ชุมพร - พิษแรงหึง! ผัวหึงเมียเจ้าของร้านจำหน่ายดอกไม้กลางเมืองชุมพร ชอบเล่นเฟซ-ไลน์กับลูกค้า จนเกิดระแวง มีปากเสียงทะเลาะกันรุนแรง ลากเข้าห้องนอนจับแก้ผ้าเอาหัวกระแทกพื้นดับคาที่

เมื่อเวลา 11.30. วันนี้ (11 ก.ย.) ร.ต.อ.สุพงษ์ ทองสง่า รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองชุมพร ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า มีผัวเมียทะเลาะกันอย่างรุนแรง และทำร้ายร่างกายกันที่ร้านจำหน่ายดอกไม้ชื่อ “ต้นนุ่นฟลาวเวอร์” เลขที่ 118 ถนนปรมินทรมรรคา เขตเทศบาลเมืองชุมพร จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบ แล้วไปตรวจสอบ พร้อมด้วย พ.ต.ท.วิชัย แสงวิเชียร สารวัตรสอบสวน พ.ต.ท.วัชระ เผือกจันทร์ สวป.แพทย์ รพ.ชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ และหน่วยกู้ภัยมูลนิธิชุมพร
เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงที่เกิดเหตุพบเป็นอาคารพาณิชย์ 3 ชั้น อยู่ใกล้สี่แยกมอนเดียร์ ย่านธุรกิจการค้าใจกลางเมืองชุมพร บริเวณชั้นล่างประตูเหล็กเปิดอ้าอยู่เล็กน้อย เป็นร้านจำหน่ายดอกไม้สด ดอกไม้แห้ง และรับจัดทำนอกสถานที่ตามงานพิธีต่างๆ ภายในร้ายพบสิ่งของกระจัดกระจายไปทั่ว เมื่อขึ้นไปตรวจสอบชั้น 2 ซึ่งเป็นห้องนอน พบมีการปิดล็อกประตูเงียบเจ้าหน้าที่เรียกอยู่นานก็ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ จึงได้พังประตูเข้าไป พบ นายกิตติ เยาว์ยัง อายุ 53 ปี อยู่ในอาการนั่งสงบนิ่งมือเปื้อนเลือดหลังพิงฝาห้อง เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวไว้ และพบศพผู้เสียชีวิต 1 ราย ทราบชื่อคือ นางสุวรรณี แซ่เอี๊ยะ หรือเจ๊คิ้ม อายุ 53 ปี สภาพศพมีผ้าห่มปิดคลุมร่างจนมิดเมื่อเจ้าหน้าที่เปิดดูถึงกับผงะ
เนื่องจากศพอยู่ในสภาพนอนคว่ำหน้าเปลือยกายอยู่บนพื้นมีเลือดไหลนอง เพิ่งเสียชีวิตได้ไม่นาน จากการชันสูตรที่ใบหน้ามีแผลฉกรรจ์เหวอะหวะบวมเปล่ง ฟันหักหลายซี่ คล้ายถูกจับกระแทกกับพื้นอย่างรุนแรง ตามลำตัวมีรอยเขียวช้ำหลายจุด เจ้าหน้าที่ได้นำศพส่งไปชันสูตรอย่างละเอียดที่ รพ.ชุมพรเขตรอุดมศักดิ์
จากการสอบสวน นายกิตติ สามีผู้ตายให้การว่า สาเหตุมาจากความหึงหวง เนื่องจากที่ผ่านมา ได้พบเห็นนางสุวรรณี ภรรยาชอบเล่นเฟซ เล่นไลน์กับลูกค้า และคนทั่วไปอยู่เป็นประจำจนเกิดความระแวงสงสัยทำให้มีปากเสียงทะเลาะกันมาแล้วหลายครั้ง ก่อนเกิดเหตุภรรยาได้ออกไปทำธุระนอกบ้านตั้งแต่เช้า แล้วกลับเข้ามาอีกครั้งบอกว่าจะเอาชุดดอกไม้ไปส่งให้แก่ลูกค้า ตนจึงสอบถามจนเกิดมีปากเสียงทะเลาะกันอย่างรุนแรงถึงขั้นใช้กำลังทำร้ายร่างกายกันที่บริเวณชั้นล่าง จากนั้นตนจึงลาก นางสุวรรณี ขึ้นไปในห้องนอนที่ชั้น 2 และจับแก้ผ้าจนล่อนจ้อนแล้วเอาศีรษะโขกกระแทกกับพื้นอย่างรุนแรงหลายครั้งจนเสียชีวิตดังกล่าว กระทั่งมีเจ้าหน้าที่มาพังประตูเข้าไป จึงควบคุมตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
เมื่อเวลา 11.30. วันนี้ (11 ก.ย.) ร.ต.อ.สุพงษ์ ทองสง่า รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองชุมพร ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า มีผัวเมียทะเลาะกันอย่างรุนแรง และทำร้ายร่างกายกันที่ร้านจำหน่ายดอกไม้ชื่อ “ต้นนุ่นฟลาวเวอร์” เลขที่ 118 ถนนปรมินทรมรรคา เขตเทศบาลเมืองชุมพร จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบ แล้วไปตรวจสอบ พร้อมด้วย พ.ต.ท.วิชัย แสงวิเชียร สารวัตรสอบสวน พ.ต.ท.วัชระ เผือกจันทร์ สวป.แพทย์ รพ.ชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ และหน่วยกู้ภัยมูลนิธิชุมพร
เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงที่เกิดเหตุพบเป็นอาคารพาณิชย์ 3 ชั้น อยู่ใกล้สี่แยกมอนเดียร์ ย่านธุรกิจการค้าใจกลางเมืองชุมพร บริเวณชั้นล่างประตูเหล็กเปิดอ้าอยู่เล็กน้อย เป็นร้านจำหน่ายดอกไม้สด ดอกไม้แห้ง และรับจัดทำนอกสถานที่ตามงานพิธีต่างๆ ภายในร้ายพบสิ่งของกระจัดกระจายไปทั่ว เมื่อขึ้นไปตรวจสอบชั้น 2 ซึ่งเป็นห้องนอน พบมีการปิดล็อกประตูเงียบเจ้าหน้าที่เรียกอยู่นานก็ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ จึงได้พังประตูเข้าไป พบ นายกิตติ เยาว์ยัง อายุ 53 ปี อยู่ในอาการนั่งสงบนิ่งมือเปื้อนเลือดหลังพิงฝาห้อง เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวไว้ และพบศพผู้เสียชีวิต 1 ราย ทราบชื่อคือ นางสุวรรณี แซ่เอี๊ยะ หรือเจ๊คิ้ม อายุ 53 ปี สภาพศพมีผ้าห่มปิดคลุมร่างจนมิดเมื่อเจ้าหน้าที่เปิดดูถึงกับผงะ
เนื่องจากศพอยู่ในสภาพนอนคว่ำหน้าเปลือยกายอยู่บนพื้นมีเลือดไหลนอง เพิ่งเสียชีวิตได้ไม่นาน จากการชันสูตรที่ใบหน้ามีแผลฉกรรจ์เหวอะหวะบวมเปล่ง ฟันหักหลายซี่ คล้ายถูกจับกระแทกกับพื้นอย่างรุนแรง ตามลำตัวมีรอยเขียวช้ำหลายจุด เจ้าหน้าที่ได้นำศพส่งไปชันสูตรอย่างละเอียดที่ รพ.ชุมพรเขตรอุดมศักดิ์
จากการสอบสวน นายกิตติ สามีผู้ตายให้การว่า สาเหตุมาจากความหึงหวง เนื่องจากที่ผ่านมา ได้พบเห็นนางสุวรรณี ภรรยาชอบเล่นเฟซ เล่นไลน์กับลูกค้า และคนทั่วไปอยู่เป็นประจำจนเกิดความระแวงสงสัยทำให้มีปากเสียงทะเลาะกันมาแล้วหลายครั้ง ก่อนเกิดเหตุภรรยาได้ออกไปทำธุระนอกบ้านตั้งแต่เช้า แล้วกลับเข้ามาอีกครั้งบอกว่าจะเอาชุดดอกไม้ไปส่งให้แก่ลูกค้า ตนจึงสอบถามจนเกิดมีปากเสียงทะเลาะกันอย่างรุนแรงถึงขั้นใช้กำลังทำร้ายร่างกายกันที่บริเวณชั้นล่าง จากนั้นตนจึงลาก นางสุวรรณี ขึ้นไปในห้องนอนที่ชั้น 2 และจับแก้ผ้าจนล่อนจ้อนแล้วเอาศีรษะโขกกระแทกกับพื้นอย่างรุนแรงหลายครั้งจนเสียชีวิตดังกล่าว กระทั่งมีเจ้าหน้าที่มาพังประตูเข้าไป จึงควบคุมตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป