นครศรีธรรมราช - สหกรณ์ชื่อดังร้อง อบจ.นครศรีฯ นำเงินของสหกรณ์กรรวม 3.3 ล้านบาท ไปใช้ในโครงการก่อสร้าง ก่อนถูกทิ้งซากร้างโดยไม่ดำเนินการให้แล้วเสร็จ ขณะที่ ปธ.ยันเป็นเงินของประชาชน พร้อมตั้งข้อสังเกตความไม่ชอบมาพากล
วันนี้ (11 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้านในท้องที่ ต.ละอาย อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช ว่า มีอาคารที่ถูกสร้างโดยโครงการของ อบจ.นครศรีธรรมราช ซึ่งสร้างไม่แล้วเสร็จ ถูกทิ้งร้างอยู่ในสภาพทรุดโทรม และเริ่มส่งผลต่อวัสดุเนื่องจากอยู่กลางฝนมากว่า 2 ปี โดยที่ต้องสูญเสียงบประมาณหลายล้านบาท แต่ไม่สามารถใช้การได้
ซึ่งเมื่อเข้าตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า อาคารหลังดังกล่าวตั้งอยู่บริเวณหลังที่ทำการสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนศูนย์กลางละอาย จำกัด เลขที่ 32 หมู่ 8 ต.ละอาย อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช และเมื่อตรวจสอบข้อมูลพบว่า ผู้ที่เป็นเจ้าของโครงการก่อสร้างอาคาร และผู้ซื้อจัดจ้างคือ องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช และมีผู้รับจ้างคือ หจก.ศิริวิทย์การช่าง ซึ่งเป็นอาคารอเนกประสงค์ประจำตำบลละอาย ในพื้นที่ของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนศูนย์กลางละอาย จำกัด ต.ละอาย อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งได้เริ่มสัญญาก่อสร้างเมื่อเดือนมกราคม 2557 และสิ้นสุดสัญญาในมกราคม 2558 จนโครงการสร้างไม่แล้วเสร็จ และถูกทิ้งในสภาพเช่นนี้มาแล้วกว่า 2 ปี จนสภาพโครงสร้าง และแผ่นพื้นชั้น 2 เริ่มชำรุดทรุดโทรมจากสภาพฝนฟ้าอากาศ
นายเสรี จิตจำ ประธานกรรมการสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนศูนย์กลางละอาย จำกัด ระบุว่า องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้จัดทำโครงการนี้ขึ้นเมื่อปี 2557 โดยมีข้อตกลงร่วมกันในการก่อสร้างอาคารอเนกประสงค์ ซึ่งสหกรณ์ต้องสมทบเงินไปรวม 3.3 ล้านบาท ขณะที่องค์การบริหารส่วนจังหวัด ได้ตั้งงบประมาณในข้อบัญญัติ 5 ล้านบาท มีข้อแม้ว่าโครงการนี้ อบจ.นครศรีธรรมราช จะต้องเป็นเจ้าของโครงการ และเป็นผู้ดำเนินการว่าจ้าง แต่เมื่อมีการว่าจ้างปรากฏว่า ได้ใช้จ่ายเงินในส่วนของสหกรณ์ที่สมทบไปแล้วกลับยุติโครงการก่อสร้าง จึงกลายเป็นปัญหาใหญ่ เนื่องจากเงินที่ลงสมทบไปนั้นเป็นเงินของประชาชนทั้งหมด หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างปัดความรับผิดชอบ
อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการทวงถามไปยังองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช นายสนั่น ศิลารัตน์ ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช รักษาการนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด ได้ทำหนังสือแจ้งเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมาแต่เพียงว่า ยังไม่ได้บอกเลิกสัญญาจ้างกับผู้รับจ้าง สหกรณ์จึงยังไม่สามารถดำเนินการใดๆ ได้ ขณะที่ข้อมูลระยะเวลาสัญญาจ้างโครงการนั้นได้หมดไปตั้งแต่เดือนมกราคม 2558 แล้ว ซึ่งยังไม่มีผู้ใดแสดงความรับผิดชอบต่อโครงการนี้