xs
xsm
sm
md
lg

“แบ็คดรอป อิงค์เจ็ท” ไอเท็มฮิตงานแต่ง ประหยัดแบบมีสไตล์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


อีกหนึ่งไอเท็มสำคัญประจำงานแต่ง คือ “แบ็คดรอป” (Backdrop) สวยๆ หน้างาน ที่คู่บ่าว-สาว ใช้เป็นฉากในการยืนต้อนรับแขก และถ่ายรูป

จากรูปแบบเดิมๆ ที่เน้นการใช้ดอกไม้สด และผ้า เป็นองค์ประกอบหลัก ก็เริ่มได้เห็นแบ็คดรอปที่ทำจากดอกไม้กระดาษหลากสีสัน รวมถึง “แบคดรอปอิงค์เจ็ท” (Backdrop Inkjet) ที่สามารถดีไซน์รูปแบบได้อย่างอิสระ ตอบโจทย์คู่บ่าว-สาวยุคใหม่ได้อย่างแท้จริง

แบรนด์ “Princess Wedding Prop” เป็นผู้ประกอบการอีกราย ที่มองเห็นโอกาสทางธุรกิจของแบ็คดรอปอิงค์เจ็ท เพราะมีต้นทุนที่ต่ำกว่า ถ้าเทียบกับการใช้ดอกไม้สด และยังมีจุดแข็งที่สำคัญ ในเรื่องของการดีไซน์ ที่ปรับเปลี่ยนได้อย่างอิสระ ตามความชอบ และตามจินตนาการของคู่บ่าว-สาว

ทางฝ่ายลูกค้า ก็ประหยัดในเรื่องค่าใช้จ่าย แถมยังได้รูปแบบของฉากที่ตรงใจ ส่วนทางฝ่ายผู้ประกอบการ ก็สะดวกในเรื่องการขนย้ายอุปกรณ์และการติดตั้ง เพราะฉากอิงค์เจ็ทจะมีน้ำหนักเบา และถูกสร้างมาให้แยกชิ้นส่วนได้ เพื่อความสะดวกในการขนย้ายและติดตั้ง
         “มนทิรา อ่าวสกุล” เจ้าของแบรนด์ PrincessWedding Prop
“มนทิรา อ่าวสกุล” เจ้าของแบรนด์ PrincessWedding Prop เริ่มมองเห็นโอกาสทางธุรกิจนี้ ตั้งแต่ช่วงปี 2553

“เดิมทีเราเป็นพนักงานประจำ ทำสายการบินมาก่อน ในส่วนของแอร์กราวด์หรือภาคพื้นดิน ไม่ได้อยู่ในธุรกิจ Weddingมาก่อนเลย พอดีช่วงปี 2553 เป็นปีที่เราแต่งงาน เราก็อยากได้แบ็คดรอปที่ไม่ซ้ำกับใคร เพราะแต่งงานครั้งหนึ่งในชีวิต ก็เลยออกแบบเอง ทำเอง โดยการใช้แบ็คดรอปอิงค์เจ็ท

ก็เห็นถึงข้อดีที่ว่า ออกแบบได้อย่างอิสระ และยังดูโมเดิร์นกว่าแบ็คดรอปดอกไม้สดแบบเดิมๆ จะติดตั้งหรือเคลื่อนย้ายก็ทำได้ง่าย ยิ่งถ้าเป็นแบ็คดรอปสำเร็จรูป ก็สามารถเก็บเอาไว้ใช้งานต่อไปได้อีกด้วย

พอแต่งงานแล้ว ก็เริ่มไม่อยากทำงานประจำ ก่อนแต่งงานก็หาข้อมูลเตรียมงานเยอะ ทำให้เริ่มมองเห็นโอกาสของธุรกิจ Wedding

ตอนแรกมองไปที่ธุรกิจ Wedding Planner แต่เมื่อสำรวจตลาดดูก็พบว่ามีอยู่แล้วหลายเจ้า ทั้งยังมีต้นทุนในการทำธุรกิจสูงถ้าเทียบกันแล้วพวก Wedding Prop ยังมีผู้เล่นในตลาดน้อยกว่า ตอนนั้นมีอยู่ไม่ถึง 20 เจ้า เลยลาออกจากงานประจำมาทำธุรกิจ”

ต่อคำถามว่า “แบ็คดรอปอิงค์เจ็ท มีข้อดี หรือข้อแตกต่างจากแบคดรอปในแบบเดิมๆอย่างไร?” มนทิรา เฉลยความว่า “แบ็คดรอปตามแพ็คเกจของโรงแรมทั่วไปก็จะเป็นดอกไม้สดและผ้า รูปแบบก็จะเดิมๆซ้ำๆ ที่เปลี่ยนแปลงได้ ก็คือ ชนิดของดอกไม้ จำนวนดอกไม้ สีของดอกไม้ รวมถึงสีของผ้าที่สามารถคุมโทนให้เข้ากับธีมงานได้

แต่คู่บ่าว-สาวยุคนี้ เขาอยากได้ความเป็นยูนีคเพราะงานแต่งงานมันครั้งเดียวในชีวิต เขาก็อยากได้อะไรที่เป็นของตัวเองจริงๆไม่อยากได้อะไรที่ซ้ำกับงานของคนอื่น ตอนที่เราแต่งงาน ก็มีความคิดแบบนี้เหมือนกัน ทำไมมันต้องซ้ำใคร งานครั้งเดียวในชีวิต

ข้อจำกัดอีกอย่างของฉากดอกไม้สด ก็คือ เรื่องของราคา โดยเฉพาะในช่วงปลายปี ที่ถือว่าเป็นฤดูแต่งงาน ดอกไม้ที่ปากคลองตลาดจะมีราคาสูงขึ้นเยอะมาก เพราะความต้องการมันเยอะ คนแต่งงานกันทั่วประเทศ

ที่สำคัญทางบ่าว-สาว จะต้องเสียค่านำเข้าดอกไม้เอง หากไม่ได้ใช้บริการฉากของทางโรงแรม บางแห่งต้องเสียค่านำเข้า 20,000-30,000 บาท ขึ้นอยู่กับข้อตกลงของโรงแรม หรือสถานที่จัดงานแต่ละแห่ง เพราะเรามีเพื่อนที่อยู่ในวงการนี้ ก็จะรู้รายละเอียดต่างๆ

ในขณะที่ฉากอิงค์เจ็ทมีราคาที่เป็นมาตรฐาน จะแต่งงานเดือนไหน ฤดูกาลไหน ก็ราคาเท่าเดิม ขึ้นอยู่กับแบบ และรูปแบบที่เลือก ตรงนี้จะช่วยให้สามารถคุมค่าใช้จ่ายได้มากกว่า ถ้าเทียบกับฉากดอกไม้สด ที่งบอาจจะบานปลาย อันนี้พูดถึงบ่าว-สาวที่ต้องการคุมค่าใช้จ่ายนะ แต่สำหรับบ่าว-สาว ที่มีกำลังจ่ายสูง เรื่องนี้คงไม่มีผลอะไร”

ในส่วนของแบ็คดรอปอิงค์เจ็ทนั้น จะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ฉากสำเร็จรูป และฉากที่ทำตามออเดอร์ของลูกค้า ราคาจะอยู่ที่ 5,000 ไปจนถึง 35,000 บาท

“ในส่วนของฉากสำเร็จรูป ราคาจะเริ่มต้นที่ 5,000 บาท สำหรับขนาดมาตรฐานขนาด 3.6 เมตร มีให้เลือกมากกว่า 30 แบบ เช่น อิตาลี ม้าหมุน ปราสาท ประตูวัง ปราสาทรถม้า พระราชวังแวร์ซาย ร้านเค้ก เมืองลองดอน ขึ้นอยู่กับลูกค้าว่าชอบสไตล์หวานๆ เรียบๆ แต่โมเดิร์น หรือว่าหรูหราไปเลย

ฉากสำเร็จรูปจะได้รับความนิยมมากกว่า เพราะควบคุมค่าใช้จ่ายได้ ไม่บานปลาย อีกอย่างก็คือ ฉากสำเร็จรูป ช่วยให้ลูกค้านึกภาพออก ว่าวันจริงจะเป็นแบบไหน สวยไหม เวลาโดนแสงจากสปอร์ตไลท์แล้วจะเป็นยังไง แต่ถ้าเกิดเป็นฉากแบบสั่งทำ มันไม่เคยมีตัวอย่างมาก่อน ว่าพออยู่ที่งานแล้วจะเป็นอย่างไร

โดยมากลูกค้าที่เลือกทำฉากแบบ Made to Order จะค่อนข้างมีกำลังซื้อ มักจะเลือกฉากขนาดใหญ่ 3 คูณ 6เมตรไปเลย เพราะสามารถตกแต่งได้มากกว่า ดูอลังการกว่า สามารถยืนถ่ายรูปได้พร้อมกันหลายคน

ส่วนรูปแบบที่ได้รับความนิยม ลูกค้าจะไม่ชอบฉากเรียบๆ แต่จะชอบฉากที่ดูเหมือน 3 มิติ เราจะทำเป็นลักษณะป็อปอัพ ที่ทำจากโฟม เด้งออกมาจากฉาก เช่นแจกันดอกไม้ หน้าต่าง เสาโรมัน กรอบรูป ให้คนสามารถมายืนหลังฉากเพื่อถ่ายรูปได้ เพิ่มความสวย และความสนุกให้กับแขกที่มาร่วมงาน

แต่สำหรับลูกค้าที่ยังอยากได้ดอกไม้ประดิษฐ์อยู่ เราก็สามารถทำให้ได้ รับรองว่าถ่ายรูปออกมาจะดูแน่นเหมือนดอกไม้จริง เพราะว่าคนที่ทำดอกไม้ให้เรา เรียนจบคหกรรมศาสตร์สาขาการจัดดอกไม้มาโดยตรง มีใบรับรอง จัดออกมาจะดูแน่นสวยเหมือนดอกไม้จริง

ดอกไม้ประดิษฐ์ก็มีอยู่หลายเกรด ถ้าแบบราคาถูกเลยก็จะทำจากกระดาษ ซึ่งจะดูออกมาเป็นดอกไม้ปลอม เพราะมันจะแห้งๆ แต่ดอกไม้ประดิษฐ์ของเราทำมาจากผ้า นำเข้ามาจากจีน ซึ่งเราเลือกซื้อเกรดที่ดีที่สุด พอจัดออกมาแล้วจะให้ความสวย และดูสมจริงมากกว่า

เราก็อาจจะใส่ไอเดีย โดยการจัดให้ดอกไม้โน้มเข้าหากัน สื่อความหมายว่า การแต่งงานก็คือ 2 ครอบครัวที่มารวมกันมันมีความหมายซ่อนอยู่ ลูกค้าก็จะชอบ เพราะมันดูแล้วพิเศษ แขกที่มาร่วมงานก็จะสนุกไปกับฉากด้วย เพราะมันไม่เหมือนกับฉากดอกไม้แบบเดิมๆที่เคยเห็น

สำหรับเรื่องค่าติดตั้งและขนส่งนั้น จะฟรีถ้าใช้บริการตั้งแต่ 7,000 บาท ขึ้นไป ดังนั้นถ้าลูกค้าเลือกใช้ฉากมาตรฐาน ที่ราคา 5,000 บาท ก็จะสั่งออพชั่นต่างๆเพิ่ม เช่น เพิ่มเสาโรมัน กระถางดอกไม้ กากเพชร ดอกไม้ประดิษฐ์ เพื่อให้ราคาถึง 7,000 บาท จะได้ไม่ต้องเสียค่าติดตั้ง

ในการติดตั้ง เราใช้เวลาแค่ประมาณ 2-3 ชั่วโมงเท่านั้น ขึ้นอยู่กับรูปแบบของฉาก ความใหญ่ และความยากของชิ้นงาน อย่างถ้าเป็นงานเลี้ยงตอนเย็น สักบ่ายโมงเราก็ต้องเข้าไปติดตั้งแล้ว จากนั้นพองานเลิก ก็ค่อยกลับมาเก็บอุปกรณ์อีกที”

นอกจากแบ็คดรอปแล้ว Princess Wedding Prop ยังมีอุปกรณ์ให้เลือกเพิ่มเติมอีกหลายอย่าง ทั้งในส่วนของมุมแกลลอรี่ รวมไปถึงอุปกรณ์ประกอบชิ้นเล็กอย่างกระถางดอกไม้ จักรยาน กรงนก ชุดโต๊ะเก้าอี้ เชิงเทียน ขาตั้งกรอบรูป ชั้นวางของชำร่วย

แต่ตัวที่เป็นไฮไลท์นั้น ได้แก่ รถม้าฟักทองขนาดใหญ่ สามารถขึ้นไปนั่งได้ 2 คน พร้อมม้า 2 ตัว ที่ช่วยทำให้คู่บ่าว-สาว ได้กลายเป็นเจ้าชายกับเจ้าหญิงสมใจในวันสำคัญ

“โดยมากแล้ว เจ้าสาวส่วนใหญ่ก็อยากจะเป็นเจ้าหญิงในวันแต่งงานกันทั้งนั้น ซึ่งตรงนี้ก็เป็นธีมหลักของแบรนด์Princess Wedding Prop อยู่แล้ว เจ้าหญิงในจินตนาการของแต่ละคนก็แตกต่างกันไปอีก ฉากสำเร็จรูปของเราก็เลยต้องมีความหลากหลายไปด้วย

บางคนก็อยากเป็นเจ้าหญิงสไตล์หวานๆ โรแมนติก อยากได้ดอกไม้ คิวปิด บางคนก็อยากได้แนวเจ้าหญิงแบบหรูๆ ขอเป็นเสาโรมัน บางคนก็ชอบฉากธรรมชาติอย่างจิบชาในสวน บางคนก็ชอบแนวแฟนตาซี สีสันสดๆไปเลย คำจำกัดความ หรือความชอบของแต่ละคน ก็จะแตกต่างกันไป เหมือนเจ้าหญิงของดิสนีย์ที่มีหลายคาแรคเตอร์

แต่จะมีพร็อพอยู่ตัวหนึ่งที่ได้รับผลตอบรับดีมากจากลูกค้า ไม่มีใครไม่ชอบ คือ รถม้าฟักทอง พร้อมม้า 2 ตัว เหมือนเป็นซินเดอเรล่า ซึ่งจะมีให้เลือก 2 แบบ แบบแรกจะใช้สำหรับการตกแต่งสถานที่ ซึ่งแขกสามารถขึ้นไปถ่ายรูปบนรถม้าได้ ราคาเริ่มต้นจะอยู่ที่ 15,000 บาท

แบบที่ 2 จะเป็นรถฟักทอง ที่ใช้ในการเปิดตัวบ่าว-สาว จะมีทีมงานแต่งตัวเป็นทหารม้าฝรั่งเศสจูงรถเข้าไปในงาน เหมือนกับเจ้าหญิงในเรื่องซินเดอเรล่าจริงๆเลย เป็นการเปิดตัวบ่าว-สาวที่อลังการมาก บวกกับไฟในห้อง และเพลงที่ใช้เปิดในงาน จะช่วยเพิ่มความโรแมนติกให้กับงานเยอะมาก สำหรับตัวนี้ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 25,000 บาท ซึ่งมีเราแค่เจ้าเดียวที่คิดไอเดียตรงนี้ขึ้นมา”

เมื่อถามถึงอุปสรรคในการทำธุรกิจนี้ มนทิรา เล่าว่าเป็นเรื่องธรรมดาในการทำธุรกิจทุกอย่าง ที่ต้องอาศัยระยะเวลา และประสบการณ์ในการทำงานไปเรื่อยๆ

ปัญหาที่เธอเจอบ่อยครั้งในช่วงปีแรกของการทำงาน คือ ไม่ได้เช็คสถานที่ในการติดตั้งงาน ทำให้บางครั้งต้องเจอกับปัญหาเรื่องการขนส่งและติดตั้งอุปกรณ์ เช่นฉากขนาดใหญ่ แต่ลิฟท์ของโรงแรมกลับมีขนาดเล็ก หรือบางโรงแรมก็ต้องต่อลิฟท์ 2 ครั้ง กว่าจะถึงห้องจัดเลี้ยง บางแห่งไม่มีลิฟท์ ก็ต้องขนอุปกรณ์ขึ้นบันไดเอง ทำให้ทีมงานไม่พอ หรือจัดฉากได้ช้า

“ช่วงแรกในการทำธุรกิจ ก็เหมือนเป็นการลองถูกลองผิด แต่หลังจากที่ทำมา 5 ปี ปัญหาต่างๆเหล่านั้นก็หมดไป เพราะเรามีประสบการณ์มากขึ้นแล้ว สถานที่ไหนไม่เคยไป ก็ต้องส่งทีมงานไปสำรวจก่อนทุกครั้ง

ส่วนเรื่องสภาวะเศรษฐกิจซบเซา ธุรกิจอื่นอาจจะได้รับผลกระทบเยอะ แต่สำหรับธุรกิจ Wedding ได้รับผลกระทบน้อย เพราะอย่างไรเสีย คนแต่งงานก็ยังต้องแต่ง ทว่า อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงในแง่ ประหยัดค่าใช้จ่ายมากขึ้น จะมองหาความคุ้มค่ากับเงินที่ต้องจ่ายไปมากขึ้นกว่าเดิม

ธุรกิจในตอนนี้ก็ถือว่าอยู่ตัวแล้ว แล้วก็เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้จะมีคู่แข่งเพิ่มขึ้น แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไร ตอนนี้ผู้ประกอบการก็หันมาทำแบ็คดรอปอิงค์เจ็ทกันเยอะ เพราะเทรนด์มันมาแบบนี้ ซึ่งแต่ละร้านเขาก็จะมีคาแรคเตอร์ที่แตกต่างกันไปอยู่แล้ว

บางร้านก็สไตล์วินเทจบางร้านก็สไตล์โมเดิร์น อย่างร้านเราก็ชัดเจนว่าเป็นสไตล์Princess มีปราสาทมีรถม้าฟักทอง ซึ่งเป็นจุดขายของทางร้านอยู่แล้ว ถ้าชอบแนวเจ้าหญิงเจ้าชาย ก็ต้องเลือกร้านเรา ถึงจะเป็นธุรกิจประเภทเดียวกัน แต่ก็มีคาแรคเตอร์ที่แตกต่างกันไป เหมือนเข้ามาช่วยกันขยายตลาด และเป็นทางเลือกให้กับลูกค้ามากกว่า

จากนี้ไปก็คงเน้นไปที่การสร้างความรับรู้ให้กับแบรนด์มากขึ้น โดยเน้นไปที่การทำตลาดออนไลน์ ทั้งทางเว็บไซต์และเฟซบุ๊ก ถึงเราจะไม่มีหน้าร้าน แต่ก็มีโกดังเก็บอุปกรณ์ เป็นทาวน์โฮมอยู่แถวหลักสี่ เพื่อให้ลูกค้าเข้ามาดูสินค้าของจริงเพื่อประกอบการตัดสินใจ ซึ่งลูกค้าก็เข้าใจ เพราะโดยมากก็นัดดีลงานกันนอกสถานที่ ตามความสะดวกของลูกค้าอยู่แล้ว”

Princess Wedding Prop เป็นอีกแบรนด์ ที่เลือกสร้างธุรกิจได้ถูกจังหวะ ถูกเวลา และยังมีคาแรคเตอร์ที่ชัดเจน สมกับเป็นธุรกิจงานแต่งยุคใหม่อย่างแท้จริง

ข้อมูลโดย นิตยสาร SMEs Plus

* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *


กำลังโหลดความคิดเห็น