ระนอง - ทหาร มทบ.44 สอบใช้งบหลวงกว่า 3 ล้าน สร้างถนนยาว 1.5 กม.ในป่าสงวนแห่งชาติละอุ่น ไม่มีชาวบ้านอยู่แม้แต่รายเดียว แต่เอื้อนักการเมือง เจ้าหน้าที่รัฐ นายทุน ยึดครองที่ดินจำนวนมาก พบมีทำเลสวย มีน้ำตกติดท่าเรือออกสู่ทะอันดามัน
วันนี้ (2 พ.ย.) ผู้สื่อรายงานว่า พล.ต.อุดมวิทย์ อโนวัลย์ ผบ.มทบ.44 ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่ จ.ชุมพร-ระนอง ได้มอบหมายให้ชุดเฉพาะกิจแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ นำโดย พ.ท.ดุสิต เกสรแก้ว นายทหารยุทธโยธา บก.ควบคุม มทบ.44 นำกำลังทหารฝ่ายเชี่ยวชาญเฉพาะด้านทั้งฝ่ายกฎหมาย เจ้าหน้าที่ที่ดิน ฝ่ายเทคโนโลยี พร้อมกำลังผล ลงพื้นที่ตรวจสอบเก็บข้อมูลข้อร้องเรียนที่มีการใช้งบประมาณแผ่นดินสร้างถนนคอนกรีตบริเวณหมู่ 3 ตำบลบางพระใต้ อ.ละอุ่น จ.ระนอง รุกเข้าไปในเขตป่าสงวนแห่งชาติเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มนักการเมือง ข้าราชการ และนายทุนที่เข้าไปบุกรุกจับจองที่ดินป่าสงวนบริเวณดังกล่าว
จากการลงพื้นที่ตรวจสอบของชุดเฉพาะกิจแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ มทบ.44 พบว่า บริเวณดังกล่าวชื่อ “ซอยพม่าข้าม” อยู่ในเขตเทศบาลตำบลละอุ่นติดกับถนนเส้นหลักสายละอุ่น โดยมีถนนคอนกรีตเส้นเดิมเข้าซอยระยะทางยาว 400 เมตร ไปจรดกับแนวเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าละอุ่น แต่ปรากฏว่ามีการก่อสร้างถนนเส้นใหม่ขึ้นมาอีกโดยทำต่อจากถนนเส้นเดิมมีความยาว 1,500 เมตร เป็นถนนคอนกรีตเสริมเหล็กกว้าง 4 เมตร พร้อมไหล่ทางข้างละ 0.50 เมตร เป็นงบพัฒนาจังหวัด ก่อสร้างโดยเทศบาลตำบลละอุ่น วงเงิน 3,133,000 บาท ก่อสร้างเมื่อวันที่ 17 ธ.ค.57 สิ้นสุดสัญญาวันที่ 16 มี.ค.58 โดยทั้งสองฝากถนนเป็นสวนยางพาราและสวนปาล์มน้ำมัน ไม่มีไฟฟ้า น้ำประปาหรือสิ่งสาธารณูปโภคใดๆเลย มีบ้านพักแรงงานต่างด้าวที่เข้ามารับจ้างเฝ้าสวนและกรีดยางเก็บผลปาล์มน้ำมันเท่านั้นที่ใช้สัญจรเข้าออก
พ.ท.ดุสิต กล่าวว่า หลังได้รับมอบหมายจาก ผบ.มทบ.44 ได้นำกำลังพร้อมผู้เชี่ยวชาญทุกด้านลงพื้นที่เก็บข้อมูลเชิงลึกนานร่วม 2 เดือน พบว่าจุดที่สร้างถนนคอนกรีตยาว 1.5 กม.อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติละอุ่น ซึ่งได้สำรวจพบหลักหมุดเก่า 2 จุด เดิมบริเวณนั้นเป็นทุ่งสงวนเลี้ยงสัตว์ ขึ้นทะเบียนไว้เมื่อวันที่ 23 ก.ค.2469 จำนวนพื้นที่ 1,200 ไร่ ต่อมาได้ยกขึ้นเป็นป่าคุ้มครองตาม พ.ร.บ.คุ้มครองและสงวนป่า พ.ศ. 2497 ปัจจุบันได้ขึ้นประกาศเป็นป่าสงวนแห่งชาติตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507
พ.ท.ดุสิต กล่าวต่อว่า จากข้อมูลเชิงลึกพบหลักฐานบริเวณที่สร้างถนนคอนกรีตเข้าไปในป่าสงวนนั้นดั้งเดิมเป็นทางเดินของชาวพม่าที่ข้ามไปมาระหว่างกันจนชาวบ้านทั่วไปเรียกติดปากว่า “ซอยพม่าข้าม” ซึ่งการเสนอขอใช้งบประมาณก่อสร้างได้ใช้ชื่อว่า “โครงการก่อสร้างถนน คสล.ซอยบางคงทอง-บางเสียด(ซอยพม่าข้าม) ซึ่งความเป็นจริงแล้วจุดก่อสร้างถนนดังกล่าวไม่ใช่ชื่อซอย “บางคงทอง-บางเสียด” เพียงแต่ใช้วิธีวงเล็บว่า(ซอยพม่าข้าม)ต่อท้ายไว้คล้ายอำพรางในการขอนำงบประมาณมาสร้างถนน ซึ่งจริงๆแล้วชื่อซอย “บางคงทอง-บางเสียด”กับ “ซอยพม่าข้าม”อยู่คนละท้องที่กัน และยังพบว่าผู้ควบคุมงานก่อสร้างถนนและกรรมการตรวจการจ้างยังเป็นคนเดียวกันอีกในทางกฎหมายไม่อาจทำได้
นอกจากนั้นได้ตรวจสอบทะเบียนราษฎร์จุดที่ก่อสร้างถนนยาว 1.5 กม.ไม่มีชื่อบุคคล ไม่มีทะเบียนบ้านผู้อยู่อาศัยแม้แต่รายเดียว แต่กลับเป็นที่ดินของกลุ่มนักการเมือง ข้าราชการ นายทุน ที่เข้าไปบุกรุกยึดครองจำนวนมาก ยังพบอีกว่าจุดดังกล่าวอยู่ใกล้กับทิศเหนือและทิศตะวันออกที่ติดกับแม่น้ำละอุ่นมีท่าเรือออกสู่ทะเลอันดามัน มีแหล่งน้ำตกสวยงาม อนาคตสามารถทำเป็นรีสอร์ท จุดท่องเที่ยวและแหล่งธุรกิจได้ ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการกับกลุ่มบุกคลทั้งหมดที่เข้าไปบุกรุกป่าสงวนและผู้เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างถนนดังกล่าว เบื้องต้นได้ร่วมกับเจ้าพนักงานป่าไม้เข้าแจ้งความร้องทุกกับตำรวจ สภ.ละอุ่นเรียบร้อยแล้ว
ด้าน พ.ต.อ.เสกสันต์ แก้วสว่าง ผกก.ส.ภ.อ.ละอุ่น กล่าวว่าได้ลงพื้นที่สอบสวนเก็บรวบรวมพยานหลักฐาน ซึ่งพบว่าหน่วยงานที่รับงบประมาณมาก่อสร้างคือเทศบาลตำบลละอุ่นซึ่งเป็นองค์ของรัฐมีผู้บริหารเป็นนักการเมืองเป็นผู้ถูกกล่าวหา จึงได้รวบรวมสรุปสำนวนส่งไปให้กับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ปปช.)จ.ระนอง ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายแล้ว ซึ่งความคืบหน้าจะนำเสนอต่อไป
วันนี้ (2 พ.ย.) ผู้สื่อรายงานว่า พล.ต.อุดมวิทย์ อโนวัลย์ ผบ.มทบ.44 ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่ จ.ชุมพร-ระนอง ได้มอบหมายให้ชุดเฉพาะกิจแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ นำโดย พ.ท.ดุสิต เกสรแก้ว นายทหารยุทธโยธา บก.ควบคุม มทบ.44 นำกำลังทหารฝ่ายเชี่ยวชาญเฉพาะด้านทั้งฝ่ายกฎหมาย เจ้าหน้าที่ที่ดิน ฝ่ายเทคโนโลยี พร้อมกำลังผล ลงพื้นที่ตรวจสอบเก็บข้อมูลข้อร้องเรียนที่มีการใช้งบประมาณแผ่นดินสร้างถนนคอนกรีตบริเวณหมู่ 3 ตำบลบางพระใต้ อ.ละอุ่น จ.ระนอง รุกเข้าไปในเขตป่าสงวนแห่งชาติเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มนักการเมือง ข้าราชการ และนายทุนที่เข้าไปบุกรุกจับจองที่ดินป่าสงวนบริเวณดังกล่าว
จากการลงพื้นที่ตรวจสอบของชุดเฉพาะกิจแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ มทบ.44 พบว่า บริเวณดังกล่าวชื่อ “ซอยพม่าข้าม” อยู่ในเขตเทศบาลตำบลละอุ่นติดกับถนนเส้นหลักสายละอุ่น โดยมีถนนคอนกรีตเส้นเดิมเข้าซอยระยะทางยาว 400 เมตร ไปจรดกับแนวเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าละอุ่น แต่ปรากฏว่ามีการก่อสร้างถนนเส้นใหม่ขึ้นมาอีกโดยทำต่อจากถนนเส้นเดิมมีความยาว 1,500 เมตร เป็นถนนคอนกรีตเสริมเหล็กกว้าง 4 เมตร พร้อมไหล่ทางข้างละ 0.50 เมตร เป็นงบพัฒนาจังหวัด ก่อสร้างโดยเทศบาลตำบลละอุ่น วงเงิน 3,133,000 บาท ก่อสร้างเมื่อวันที่ 17 ธ.ค.57 สิ้นสุดสัญญาวันที่ 16 มี.ค.58 โดยทั้งสองฝากถนนเป็นสวนยางพาราและสวนปาล์มน้ำมัน ไม่มีไฟฟ้า น้ำประปาหรือสิ่งสาธารณูปโภคใดๆเลย มีบ้านพักแรงงานต่างด้าวที่เข้ามารับจ้างเฝ้าสวนและกรีดยางเก็บผลปาล์มน้ำมันเท่านั้นที่ใช้สัญจรเข้าออก
พ.ท.ดุสิต กล่าวว่า หลังได้รับมอบหมายจาก ผบ.มทบ.44 ได้นำกำลังพร้อมผู้เชี่ยวชาญทุกด้านลงพื้นที่เก็บข้อมูลเชิงลึกนานร่วม 2 เดือน พบว่าจุดที่สร้างถนนคอนกรีตยาว 1.5 กม.อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติละอุ่น ซึ่งได้สำรวจพบหลักหมุดเก่า 2 จุด เดิมบริเวณนั้นเป็นทุ่งสงวนเลี้ยงสัตว์ ขึ้นทะเบียนไว้เมื่อวันที่ 23 ก.ค.2469 จำนวนพื้นที่ 1,200 ไร่ ต่อมาได้ยกขึ้นเป็นป่าคุ้มครองตาม พ.ร.บ.คุ้มครองและสงวนป่า พ.ศ. 2497 ปัจจุบันได้ขึ้นประกาศเป็นป่าสงวนแห่งชาติตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507
พ.ท.ดุสิต กล่าวต่อว่า จากข้อมูลเชิงลึกพบหลักฐานบริเวณที่สร้างถนนคอนกรีตเข้าไปในป่าสงวนนั้นดั้งเดิมเป็นทางเดินของชาวพม่าที่ข้ามไปมาระหว่างกันจนชาวบ้านทั่วไปเรียกติดปากว่า “ซอยพม่าข้าม” ซึ่งการเสนอขอใช้งบประมาณก่อสร้างได้ใช้ชื่อว่า “โครงการก่อสร้างถนน คสล.ซอยบางคงทอง-บางเสียด(ซอยพม่าข้าม) ซึ่งความเป็นจริงแล้วจุดก่อสร้างถนนดังกล่าวไม่ใช่ชื่อซอย “บางคงทอง-บางเสียด” เพียงแต่ใช้วิธีวงเล็บว่า(ซอยพม่าข้าม)ต่อท้ายไว้คล้ายอำพรางในการขอนำงบประมาณมาสร้างถนน ซึ่งจริงๆแล้วชื่อซอย “บางคงทอง-บางเสียด”กับ “ซอยพม่าข้าม”อยู่คนละท้องที่กัน และยังพบว่าผู้ควบคุมงานก่อสร้างถนนและกรรมการตรวจการจ้างยังเป็นคนเดียวกันอีกในทางกฎหมายไม่อาจทำได้
นอกจากนั้นได้ตรวจสอบทะเบียนราษฎร์จุดที่ก่อสร้างถนนยาว 1.5 กม.ไม่มีชื่อบุคคล ไม่มีทะเบียนบ้านผู้อยู่อาศัยแม้แต่รายเดียว แต่กลับเป็นที่ดินของกลุ่มนักการเมือง ข้าราชการ นายทุน ที่เข้าไปบุกรุกยึดครองจำนวนมาก ยังพบอีกว่าจุดดังกล่าวอยู่ใกล้กับทิศเหนือและทิศตะวันออกที่ติดกับแม่น้ำละอุ่นมีท่าเรือออกสู่ทะเลอันดามัน มีแหล่งน้ำตกสวยงาม อนาคตสามารถทำเป็นรีสอร์ท จุดท่องเที่ยวและแหล่งธุรกิจได้ ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการกับกลุ่มบุกคลทั้งหมดที่เข้าไปบุกรุกป่าสงวนและผู้เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างถนนดังกล่าว เบื้องต้นได้ร่วมกับเจ้าพนักงานป่าไม้เข้าแจ้งความร้องทุกกับตำรวจ สภ.ละอุ่นเรียบร้อยแล้ว
ด้าน พ.ต.อ.เสกสันต์ แก้วสว่าง ผกก.ส.ภ.อ.ละอุ่น กล่าวว่าได้ลงพื้นที่สอบสวนเก็บรวบรวมพยานหลักฐาน ซึ่งพบว่าหน่วยงานที่รับงบประมาณมาก่อสร้างคือเทศบาลตำบลละอุ่นซึ่งเป็นองค์ของรัฐมีผู้บริหารเป็นนักการเมืองเป็นผู้ถูกกล่าวหา จึงได้รวบรวมสรุปสำนวนส่งไปให้กับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ปปช.)จ.ระนอง ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายแล้ว ซึ่งความคืบหน้าจะนำเสนอต่อไป