xs
xsm
sm
md
lg

ดันเมกะโปรเจกต์-ฟื้นเหมืองแร่-พาแนวร่วมกลับบ้าน..อาจไม่ใช่ทางออกไฟใต้?! / ไชยยงค์ มณีพิลึก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ภาพประกอบจากเว็บไซต์ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า
 
คอลัมน์  :  จุดคบไฟใต้
โดย...ไชยยงค์  มณีพิลึก
----------------------------------------------------------------------------------------
 
 
สถานการณ์ความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ จุดมุ่งหมายของ “แนวร่วม” ขบวนการแบ่งแยกดินแดน ที่มี “บีอาร์เอ็น” เป็นแกนนำ ยังคงเน้นก่อเหตุด้วยความรุนแรง และโหดเหี้ยม โดยมี “เป้าหมายอ่อนแอ” ที่เป็นพลเรือนเป็นสำคัญ และหนึ่งในนั้นมี “สตรี” ที่เป็นคน “ไทยพุทธ” ในพื้นที่รวมอยู่ด้วย
 
หลังการสังหารโหด “น.ส.รัติกาล จ่าวัง” หญิงสาวท้องแก่ ที่ตลาดปาลัส อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี เพียงสัปดาห์ ในขณะที่งานฌาปนากิจศพเพิ่งผ่านไปแบบน้ำตาของผู้ร่วมงานยังไม่ทันเหือดแห้ง แนวร่วมในพื้นที่ จ.ปัตตานี ก็เปิดปฏิบัติการ “ใบไม้ร่วง อีกระลอก ด้วยการใช้รถจักรยานยนต์ประกบยิงคนไทยพุทธในพื้นที่ อ.หนองจิก อ.ปะนาเระ และ อ.สายบุรี จ.ปัตตานี และมีผู้เสียชีวิตถึง 6 ราย
 
โดย 1 ใน 6 รายนั้นเป็นสตรีที่เป็นภรรยาของ “อาสามัคร” อ.หนองจิก แถมยังมีอีก 1 สตรี ที่ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งเป็นภรรยาของ “ผู้ใหญ่บ้าน” ที่เสียชีวิตคารถกระบะ โดยมีกล้องวงจรปิดจับภาพของ 2 คนร้ายได้อย่างชัดเจน
 
สิ่งที่น่าสังเกตคือ ตั้งแต่ต้นปี 2559 เป็นต้นมา จะเห็นว่า “คนไทยพุทธ ในพื้นที่ 3 จังหวัดคือ ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส กับ 4 อำเภอของ จ.สงขลา ยังกลายเป็น “เหยื่อ ของสถานการณ์ โดยเฉพาะเมื่อมีการปิดล้อมตรวจค้น จับกุม และวิสามัญบรรดาเหล่าแนวร่วมเมื่อไหร่ สิ่งที่ตามมาก็จะมีปฏิบัติการ “เอาคืนจากแนวร่วมด้วยการยิงคนไทยพุทธในพื้นที่ อันเป็นการตอบโต้เจ้าหน้าที่รัฐในทันที
 
ที่สำคัญแนวร่วมมีเป้าหมายที่ชัดเจนในการ “ฆ่าสตรี” ด้วยเหตุผลสั้นๆ คือ เป็นการสร้าง “ความเจ็บแค้น” และ “ความเกลียดชัง” ให้แก่คนในพื้นที่ และคนทั่วๆ ไปได้มากกว่าการ “ฆ่าผู้ชาย” ที่เป็นพลเรือนในอาชีพอื่นๆ
 
เนื่องเพราะบีอาร์เอ็นมี “เป้าหมาย” ในการลุกขึ้น “ปฏิวัติ” เพื่อ “เอกราช” ในอีก 10 ปีข้างหน้า วันนี้บีอาร์เอ็นจึงยังวาง “ยุทธศาสตร์” อยู่ที่การเพิ่มความเกลียดชัง เพื่อให้ทวีความแตกแยกระหว่างคนไทยพุทธ ซึ่งมีอยู่ “หยิบเมือเดียว” เมื่อเทียบกับคนมุสลิมที่เป็นคนส่วนใหญ่ในพื้นที่
 
“ความเกลียดชัด” และ “ความโกรธแค้น” ถูกสุมอยู่ในหัวใจของคนไทยพุทธมากเท่าไหร่ ยิ่งเป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติการเพื่อเอกราชของบีอาร์เอ็นมากขึ้นเท่านั้น
 
ดังนั้น จึงจำจะต้องบอกไว้ให้ชัด ณ ที่นี้ว่า “การฆ่าคนไทยพุทธ” โดยเฉพาะที่เป็น “สตรี” นั้น ไม่ใช่เหตุบังเอิญ หรือเป็นไปแบบพบเจอใครแล้วเป็นยิงดะ เพื่อการแก้แค้นอย่างที่เข้าใจกัน
 
หลายครั้งที่ได้พูดคุยกับ “บาดา ซึ่งก็คือบุคคลที่เป็น “แกนนำ บีอาร์เอ็นที่ออกมาจากขบวนการแล้ว พวกเขาได้เล่าให้ฟังว่า ปฏิบัติการของแนวร่วมในแต่ละครั้ง ไม่ใช่ปฏิบัติการที่ “สุ่มสี่สุ่มห้า
 
แต่มีการ “วางแผน” ในการติดตามเหยื่อ ในการมาร์กจุด และนำไปสู่การสังหาร รวมทั้งก่อนการปฏิบัติการจริงก็จะมีปฏิบัติการ “จำลองเหตุการณ์ เพื่อป้องกันความผิดพลาด โดยใช้เวลาอย่างน้อยที่สุด 1 เดือนต่อการปฏิบัติการในทุกครั้ง
 
เพียงแต่ปฏิบัติการทุกอย่างเป็น “ความลับ” โดยมี “มวลชน” ในพื้นที่เป็นผู้สนับสนุนการปฏิบัติการตั้งแต่ต้นจนจบ ในขณะที่ฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐในพื้นที่ที่ทำหน้าที่ “การข่าว” กลับไม่ได้ “สำเหนียก” ในความเคลื่อนไหว หรือรู้เรื่องราวของแนวร่วมแต่อย่างใด
 
วันนี้เรื่องความตายของคนในพื้นที่ยังเป็นเรื่องใหญ่ที่สุดในความรู้สึกของผู้คน ไม่ว่าเป็นญาติของคนตาย ไม่ว่าเป็นเพื่อนผู้ร่วมชะตากรรมในพื้นที่ โดยเฉพาะการที่จะห้ามไม่ให้เกิด “ความโกรธแค้นและ “ความเกลียดชัง เป็นสิ่งที่ห้ามไม่ได้อย่างแน่นอน ดังนั้น จึงอย่าแปลกใจที่ยิ่งนานวัน “ช่องว่าง” ระหว่างคนไทยพุทธกับมุสลิม ทั้งในพื้นที่ และนอกพื้นที่จึงมีความห่างเหินกันมากขึ้นเรื่อยๆ
 
วันนี้เรื่องการ “เยียวยาจึงกลายเป็น “ยาสามัญประจำบ้าน” ที่ชาวบ้านในพื้นที่รู้สึกเฉยๆ เพราะเห็นชัดเจนแล้ว เพราะไม่ว่าจะเป็น “โจรหรือ “ผู้บริสุทธิ์ เมื่อเอาชีวิตมาไปทิ้งในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ พวกเขาก็จะได้รับการเยียวยาเหมือนๆ กัน
 
วันนี้สิ่งที่คนในพื้นที่ต้องการเห็น จึงไม่ใช่เรื่องของการเยียวยา และไม่ใช่เรื่องของ “การพัฒนา” ที่เน้นโครงการขนาดใหญ่ๆ แต่ต้องการเห็นเจ้าหน้าที่แก้ปัญหาอย่าให้คนไทยพุทธต้องตกเป็นเหยื่อแบบ “ตายลวกตายโลน” ซึ่งเป็นการตายที่ไร้คุณค่า
 
มีเสียงสะท้อนจากประชาชนชาวไทยพุทธที่ผู้บริหารประเทศ และผู้รับผิดชอบในพื้นที่น่าจะต้องใสใจในการรับฟัง โดยเฉพาะคณะ “ครม.ส่วนหน้า” กล่าวคือ ถ้าพัฒนาจน “เหมืองลาบู” ที่ อ.ยะหา จ.ยะลา และ “เหมืองทองโต๊ะโมะ” อ.สุคิริน จ.นราธิวาส ฟื้นชีพกลับคืนมาใหม่ แต่คนบริสุทธิ์ยังคงเป็นเหยื่อของสถานการณ์ หรือตายกันเดือนละ 10 ศพถึง 20 ศพ แล้วอย่างนั้นการพัฒนาตรงอย่างที่ว่ามันจะมีคุณค่าอะไร
 
ที่ อ.เบตง จ.ยะลา จะมีสนามบินเกิดขึ้นในปี 2560 ก็จริง แต่ถ้าเส้นทางที่จะไปยัง อ.เบตงนั้น นับตั้งแต่ อ.กรงปินัง อ.บันนังสตา และ อ.ธารโธ จ.ยะลา ตลอดเส้นทางนี้ยังมีการ “ตายอย่างไร้คุณค่า” ของคนในพื้นที่ แล้ว “สนามบินเบตง” มันจะชดเชยชีวิตที่ล้มหายตายจากไปได้ตรงไหน
 
วันนี้ทุกฝ่ายจึงต้องกลับมามองปัญหาหลักที่แท้จริงของในพื้นที่ นั่นก็คือ เรื่องการก่อการร้าย โดยที่บีอาร์เอ็นยังใช้วิธีการเดิมๆ ด้วยการฆ่าผู้บริสุทธิ์ โดยเฉพาะสตรี เพื่อให้บรรลุสู่เป้าหมาย ซึ่งหน่วยงานที่รับผิดชอบในพื้นที่ ทั้งตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครองจะต้องมีคำตอบว่า พวกเขาจะแก้ปัญหาเหล่านี้ได้อย่างไร
 
ทราบว่าอีกไม่นานอาจจะมีการออกมารายงานตัวของแนวร่วมขบวนการแบ่งแยกดินแดน จำนวน 200 คน ซึ่งก็ควรจะต้องมีการถาม “ว่าที่อดีตแนวร่วม” เหล่านั้นว่า ที่พวกเขาต้องการ “หาทางลง” ด้วยการ “กลับบ้าน” แบบ “ไม่มีคดีติดตัว” นั้น เป็นไปได้หรือมีที่การออกมารายงานตัวของพวกเขา จะทำให้สถานการณ์ “ความชุกชุม” ของเหตุร้ายรายวันในพื้นที่ลดลง
 
แต่ด้วยประสบการณ์ที่ผ่านๆ มากลับพบว่า “โครงการพาคนกลับบ้าน” ของ “กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า” ที่มีการนำแนวร่วมกลับบ้านแล้วกว่า 3,000 คน อันเกิดขึ้นในรอบ 4-5 ปีมานี้ มีคำถามเพิ่มเติมคือ ถ้าแนวร่วมเหล่านั้นเป็น “ตัวจริง” ทำไมสถานการณ์การก่อการร้ายในจังหวัดชายแดนภาคใต้จึงไม่ลดลง
 
และจริงหรือไม่ที่ “อดีตเลขาธิการ ศอ.บต.” ท่านหนึ่งถึงกลับเคยกล่าวผ่านสื่อไว้ว่า คนที่อยู่ในโครงการพาคนกลับบ้านจำนวนหนึ่ง หลังผ่านวิธีการทางด้านกฎหมายแล้ว พวกเขาก็ยังกลับไปสู่การเป็นแนวร่วมอีกครั้ง คนเหล่านี้ใช่หรือไม่ที่เป็น “ความล้มเหลว” ของปฏิบัติการ “ดับไฟใต้”
 
แต่อย่างไรก็ตาม วันนี้คนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ยังหวังว่า “เวทีพูดคุยสันติสุข ยังเป็นอีกหนึ่งหนทางออกจากความรุนแรง ซึ่งทราบว่าในไม่ช้านี้จะมีการตั้งโต๊ะพูดคุยกันอีกครั้งระหว่างตัวแทน “รัฐไทย” กับ “กลุ่มมาราปาตานี โดยมีสาระสำคัญอยู่ที่เรื่องของ “พื้นที่ปลอดภัย ซึ่งหากทำได้จริงก็อาจจะทำให้ “จำนวนศพคนไทยพุทธ” ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ลดลงแน่นอน
 
เนื่องเพราะ 12 ปีที่ไฟใต้โชนเปลวระลอกใหม่ ด้วยวิธีการที่ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ยังใช้แก้ปัญหาอยู่ในปัจจุบันนี้ กลับยังมองไม่เห็นว่าจะมี “ทางออก” จากกับดักแห่งความรุนแรงได้ในทางไหนบ้าง และหนทางไหนที่จะ “ยุติ” การทำ “สงครามประชาชน” ของขบวนการบีอาร์เอ็นได้อย่างไร
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น