xs
xsm
sm
md
lg

น้ำผึ้งหยดเดียว! เครือข่าย ปชช.ใต้จี้ปลดประธาน กสม.หลังใช้ท่าทีไม่ดีสั่งห้ามแถลงข่าวในที่ประชุม (ชมคลิป)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


 
ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - เครือข่ายประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากการละเมิดสิทธิชุมชนภาคใต้ ออกแถลงการณ์จี้รัฐหยุดดำเนินนโยบาย โครงการ หรือกิจการที่ละเมิดสิทธิชุมชนในภาคใต้ แต่ประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ไม่อนุญาตให้อ่านแถลงการณ์ในห้องประชุม จี้ทบทวนบทบาท พร้อมเสนอให้ปลดออกจากตำแหน่ง เพราะทำงานไม่สมบทบาท

วันนี้ (25 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครือข่ายประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากการละเมิดสิทธิชุมชนภาคใต้ ได้ “วอล์กเอาต์” เดินออกจากห้องประชุมสิทธิมนุษยชนที่จัดขึ้นโดยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ จัดขึ้นในโรงแรมบุรีศรีภู บูติค อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เพื่อประท้วงการทำหน้าที่ของ นายวัส ติงสมิตร ประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ที่ไม่อนุญาตให้ชาวบ้านอ่านแถลงการณ์เรียกร้องรัฐหยุดดำเนินนโยบาย โครงการ หรือกิจการที่ละเมิดสิทธิชุมชนในภาคใต้ ในห้องประชุม ทำให้ชาวบ้านต้องมาอ่านแถลงการณ์ด้านนอก หลังจากอ่านแถลงการณ์เสร็จแล้ว ได้มีการเรียกร้องให้ปลดประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ คนนี้ออกจากตำแหน่ง เนื่องจากไม่เข้าใจในบทบาทหน้าที่
 

 
สำหรับเนื้อหาในแถลงการณ์ระบุว่า ชาวบ้านเรียกร้องให้หยุดการดำเนินนโยบาย โครงการ หรือกิจการที่ละเมิดสิทธิชุมชนในภาคใต้ภายใต้การบริหารงานของรัฐบาลปัจจุบัน ได้มีการดำเนินนโยบาย โครงการ หรือกิจการที่ส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิต สังคม วิถีวัฒนธรรม ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอันนำไปสู่การละเมิดสิทธิชุมชนตามมา เช่น

1.นโยบายการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคใต้ ที่รัฐบาลได้ประกาศเดินหน้าโครงการเชื่อมโยงโครงข่ายการขนส่งสองฝั่งทะเลอ่าวไทย และอันดามัน หรือแลนด์บริดจ์ ที่จะต้องสร้างท่าเรือน้ำลึกปากบารา จังหวัดสตูล และท่าเรือน้ำลึกบ้านสวนกง จังหวัดสงขลา รวมถึงการเกิดขึ้นของโครงการอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่องกันอีกมากมาย เช่น การก่อสร้างทางรถไฟเชื่อมระหว่างท่าเรือสองฝั่ง การพัฒนาพื้นที่อุตสาหกรรม การสร้างเขื่อน และการเปิดพื้นที่การลงทุนแบบใหม่ที่เรียกว่าเขตเศรษฐกิจพิเศษในจังหวัดสงขลา

2.โครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ ในหลายจังหวัด โดยเฉพาะโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ และโรงไฟฟ้าเทพา ที่มีการเร่งรัดดำเนินโครงการอย่างมีนัยในช่วงปีที่ผ่านมา

3.โครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าขยะ และโรงไฟฟ้าชีวมวล ที่เกิดขึ้นอย่างกระจัดกระจายทั่วทุกจังหวัดในภาคใต้ ซึ่งพยายามหลบเลี่ยงข้อระเบียบ หรือขั้นตอนการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม จนนำไปสู่ความขัดแย้งในหลายพื้นที่

4.นโยบายการทวงคืนผืนป่าที่ได้มีการตรวจยึดพื้นที่ทำกินดั้งเดิมของชุมชนอย่างไม่แยกแยะ อันส่งผลให้เกิดความไม่มั่นคงในการดำรงชีวิตของเกษตรกรชาวไร่ ชาวสวนยาง ในหลายพื้นที่

5.การละเลยไม่คุ้มครองสิทธิของชนกลุ่มน้อย หรือกลุ่มชาติพันธุ์ภาคใต้ ได้แก่ กลุ่มชาติพันธุ์ชาวเล กลุ่มมันนิ (ซาไก) จนนำไปสู่ปัญหาอื่นๆเช่น การถูกรุกจากอุตสาหกรรมท่องเที่ยว การสูญเสียที่ดินซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของชุมชนชาวเล หรือการรับรองสิทธิพลเมืองของกลุ่มมันนิ

6.สถานการณ์จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ยังไม่มีแนวทาง หรือทางออกในการแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างอย่างเป็นระบบ และยังมีเหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้นรายวัน ทั้งที่โดยหลักการแล้วการดำเนินนโยบาย โครงการ หรือกิจการต่างๆ เหล่านี้จะต้องอาศัยความละเอียดอ่อนที่รัฐบาล หรือเจ้าหน้าที่รัฐจะต้องพึงระวังถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นทั้งในระยะสั้น และระยะยาว อีกทั้งต้องอาศัยกระบวนการทางกฎหมาย หรือข้อระเบียบต่างๆ ในการกลั่นกรองก่อนการดำเนินโครงการอย่างรอบด้าน มิเช่นนั้นแล้ว ก็จะนำไปสู่การละเมิดสิทธิของประชาชน และสิทธิชุมชนเพิ่มมากขึ้นอย่างแน่นอนในอนาคต

เครือข่ายประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจาการละเมิดสิทธิชุมชนภาคใต้ มีความเห็นว่า นโยบาย และหลายโครงการที่ได้กล่าวไปแล้วนั้นไม่เหมาะสมที่จะได้รับการตัดสินใจผลักดันเดินหน้าในรัฐบาลเฉพาะกิจ ซึ่งยังอยู่ระหว่างการออกแบบ หรือสร้างกติกาทางสังคมแบบใหม่ ภายใต้เจตนารมณ์ของรัฐบาลเองที่ต้องการปฏิรูปประเทศนี้ให้ดีกว่าเดิม ทั้งนี้ เพื่อเป็นการลดบรรยากาศของความขัดแย้งทางการเมือง และสังคมในภาคใต้ อันเกิดขึ้นจากความคิดเห็นที่แตกต่างระหว่างผู้ดำเนินนโยบายกับชุมชนผู้ได้รับผลกระทบ ก็ซึ่งกำลังนำไปสู่ความขัดแย้งระหว่างชาวบ้านในชุมชนด้วยกันเอง ซึ่งเป็นความขัดแย้งอีกรูปแบบหนึ่งที่กำลังขยายวงเพิ่มมากขึ้นในหลายพื้นที่

ดังนั้น จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่จะต้องป้องกันการละเมิดสิทธิที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต จึงเสนอให้รัฐบาลยุติ หรือทบทวนการดำเนินนโยบาย โครงการ หรือกิจการดังที่ได้กล่าวแล้วเบื้องต้น และให้หันมาสร้างบรรยากาศของประเทศไปสู่ความสมานฉันท์ปรองดอง และสู่ความเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง
 
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น