นราธิวาส - ชาวบ้านเขาตันหยงภมิใจ ในหลวงพระราชทานเงินส่วนพระองค์กว่า 300,000 บาท เพื่อสร้างมัสยิดบูเก็ตตันหยงขึ้นใหม่ให้มีขนาดเพียงพอรองรับประชาชนในพื้นที่ที่มาประกอบศาสนกิจ
วันนี้ (21 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังมัสยิดบูเก็ตตันหยงหรือมัสยิดบ้านเขาตันหยง เพื่อสอบถามความผูกพันของชาวบ้านในพื้นที่บ้านเขาตันหยงกับมัสยิดบูเก็ตตันหยงแห่งนี้ เนื่องจากเป็นมัสยิดที่ตั้งอยู่บริเวณเขตพระราชทานของพระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์ในเขต อ.เมือง จ.นราธิวาส โดยมัสยิดบูเก็ตตันหยงตั้งอยู่บนเนื้อที่ 1 ไร่ 2 งาน ในพื้นที่ ม.4 บ้านเขาตันหยง ต.กะลุวอเหนือ อ.เมือง จ.นราธิวาส เป็นอีก 1 มัสยิดจากจำนวนมัสยิดที่มีอยู่ทั่วประเทศ 3,722 แห่ง ที่ใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีละหมาดของประชาชนชาวไทยที่นับถือศาสนาอิสลาม มัสยิดแห่งนี้ชาวบ้านในพื้นที่มักเรียกกันติดปากว่า “มัสยิดรายอ” หรือมัสยิดในหลวง ซึ่งคำว่า “รายอ” เป็นคำที่ประชาชนในพื้นที่ใช้แทนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งถือเป็นพระมหากษัตริย์ของประชาชนคนไทยทุกคน
มัสยิดบูเก็ตตันหยง เมื่อปี พ.ศ. 2515 ซึ่งมี นายหะยีนาหวัน รอตันหยง เป็นโต๊ะอิหม่ามคนแรก พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้เสด็จมาประทับบริเวณชายหาดที่หมู่บ้านเขาตันหยง ซึ่งปัจจุบันเป็นเขตพระราชฐานชั้นกลางของพระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์ในปัจจุบัน ซึ่งในสมัยนั้นมัสยิดบูเก็ตตันหยงมีลักษณะเป็นเรือนไม้ตั้งอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว และด้วยประชาชนในพื้นที่ได้ถวายที่ดินสร้างมัสยิดบูเก็ตตันหยงในสมัยนั้น ถวายให้พระพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จึงมีการยกเรือนไม้ย้ายมาตั้ง ณ สถานที่ปัจจุบัน
โดยยังคงใช้เป็นสถานที่ในการประกอบศาสนกิจของประชาชนในพื้นที่ และด้วยมีผู้มาร่วมประกอบสถานกิจจำนวนมากขึ้น ทำให้มัสยิดบูเก็ตตันหยงซึ่งเป็นเรือนไม้มีความคับแคบ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จึงได้พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์จำนวน 300,000 บาทให้กับ นายหะยีนาหวัน รอตันหยง เป็นโต๊ะอิหม่ามมัสยิดบูเก็ตตันหยง ในการสร้างมัสยิดบูเก็ตตันหยงขึ้นใหม่ให้มีขนาดเพียงพอรองรับประชาชนในพื้นที่ที่มาประกอบศาสนกิจ และจัดสร้างเป็นปูนคอนกรีตขึ้นมา โดยจัดสร้างแล้วเสร็จเมื่อปี พ.ศ. 2528 และปัจจุบันมัสยิดบูเก็ตตันหยงมีการทาสีเขียวสดใสตั้งเด่นเป็นสง่าในพื้นที่ดังกล่าว
นายสูไฮมี มะเกะ โต๊ะอิหม่ามมัสยิดบูเก็ตตันหยง คนปัจจุบัน เล่าว่า มัสยิดบูเก็ตตันหยงแห่งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งมัสยิดที่มีเรื่องราวความผูกพันระหว่างประชาชนชาวมุสลิมในพื้นที่กับสถาบันพระมหากษัตริย์ทุกพระองค์ ซึ่งประชาชนในพื้นที่ทุกคนล้วนมีความผูกพันกันมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะทุกครั้งที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐานมายังพระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์ ประชาชนในพื้นที่ก็จะเดินทางมาเฝ้ารอรับเสด็จ ณ บริเวณแห่งนี้
นายสูไฮมี มะเกะ กล่าวด้วยว่า ชาวบ้านในพื้นที่ต่างสำนึกพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเป็นล้นพ้น ที่ก่อสร้างมัสยิดบูเก็ตตันหยงขึ้น โดยประชาชนในพื้นที่ยึดถือมัสยิดแห่งนี้เป็นสัญลักษณ์ของความกลมเกลียว สามัคคี และช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ตลอดจนดำเนินชีวิตตามแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และนอกจากมัสยิดบูเก็ตตันหยงจะใช้เป็นสถานที่ประกอบศาสนกิจของประชาชนในพื้นที่แล้ว มุขมนตรีในประเทศมาเลเซียยังเคยเดินทางมาร่วมประกอบศาสนกิจ ณ มัสยิดแห่งนี้บ่อยครั้ง