นครศรีธรมราช - ความผูกพันไม่เคยเลือนหาย ชาวไทยมุสลิมในจังหวัดนครศรีธรรมราชกับพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ ทรงพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ผาติกรรมที่ดินสร้างมัสยิดซอลาฮุดดีน เมื่อปี 2502 และทรงประทับบนแท่น “มิมบัร” สร้างความประทับใจให้แก่ชาวมุสลิมไม่รู้ลืม
วันนี้ (16 ต.ค.) ที่ จ.นครศรีธรรมราช มัสยิดซอลาฮุดดีนรูปทรงสวยงามตามแบบศิลปกรรมของศาสนาอิสลาม ตั้งอยู่บนถนนกะโรม ต.คลัง อ.เมืองนครศรีธรรมราช แห่งนี้มีความผูกพันกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ มายาวนาน เนื่องด้วยทรงเป็นองค์ศาสนูปถัมภกโดยแท้ ที่ดินที่ตั้งมัสยิดแห่งนี้ ชาวมุสลิมที่ประกอบศาสนากิจทุกวันต่างรับรู้ถึงที่มาจากรุ่นต่อรุ่น รัชกาลที่ 9 คือ องค์ผู้พระราชทานที่ดินผืนนี้ให้เป็นมัสยิดมาได้จนถึงปัจจุบัน หลังจากที่พระองค์ทรงทราบปัญหาที่ดินถึงพระเนตรพระกรรณ
นายลือชา เปี่ยมสุวรรณ ชาวไทยมุสลิมนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ที่ดินสร้างมัสยิดแห่งนี้เดิมทีเป็นที่ดินวัดร้าง ต่อมา ได้มีการสร้างมัสยิดขึ้นก่อนปี 2500 ต่อมา กรมการศาสนาได้ประสงค์จะเอาที่ดินกลับคืนไป ชาวไทยมุสลิมจึงได้ประสานงาน และพบกับปัญหา จนกระทั่งความทราบถึงพระเนตรพระกรรณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ โปรดเกล้าให้ราชเลขาธิการเข้ามาติดตามข้อมูลในการแก้ไขปัญหาจนกระทั่งสามารถดำเนินการได้ โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ ได้พระราชทานเงินซึ่งเป็นพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ จำนวน 42,935 บาท เป็นค่าผาติกรรมผ่านทางกระทรวงมหาดไทย โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราชเมื่อราว 60 ปีที่แล้ว ดำเนินการจนสามารถสร้างมัสยิดแห่งนี้แล้วเสร็จ ซึ่งเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ และเป็นประจักษ์ว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นองค์ศาสนูปถัมภกในทุกศาสนาอย่างแท้จริง
นายฮัจญีมนัส พงษ์ยี่หล้า รองนายกเทศมนตรีนครนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นมุสลิมที่สร้างซุ้มประตูรับเสด็จ ในขณะที่พระองค์ทรงเสด็จไปยังน้ำตกในอำเภอลานสกา ปรากฏว่า ได้เสด็จพระราชดำเนินมายังมัสยิดแห่งนี้โดยไม่มีกำหนดการมาก่อน ยังความปลาบปลื้มแก่ชาวไทยมุสลิมที่อาศัยและใช้มัสยิดแห่งนี้ประกอบศาสนกิจเป็นอย่างมาก และได้ทรงพระราชดำเนินประทับบนแท่นมิมบัร ซึ่งน่าเชื่อว่าเป็นแท่นมิมบัรเพียงแท่นเดียวในประเทศไทยที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ ทรงประทับ
แม้ว่าเหตุการณ์ครั้งประวัติศาสตร์ เมื่อวันที่ 15 มี.ค.2502 จะผ่านไปแล้ว 57 ปี แท่นมิมบัร ยังคงตั้งอยู่ที่เดิม แต่ที่พวกเขาภูมิใจยิ่งนักด้วยเชื่อว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ ทรงประทับนั่งบนแท่นนี้เพียงมัสยิดเดียวในประเทศไทย และแท่นนี้ยังเป็นเครื่องหมายสำคัญสำหรับการบรรยายธรรมในพิธีละหมาดวันศุกร์ นับแต่พระองค์เสด็จมาประทับล่วงมาจนเวลาเสด็จสวรรคต แท่นมิมบัรนี้จึงเสมือนหนึ่งพระองค์ยังคงห่วงใยชาวไทยมุสลิมไม่เคยห่างหาย
ชาวไทยมุสลิมที่ประกอบศาสนกิจในมัสยิดแห่งนี้ รวมทั้งคณะกรรมการมัสยิดรุ่นปัจจุบันต่างสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณแห่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ พวกเขาจึงเห็นพ้องต้องกันว่า จะมีการประกอบพิธีตามแนวปฏิบัติของศาสนาอิสลามอย่างต่อเนื่อง ขอพรต่อองค์อัลเลาะห์เพื่ออำนวยพระพรให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศเสด็จสู่สวรรคาลัยชั้นสูงสุด ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณพระองค์ยังเป็นองค์ศาสนูปถัมภกของทุกศาสนาในประเทศไทยโดยแท้จริง