สุราษฎร์ธานี - ผู้ใหญ่บ้าน ม.7 ต.เวียงสระ อ.เวียงสระ จ.สุราษฎร์ธานี นำชาวบ้านกว่า 200 คน ที่ร่วมพิธีสวดพระอภิธรรม ณ วัดเวียง ซึ่งเป็นวัดที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ เสด็จประพาสเยือนราษฎรเมื่อปี 2517 บรรยากาศเป็นไปอย่างเศร้าอาลัย ขณะที่ลูกเสือชาวบ้านปลาบปลื้มได้เฝ้ารับเสด็จ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามมินทราธิราช บรมนาถบพิตร อย่างใกล้ชิด ขณะเสด็จพระราชทานธงลูกเสือชาวบ้าน ยืนยันจะหลักเศรษฐกิจพอเพียงตามรอยพ่อ
ที่วัดเวียง ม. 7 ต.เวียงสระ อ.เวียงสระ จ.สุราษฎร์ธานี นายจงจิตร อภิชาตกุล ผู้ใหญ่บ้าน ม.7 นำชาวบ้านกว่า 200 คน ร่วมพิธีสวดพระอภิธรรมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามมินทราธิราช บรมนาถบพิตร ที่วัดเวียง ซึ่งเป็นวัดที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามมินทราธิราช บรมนาถบพิตร พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เสด็จประพาสเยือนราษฎร และพระราชทานธงประจำรุ่นให้แก่ลูกเสือชาวบ้านที่วัดแห่งนี้ เมื่อปี 2517
โดย นายจงจิตร อภิชาตกุล ผู้ใหญ่บ้าน ม.7 กล่าวว่า ในชาวบ้านที่เคยเฝ้ารับเสด็จ จะร่วมกันสวดพระอภิธรรม ในเวลา 15.52 น.ของทุกวัน เป็นเวลา 30 วัน โดยตน และชาวบ้านได้มีความตั้งใจที่จะบูรณปรับปรุงภูมิทัศน์พลับพลาที่ประทับ ที่เป็นสถานที่ที่พระองค์ท่านเสด็จมาประทับ และพระราชทานธงลูกเสือชาวบ้านให้แก่ลูกเสือชาวบ้านในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อให้เป็นส่วนหนึ่งในประวัติศาสตร์ระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณต่อไป
ขณะที่ลูกเสือชาวบ้าน อ.เวียงสระ จ.สุราษฎร์ธานี เผยความประทับใจเข้าเฝ้ารับพระราชทานธงลูกเสือประจำรุ่น ปี 2517 โดย นายสากล บัวแย้ม อายุ 74 ปี อยู่บ้านเลขที่ 159 ม.7 ต.เวียงสระ อ.เวียงสระ จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นลูกเสือชาวบ้านกล่าวถึงความรู้สึกที่มีโอกาสได้เฝ้ารับเสด็จ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามมินทราธิราช บรมนาถบพิตร อย่างใกล้ชิด ขณะที่เสด็จพระราชทานธงลูกเสือชาวบ้าน ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี จำนวน 8 รุ่น ณ วัดเวียง อ.เวียงสระ เมื่อวันอังคาร ที่ 27 ส.ค.2517 ว่า มีความปลาบปลื้มใจอย่างมากที่ได้เห็นพระพักตร์พระองค์ท่านอย่างชัดเจน โดยในวันนั้น พระอธิการสมปอง เจ้าอาวาสวัดเวียง ได้ถวายพระพุทธรูปทองคำแก่พระองค์ด้วย แต่มาวันนี้เศร้าใจเป็นที่สุดเหมือนใจจะขาดที่สูญเสียพระองค์ท่านไป ตั้งใจแล้วว่าชีวิตที่เหลือจะเดินรอยตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และสั่งสอนลูกหลานให้ปฏิบัติตามรอยพ่อของแผ่นดิน
เช่นเดียวกันกับ นางสุนีย์ แสงอนันต์ อายุ 62 ปี ได้เปิดเผยว่า ตนเองขณะนั้นอายุ 16 ปี ได้เข้ารับการฝึกอบรมลูกเสือชาวบ้าน พร้อมได้รับการคัดเลือกให้เป็นตัวแทนพร้อมกับนายเจิม เพชรน้อย เข้ารับพระราชทานธงลูกเสือชาวบ้าน ว่า รู้ปลาบปลื้มอย่างมากที่ได้มีโอกาสเข้าเฝ้าอย่างใกล้ชิด และมีโอกาสตอบคำถามที่พระองค์ได้ตรัสถามเกี่ยวกับความเป็นอยู่ของชาวบ้าน ถามถึงราคายาง และราคาข้าวสารถังละเท่าไร จากการที่ตนได้เข้าเฝ้าพระองค์อย่างใกล้ชิดจึงได้นำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาดำเนินชีวิต โดยใช้พื้นที่สวนมาปรับปรุงปลูกพืชผสมผสานจนได้รับรางวัลต่างๆ นำความรู้ที่ได้รับออกเผยแพร่ต่อชาวบ้านในพื้นที่ เพื่อคนในหมู่บ้านใช้ชีวิตตามรอยพระราชดำริ จนได้คัดเลือกจนเป็นผู้นำกลุ่มสตรี ถึงแม้วันนี้ไม่มีพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามมินทราธิราช บรมนาถบพิตร แต่ตนพร้อมกับชาวบ้านจะเดินหน้านำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงออกเผยแพร่ให้ชาวบ้านตื่นตัวออกมาดำเนินชีวิตตามรอยพ่อต่อไป
ที่วัดเวียง ม. 7 ต.เวียงสระ อ.เวียงสระ จ.สุราษฎร์ธานี นายจงจิตร อภิชาตกุล ผู้ใหญ่บ้าน ม.7 นำชาวบ้านกว่า 200 คน ร่วมพิธีสวดพระอภิธรรมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามมินทราธิราช บรมนาถบพิตร ที่วัดเวียง ซึ่งเป็นวัดที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามมินทราธิราช บรมนาถบพิตร พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เสด็จประพาสเยือนราษฎร และพระราชทานธงประจำรุ่นให้แก่ลูกเสือชาวบ้านที่วัดแห่งนี้ เมื่อปี 2517
โดย นายจงจิตร อภิชาตกุล ผู้ใหญ่บ้าน ม.7 กล่าวว่า ในชาวบ้านที่เคยเฝ้ารับเสด็จ จะร่วมกันสวดพระอภิธรรม ในเวลา 15.52 น.ของทุกวัน เป็นเวลา 30 วัน โดยตน และชาวบ้านได้มีความตั้งใจที่จะบูรณปรับปรุงภูมิทัศน์พลับพลาที่ประทับ ที่เป็นสถานที่ที่พระองค์ท่านเสด็จมาประทับ และพระราชทานธงลูกเสือชาวบ้านให้แก่ลูกเสือชาวบ้านในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อให้เป็นส่วนหนึ่งในประวัติศาสตร์ระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณต่อไป
ขณะที่ลูกเสือชาวบ้าน อ.เวียงสระ จ.สุราษฎร์ธานี เผยความประทับใจเข้าเฝ้ารับพระราชทานธงลูกเสือประจำรุ่น ปี 2517 โดย นายสากล บัวแย้ม อายุ 74 ปี อยู่บ้านเลขที่ 159 ม.7 ต.เวียงสระ อ.เวียงสระ จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นลูกเสือชาวบ้านกล่าวถึงความรู้สึกที่มีโอกาสได้เฝ้ารับเสด็จ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามมินทราธิราช บรมนาถบพิตร อย่างใกล้ชิด ขณะที่เสด็จพระราชทานธงลูกเสือชาวบ้าน ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี จำนวน 8 รุ่น ณ วัดเวียง อ.เวียงสระ เมื่อวันอังคาร ที่ 27 ส.ค.2517 ว่า มีความปลาบปลื้มใจอย่างมากที่ได้เห็นพระพักตร์พระองค์ท่านอย่างชัดเจน โดยในวันนั้น พระอธิการสมปอง เจ้าอาวาสวัดเวียง ได้ถวายพระพุทธรูปทองคำแก่พระองค์ด้วย แต่มาวันนี้เศร้าใจเป็นที่สุดเหมือนใจจะขาดที่สูญเสียพระองค์ท่านไป ตั้งใจแล้วว่าชีวิตที่เหลือจะเดินรอยตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และสั่งสอนลูกหลานให้ปฏิบัติตามรอยพ่อของแผ่นดิน
เช่นเดียวกันกับ นางสุนีย์ แสงอนันต์ อายุ 62 ปี ได้เปิดเผยว่า ตนเองขณะนั้นอายุ 16 ปี ได้เข้ารับการฝึกอบรมลูกเสือชาวบ้าน พร้อมได้รับการคัดเลือกให้เป็นตัวแทนพร้อมกับนายเจิม เพชรน้อย เข้ารับพระราชทานธงลูกเสือชาวบ้าน ว่า รู้ปลาบปลื้มอย่างมากที่ได้มีโอกาสเข้าเฝ้าอย่างใกล้ชิด และมีโอกาสตอบคำถามที่พระองค์ได้ตรัสถามเกี่ยวกับความเป็นอยู่ของชาวบ้าน ถามถึงราคายาง และราคาข้าวสารถังละเท่าไร จากการที่ตนได้เข้าเฝ้าพระองค์อย่างใกล้ชิดจึงได้นำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาดำเนินชีวิต โดยใช้พื้นที่สวนมาปรับปรุงปลูกพืชผสมผสานจนได้รับรางวัลต่างๆ นำความรู้ที่ได้รับออกเผยแพร่ต่อชาวบ้านในพื้นที่ เพื่อคนในหมู่บ้านใช้ชีวิตตามรอยพระราชดำริ จนได้คัดเลือกจนเป็นผู้นำกลุ่มสตรี ถึงแม้วันนี้ไม่มีพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามมินทราธิราช บรมนาถบพิตร แต่ตนพร้อมกับชาวบ้านจะเดินหน้านำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงออกเผยแพร่ให้ชาวบ้านตื่นตัวออกมาดำเนินชีวิตตามรอยพ่อต่อไป
