ชุมพร - ทหารเดินหน้าตรวจสอบบ้านพักหรูตากอากาศร่วม 100 ล้าน ของเศรษฐีตระกูลดังเครือญาตินักการเมืองระดับชาติ วัดพิกัดพบบุกรุกที่สาธารณะอ่าวทุ่งทราย เตรียมแจ้งความดำเนินคดียึดคืนสู่แผ่นดิน
จากกรณีที่ผู้นำท้องถิ่น พร้อมชาวบ้านร้องให้ คสช.ตรวจสอบบ้านพักหรูมูลค่าร่วมร้อยล้านบาท เนื้อที่กว่า 30 ไร่ บนพื้นที่สาธารณะชายหาดอ่าวทุ่งทราย หมู่ 3 ตำบลปากคลอง อ.ปะทิว จ.ชุมพร โดย พล ต.อุดมวิทย์ อโนวัลย์ ผบ.มทบ. 44 ได้ตั้งชุดเฉพาะกิจออกตรวจสอบข้อมูลเชิงลึก และตรวจสอบเอกสารหลักฐานจากหน่วยงานเกี่ยวข้อง พร้อมเรียกประชุมหน่วยงานเกี่ยวข้องตรวจสอบข้อเท็จจริง และรวมรวบเอกสารหลักฐานดำเนินคดียึดพื้นที่กลับคืนให้แผ่นดิน ตามที่นำเสนอข่าวมาอย่างต่อเนื่องนั้น
วันนี้ (20 ส.ค.) ความคืบหน้ากรณีดังกล่าว ชุดทำงานของ พล ต.อุดมวิทย์ อโนวัลย์ ผบ.มทบ.44 นำโดย พ.ท.ดุสิต เกสรแก้ว นายทหารฝ่ายยุทธการ พ.ต.สังคม รองมาลี นายทหารฝ่ายกิจการพลเรือน กองบัญชาการควบคุม มทบ.44 ชุมพร ได้เดินหน้าตรวจสอบหลักฐานข้อมูลจากหน่วยงานเกี่ยวข้อง ทั้งระดับท้องถิ่น และภูมิภาค พบพิรุธความไม่ชอบมาพากลมานานหลายปีแล้ว ซึ่งจากอดีตพื้นที่สาธารณประโยชน์ดังกล่าวได้มีประกาศในราชกฤษฎีกานุเบกษา เมื่อวันที่ 10 ก.พ.2530 เรื่องการสงวนหวงห้ามที่ดินของรัฐเพื่อให้ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกัน มีเนื้อที่จำนวน 565 ไร่ 3 งาน ลงชื่อโดย นายไสว พัฒโน รัฐมนตรีช่วยว่าการปฏิบัติราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
ปรากฏว่า ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา หน่วยงานภาครัฐได้ปล่อยปละละเลยจนพื้นที่ดังกล่าวได้ถูกบุกรุกยึดครองโดยชาวบ้าน และกลุ่มนายทุนจำนวนมาก จนกระทั่งในปี 2552 ได้มีเจ้าหน้าที่ที่ดินเข้าทำการรังวัดรูปผังแปลงที่สาธารณประโยชน์อ่าวทุ่งทรายใหม่ทั้งแปลง เพื่อขึ้นทะเบียน และการจัดหาผลประโยชน์ในที่ดินของรัฐตามประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2550 แต่เจ้าหน้าที่รังวัดกลับทำการรังวัดได้พื้นที่เพียง 101 ไร่ 69 ตารางวา ซึ่งจากเดิมที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษามีอยู่จำนวน 656 ไร่ 3 งาน ทำให้ขาดหายไปมากถึง 464 ไร่ 2 งาน 31 ตารางวา
ต่อมา วันที่ 27 พ.ค.52 อำเภอปะทิว ได้มีคำสั่งที่ 117 / 2552 เรื่องแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว และวันที่ 22 มิ.ย.52 คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงได้สรุปความเห็นเสนอต่อนายอำเภอปะทิว ว่า พื้นที่ตามประกาศในราชกิจจานุเบกษาไม่สอดคล้องต่อสภาพความเป็นจริงในพื้นที่ จึงน่าจะเป็นการสงวนหวงห้ามไว้โดยผิดพลาดคลาดเคลื่อน ทำให้ปัจจุบันอ่าวทุ่งทราย มีที่ดินสาธารณประโยชน์อยู่จริงเพียง 101 ไร่ 69 ตารางวา ขณะที่พื้นที่รอบๆ ที่จากเดิมเป็นป่าอุดมสมบูรณ์ ปัจจุบันได้กลายเป็นนากุ้ง สวนปาล์ม ส่วนใหญ่อยู่ในมือของกลุ่มนายทุน นักธุรกิจ และบริษัทเอกชน โดยได้เอกสารสิทธิการครอบครองจากการนำ “ส.ค.1 หรือ หนังสือแสดงการครอบครองการทำประโยชน์ในที่ดิน” นำไปยื่นขอหนังสือ “น.ส.3 ก. หรือ หนังสือรับรองการทำประโยชน์” จากนั้นกลุ่มทุนดังกล่าวได้มีการวิ่งเต้นเพื่อสร้างท่าเรือน้ำลึกในพื้นที่ จนมีชาวบ้านนักอนุรักษ์ออกมาเคลื่อนไหวประท้วงมาต่อเนื่อง
สำหรับที่สาธารณประโยชน์อ่าวทุ่งทราย ซึ่งปัจจุบันมีเหลืออยู่เพียง 101 ไร่ 69 ตารางวานั้น กลับมีเศรษฐีตระกูลดังเครือญาตินักการเมืองระดับชาติจากกรุงเทพฯ เข้ามาครอบครองสร้างบ้านพักตากอากาศหลังใหญ่โตหรูหรา จำนวน 2 หลัง มูลค่าร่วม 100 ล้านบาท อยู่บนชายหาดเนื้อที่กว่า 30 ไร่ พร้อมกั้นรั้วลวดหนามอย่างดี และเขียนป้ายข้อความห้ามบุคคลภายนอกเข้าก่อนได้รับอนุญาตมานานหลายปีแล้ว ล่าสุด เจ้าหน้าที่ทหาร และหน่วยงานเกี่ยวข้องได้ลงพื้นที่ใช้จีพีเอส วัดพิกัดจากดาวเทียมพบว่า บุกรุกอยู่ในพื้นที่สาธารณะ เพื่อใช้ประกอบหลักฐานในการแจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมายต่อเศรษฐีตระกูลดังคนดังกล่าว
