ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - เครือข่ายประชาชนสองฝั่งทะเลฯ ถอนการชุมนุมจากศาลากลางจังหวัด เคลื่อนขบวนไปปักหลักประท้วงต่อหน้าโรงแรมหรูแหลมสมิหลา ที่ใช้จัดเวที ค.1 ท่าเรือน้ำลึกสงขลา 2 วอนผู้บริหารโรงแรมอย่ายอมให้มีการจัดเวทีที่ขาดความชอบธรรม แถลงการณ์ยกเลิกการเจรจา ชี้ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ไม่ให้เกียรติประชาชน
*** ชาวบ้านเคลื่อนขบวนปักหลักประท้วงต่อหน้าสถานที่จัดเวที ค.1
วันนี้ (14 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 16.00 น. นายรุ่งเรือง ระหมันยะ นายกสมาคมรักษ์ทะเลจะนะ ในฐานะตัวแทนเครือข่ายประชาชนปกป้องทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมสองฝั่งทะเล ได้อ่านแถลงการณ์ฉบับที่ 2 เรื่องขอยกเลิกการเจรจากับ นายทรงพล สวาสดิ์ธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา หลังผู้ว่าราชการจังหวัดปฏิเสธพบผู้ชุมนุมตลอด 2 วันที่ผ่านมา
จากนั้นได้นำขบวนประชาชนทั้งหมดเดินทางไปชุมนุมปักหลักพักค้างต่อ ณ บริเวณด้านหน้าโรงแรมบีพี สมิหลาบีช รีสอร์ท ซึ่งจะถูกใช้เป็นสถานที่จัดเวที ค.1 โครงการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกสงขลา 2 ในวันพรุ่งนี้ (15 ธ.ค.)
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้ซึ่งเป็นการชุมนุมวันที่ 2 ทางด้านนายทรงพล สวาสดิ์ธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ได้มอบหมายให้ นายอนุชิต ตระกูลมุทุตา รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ลงมาเจรจากับชาวบ้านแต่ไม่ได้ข้อสรุป เนื่องจากชาวบ้านเชื่อว่ารองผู้ว่าราชการจังหวัดไม่มีอำนาจสั่งระงับเวที ค.1 ท่าเรือน้ำลึกสงขลา 2 ตามข้อเรียกร้อง จึงเคลื่อนขบวนไปปักหลักประท้วงต่อหน้าสถานที่จัดเวที ค.1 ดังกล่าว
*** ขอผู้บริหารโรงแรมทบทวนการใช้สถานที่จัดเวที ชี้ไร้ความชอบธรรม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการเคลื่อนขบวนไปปักหลักบริเวณหน้าโรงแรมบีพี สมิหลาบีช ซึ่งใช้เป็นสถานที่จัดเวที ค.1 ท่าเรือน้ำลึกสงขลา 2 ในวันนี้ ทางเครือข่ายประชาชนปกป้องทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมสองฝั่งทะเล ได้เขียนจดหมายเปิดผนึกถึงผู้บริหารโรงแรม บี.พี.สมิหลาบีช ขอให้ทบทวนการใช้สถานที่ในการประชุมเวทีรับฟังความคิดเห็น ครั้งที่ 1 โครงการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกสงขลาแห่งที่ 2
โดยระบุว่า เครือข่ายประชาชนปกป้องทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมสองฝั่งทะเล และภาคีเครือข่ายภาคประชาชนกว่า 30 องค์กร มีความเห็นว่าการจัดเวทีดังกล่าวจะนำไปสู่การสร้างปัญหาให้แก่ประชาชนเป็นอย่างมาก และเห็นว่าในกระบวนการดำเนินงานของโครงการที่ผ่านมายังมีข้อบกพร่องมากมาย จึงเห็นว่าการจัดเวทีดังกล่าวยังไม่ควรเกิดขึ้นในขณะนี้ ด้วยเหตุผลเบื้องต้น ดังนี้ 1.กระบวนการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนไม่ได้เกิดขึ้นอย่างแท้จริงในทุกระดับขั้นตอน โดยเฉพาะการรับรู้ข้อมูลข่าวสารที่ไม่ได้เปิดเผยอย่างตรงไปตรงมา และยังเป็นการนำเสนอข้อมูลเพียงด้านเดียวมาตลอด
2.การศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ที่จะต้องทำตามระเบียบทางกฏหมายควรจะต้องศึกษาภาพรวมพร้อมกันอย่างน้อย 3 โครงการร่วมกัน คือ โครงการท่าเรือน้ำลึกปากบารา โครงการท่าเรือน้ำลึกสงขลา 2 และโครงการรถไฟรางคู่เชื่อมระหว่างฝั่งทะเลอันดามันและอ่าวไทย ไม่ใช่แยกศึกษาเป็นรายโครงการอย่างที่กำลังทำกันอยู่ในตอนนี้ 3.รัฐบาลยังไม่เคยศึกษาถึงความคุ้มค่าของการลงทุนอย่างละเอียด เพียงแค่คาดการเบื้องต้น ซึ่งยังไม่ชัดเจนว่าจะเกิดความเสี่ยงด้านการลงทุนมากน้อยเพียงใด หรือจะเสี่ยงต่อความสูญเสียด้านแหล่งท่องเที่ยว และแหล่งทรัพยากร และสังคมวัฒนธรรมโดยรวมของคนในพื้นที่
4.รัฐบาลนี้ได้อนุมัติงบประมาณ 50 ล้านบาท เพื่อให้มีการศึกษาการพัฒนาภาพรวมเชิงยุทธศาสตร์ในระดับภาคใต้ ซึ่งได้มีการศึกษาแล้วเสร็จไปแล้ว แต่ยังไม่มีการนำผลการศึกษาดังกล่าวรายงานให้รัฐบาลทราบ เพื่อให้มีการพิจารณาถึงแนวทางการพัฒนาภาคใต้ในภาพรวมทั้งหมด ซึ่งกรมเจ้าท่า ควรจะรอฟังผลการพิจารณาของรัฐบาลจากรายงานการศึกษานี้ก่อนที่กรมเจ้าท่าจะเร่งรัดเดินหน้าโครงการท่าเรือฯ สวนกง
“ความพยายามที่จะจัดเวทีดังกล่าวให้ได้ โดยไม่สนใจเหตุและผลใดๆ ทั้งสิ้นของหน่วยงานที่รับผิดชอบ ทั้งที่รู้ว่ายังมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันต่อเรื่องนี้มากขึ้นเรื่อยๆ และในขณะที่บ้านเมืองกำลังอยู่ในบรรยากาศของความโศกเศร้าจากการเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงเป็นการไม่สมควรด้วยประการทั้งปวงที่จะดึงดันเพื่อจัดเวทีดังกล่าว เครือข่ายประชาชนปกป้องทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมสองฝั่งทะเล พร้อมด้วยภาคีเครือข่าย 30 องค์กร จึงขอให้ผู้บริหารโรงแรม บี.พี. สมิหลาบีช ทบทวนการใช้สถานที่ของท่านเพื่อการจัดกิจกรรมดังกล่าว เสมือนเป็นการปฏิเสธการสังฆกรรมกับความไม่ถูกต้องดังเหตุผลที่ได้กล่าวแล้วเบื้องต้น”
*** แถลงการณ์อัด ผวจ.สงขลา ไม่ให้เกียรติประชาชน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะเดียวกัน ทางเครือข่ายประชาชนปกป้องทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมสองฝั่งทะเล ได้ออกแถลงการณ์ ฉบับที่ 2 เรื่องขอยกเลิกการเจรจากับผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา โดยระบุว่า ตามที่ได้มีการนัดหมายเพื่อการเจรจา และรับฟังปัญหาความทุกข์ร้อนของประชาชน กรณีโครงการพัฒนาขนาดใหญ่ในจังหวัดสงขลา เพื่อให้ผู้ว่าราชการจังหวัดได้รับทราบ และนำไปสู่การแก้ไขปัญหาเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2559 ที่ผ่านมา ซึ่งมีเครือข่ายภาคประชาชนเดินทางเข้าร่วมการพูดคุยดังกล่าวกว่า 200 คน แต่ที่สุดแล้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดไม่ได้ออกมาพบกับประชาชนตามที่ได้นัดหมายไว้
ซึ่งทำให้ประชาชนทั้งหมดต้องเดินทางจากห้องประชุมที่ว่าการอำเภอเมืองสงขลา เข้ามานั่งรอพบ และถามถึงเหตุผลของการไม่ได้มาตามที่ได้นัดหมายไว้ที่หน้าศาลากลางหลังใหม่ และเฝ้ารอเรื่อยมาจนถึงวันที่ 14 ธันวาคม 2559 ก็ยังไม่มีท่าทีว่าผู้ว่าราชการจังหวัดจะเดินทางออกมาพบกับประชาชนตามที่ได้เรียกร้องไปแต่อย่างใด
ในเมื่อความทุกข์ร้อนของประชาชน คือ เรื่องที่ไร้สาระ และไม่ควรค่าแก่การรับรู้รับทราบของผู้ปกครองเช่นนี้ เครือข่ายประชาชนปกป้องทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมสองฝั่งทะเล พร้อมด้วยเครือข่ายภาคีกว่า 30 องค์กร รู้สึกเสียใจต่อท่าทีดังกล่าว ด้วยถือเป็นการไม่ให้เกียรติในความเป็นประชาชน และเป็นการไม่เคารพต่ออำนาจหน้าที่อันพึงมีของท่านในฐานะพ่อเมือง เท่ากับเป็นการผลักภาระให้ประชาชนเป็นผู้แก้ไขปัญหาความขัดแย้งกับฝ่ายบริษัทที่ปรึกษาเพียงลำพัง
ซึ่งแสดงถึงความไม่รับผิดชอบ และจากนี้ไปจะไม่มีการพูดคุย หรือเจรจาใดๆ ทั้งสิ้นกับผู้ว่าราชการจังหวัดท่านนี้ นอกจากจะให้มีการยกเลิกเวที ค.1 เท่านั้น พร้อมกันนี้ เราจะขอยกเลิกการใช้พื้นที่ของศาลากลางจังหวัดสงขลาตั้งแต่บัดนี้ และจากนี้ไปเราจะใช้วิธีการแก้ไปปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นนี้ด้วยตัวของเราเอง และเราขอยืนยันว่า เราจะใช้ทุกวิถีทางด้วยสันติวิธีเพื่อทำให้การจัดเวทีรับฟังความคิดเห็น ครั้งที่ 1 ในโครงการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกสงขลาแห่งที่ 2 (บ้านสวนกง) ให้ยกเลิกไปในที่สุด