ยะลา - กลุ่มผู้เสียหายกรณีถูก ตร.ภาค 9 ตรวจค้นรถยนต์ในปั๊มน้ำมันที่ จ.พัทลุง ออกตอบโต้แถลงการณ์ของตำรวจภูธรภาค 9 เรียกสื่อแถลงชี้แจงความบริสุทธิ์ใจ พร้อมถามกลับขุดคุ้ยประวัติจนทำให้อับอาย ต้องการอะไรจากสังคม?
จากกรณีที่มีคลิปเหตุการณ์ตำรวจภาค 9 ขอเข้าตรวจค้นรถยนต์คันหนึ่งภายในปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งที่ จ.พัทลุง จนกลายเป็นเรื่องอื้อฉาวต่อสังคม และทางกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ได้ออกแถลงการณ์เปิดเผยข้อมูลจากภาพวงจรปิดภายในปั๊มน้ำมันว่า ผู้เสียหายมีพิรุธในการปรับเปลี่ยนป้ายทะเบียนรถยนต์ จนสาวไปถึงประวัติของผู้โพสต์คลิปวิดีโอว่า เคยต้องโทษคดียาเสพติด ในพื้นที่ จ.พัทลุง
ความคืบหน้าล่าสุด วันนี้ (28 ธ.ค.) เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา เวลาประมาณ 16.00 น. กลุ่มผู้เสียหายที่ประสบเหตุทั้งหมด จำนวน 4 ราย รวมถึงผู้ที่เป็นเจ้าของเฟซบุ๊กซึ่งเป็นผู้โพสต์คลิปเหตุการณ์ดังกล่าวได้รวมตัวกันแถลงข่าวเพื่อชี้แจงข้อสงสัยต่อสื่อมวลชนที่ จ.ยะลา
โดยกลุ่มผู้เสียหายประกอบไปด้วย น.ส.พวงพรรณ จงจิตร อายุ 31 ปี ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ นายนันทวุธ มีบุญ อายุ 29 ปี ผู้อยู่ในเหตุการณ์ นายอับดุลฮากิม หะลูกา อายุ 24 ปี ผู้อยู่ในเหตุการณ์ และ น.ส.เบญจวรรณ แก่นคง อายุ 29 ปี ผู้อยู่ในเหตุการณ์ ซึ่งผู้เสียหายทั้งหมดประกอบอาชีพเจ้าหน้าที่ติดตามรถยนต์ หรือเจ้าหน้าที่ไฟแนนซ์ พร้อมกันนี้ ยังมี นายนพพล ผลบุญ อายุ 27 ปี เจ้าของเฟซบุ๊กที่โพสต์คลิปดังกล่าว ซึ่งเป็นแฟนหนุ่มของ น.ส.เบญจวรรณ แก่นคง ได้ร่วมแถลงข่าวในครั้งนี้ด้วย
ซึ่งผู้เสียหายได้นำเอาหลักฐานคือ แผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์กระบะโตโยต้า สีดำ หมายเลขทะเบียน ขจ 6358 สงขลา และทะเบียนป้ายแดง พ 2377 กทม. มาแสดงเป็นหลักฐานในการชี้แจงครั้งนี้ โดย น.ส.พวงพรรณ จงจิตร ได้ชี้แจงว่า การเปลี่ยนป้ายทะเบียนของรถยนต์ หลังจากเกิดเหตุการณ์ในวันนั้นก็เพราะว่าต้องการจะทำให้ถูกต้อง เนื่องจากกลุ่มตนเองทำงานอยู่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จึงเกรงเรื่องความไม่ปลอดภัย และก่อนออกจากพื้นที่ก็ไม่ได้เปลี่ยนป้ายให้ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งหลังเกิดเหตุการณ์กลุ่มตนเองก็จะต้องเดินทางต่อไปยัง จ.ตรัง เพื่อทำธุระ จึงคิดว่าจำเป็นต้องเปลี่ยนป้ายให้ถูกต้อง เพราะเกรงว่าจะเกิดเหตุการณ์ซ้ำขึ้นอีก ไม่ได้มีความจงใจ หรือทำให้มีพิรุธแต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวยังได้ถามต่ออีกว่า ขณะที่ขอค้นตัวผู้ที่อ้างเป็นตำรวจนั้นได้เห็นถุงพลาสติกที่อยู่ภายในกระเป๋ากางเกงชัดเจนหรือไม่ น.ส.พวงพรรณ ก็บอกว่า ตอนนั้นเห็นถุงพลาสติกจริงๆ แต่ไม่ทราบว่าเป็นถุงอะไร จึงได้ถามเขาไป ซึ่งบุคคลที่อ้างเป็นตำรวจก็บอกเพียงว่าไม่มีอะไร และพยายามเดินห่างออกไป
น.ส.พวงพรรณ จงจิตร หนึ่งในกลุ่มผู้เสียหายกล่าวอีกว่า ตนเองก็ต้องการที่จะได้รับความเป็นธรรมจากเจ้าหน้าที่ หากทางบุคคลที่กระทำการบริสุทธิ์ใจก็ให้ออกมาชี้แจงว่า เหตุการณ์ที่แท้จริงเป็นอย่างไร และทางกลุ่มตนเองก็พร้อมที่จะชี้แจงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อทางเจ้าหน้าที่พร้อมกันทั้ง 2 ฝ่าย และหากมีการกระทำความผิดจริงก็ต้องให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการฝ่ายที่กระทำความผิด อย่าให้คนอื่นเอาเป็นแบบอย่าง
ขณะเดียวกัน เมื่อสอบถามถึงผู้ที่โพสต์คลิปวิดีโอเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ทาง น.ส.เบญจวรรณ แก่นคง ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วยก็ยอมรับว่าเป็นผู้ที่โพสต์คลิปดังกล่าวเอง โดยใช้เฟซบุ๊กของ นายนพพล ผลบุญ แฟนหนุ่ม ซึ่งไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์
โดย นายนพพล ผลบุญ ก็ได้ถูกทางเจ้าหน้าที่ตรวจสอบประวัติที่ผ่านมา พบว่า มีคดีเกี่ยวข้องกับยาเสพติด โดย นายนพพล กล่าวว่า ทั้งนี้ ผู้ที่ตรวจสอบประวัติของตนเอง และนำข้อมูลเหล่านั้นมานำเสนอจนทำให้ประชาชนทั่วไปได้ทราบ และตนเองก็เกิดความเสื่อมเสีย ผู้ที่ขุดคุ้ยประวัติมีจุดประสงค์ หรือต้องการอะไร ซึ่งตนเองก็ยอมรับว่าเคยมีคดียาเสพติด แต่ไม่ได้จำหน่ายยาเสพติด เป็นเพียงคดีเสพยาเสพติด และผิด พ.ร.บ.รถยนต์ และได้ดำเนินการเสียค่าปรับ รวมทั้งถูกดำเนินคดีตามกฎหมายไปตามขั้นตอนแล้ว ซึ่งปัจจุบันก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับยาเสพติดแล้ว ซึ่งในส่วนของคลิปที่โพสต์แฟนก็เป็นคนโพสต์ลงไปในเฟซบุ๊ก โดยใช้เฟซของผมเอง
ขณะที่ น.ส.เบญจวรรณ แก่นคง ผู้ที่โพสต์คลิปวีดิโอบอกว่า การโพสต์ไปนั้นเพื่อต้องการขอความเป็นธรรมจากสิ่งที่โดนกระทำ และอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกมาชี้แจงให้ทราบ โดยขณะนี้ตนเอง และกลุ่มผู้เสียหายก็ยังไม่ได้รับความเป็นธรรมจากสิ่งที่เกิดขึ้น
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า จะมีการเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 9 หรือไม่ หลังมีการออกแถลงการณ์มาชี้แจง ทางผู้เสียหายเองก็บอกว่า พร้อมที่จะเดินทางไปชี้แจงเพื่อความบริสุทธิ์ใจ หากทางเจ้าหน้าที่ต้องการเชิญตัวเพื่อทราบข้อมูลที่แท้จริง
นอกจากนี้ น.ส.พวงพรรณ จงจิตร ได้ฝากถึงทางเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ในมือของบุคคลที่อ้างเป็นตำรวจภาค 9 เข้าตรวจค้นคืออะไร และเจ้าหน้าที่ที่อยู่ในคลิปเหตุการณ์อยู่สังกัดหน่วยงานใด ระหว่างหน่วยปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ หรือหน่วยปราบปรามยาเสพติด กันแน่
และในเมื่อทางเจ้าหน้าที่ออกมาบอกว่าเราทำตัวมีพิรุธ ทำไมเจ้าหน้าที่ถึงไม่ทำการตรวจค้นให้เสร็จหน้าที่เสียก่อนที่จะออกไป และที่กล่าวอ้างว่า ทางกลุ่มตนเองไม่ให้ความร่วมมือ ทำไมเราถึงเอาหลักฐาน และเอกสารต่างๆ มายืนยันต่อทางผู้ที่ขอตรวจค้น ซึ่งเจ้าหน้าที่ที่เป็นเจ้าหน้าที่ไฟแนนซ์ ซึ่งมากับบุคคลที่อ้างว่าเป็นตำรวจนั้นสามารถขอตรวจค้นรถยนต์ได้ด้วยหรือ และกลุ่มตนเองก็พร้อมที่จะเดินทางไปพบกับเจ้าหน้าที่หากมีการเรียกตัว ไม่ว่าเมื่อใดก็ตาม
นอกจากนี้ น.ส.พวงพรรณ จงจิตร ยังได้ถามกลับว่า การขุดคุยประวัติของบุคคลในครอบครัว แล้วนำมาเผยแพร่ต่อสาธารณะจนเกิดความอับอาย หากเป็นตนเองบ้างจะรู้สึกอย่างไร และการนำประวัติมาบอกกล่าวก็ไม่ได้เกี่ยวข้องต่อเหตุการณ์ที่ถูกกระทำในครั้งนี้