรชีวิตของเป็ด
นายสมภพ บอกอีกว่า หลังจากที่หันมาเลี้ยงเป็ดไข่เป็นอาชีพเสริม ก็สามารถอยู่ได้อย่างพอเพียง ไม่ต้องกังวลเรื่องราคายางพาราตกต่ำอีกแล้ว