จากการติดตามการจัดการปัญหาระบบน้ำประปาของเทศบาลนครนครศรีธรรมราชมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ “โครงการจัดซื้อน้ำจากเอกชนแบบผูกขาด 30 ปี มูลค่า 5,000 ล้านบาท” ซึ่งเต็มไปด้วยข้อพิรุธในเอกสาร รวมทั้งการรีบร้อนอย่างผิดสังเกต จนทำให้เกิดการตรวจสอบ และชุมนุมประท้วงของประชาชนในเขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราชจำนวนมากเมื่อราว 3 เดือนที่ผ่านมา
ท่ามกลางวิกฤตการขาดแคลนน้ำใช้อย่างต่อเนื่องของประชาชนในเขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราช และการตั้งข้อสังเกตถึงการขาดแคลนน้ำจริง หรือเป็นเพียงแค่เหตุการณ์ที่ประชาชนผู้ใช้น้ำถูกจับเป็นตัวประกันนั้น
แม้ว่าปัจจุบันการขาดแคลนน้ำจะหมดไปแล้ว แต่ใช่ว่าความพยายามของเทศบาลนครนครศรีธรรมราช ภายใต้การบริหารของ “เชาว์นวัศ เสนพงศ์” ผู้นั่งบัลลังก์นายกเทศมนตรี กุมบังเหียนอยู่ในเวลานี้ ด้วยวีซ่า คสช.ต่อมากว่า 1 ปีแล้วก็ตาม ในช่วงปีนี้ดูเหมือนว่าเป็นปีพิเศษ ปีที่ผู้บริหารมีความขยันขันแข็ง โดยเฉพาะในความพยายามแก้ไขปัญหาระบบประปาของเทศบาลอย่างต่อเนื่อง
แต่ละโครงการมีการทุ่มงบประมาณมหาศาล หลังจากที่โครงการซื้อน้ำเอกชนมูลค่า 5,000 ล้านบาท มีอันต้องตกไปในระหว่างนำเข้าพิจารณาในสภา เนื่องจากทั้งผู้บริหาร และสมาชิกสภาเทศบาลไม่เข้าร่วมประชุมสภา จนเป็นเหตุให้การประชุมต้องล่มไป แล้วท้ายที่สุดก็หมดสมัยประชุม ซึ่งญัตติซื้อน้ำจากเอกชนมูลค่า 5 พันล้านบาทนี้ได้ถูกตราหน้าว่า เป็นโครงการอัปยศจากฝ่ายไม่เห็นด้วย
ผ่านไป 3 เดือนจนเข้าสู่สมัยประชุมสภาเทศบาลนครนครศรีธรรมราชอีกคราครั้ง ความพยายามในการแก้ไขปัญหาของนายกเทศมนตรีนครนครศรีธรรมราชยังไม่จบสิ้น โปรเจกต์นับสิบล้านที่ข้องเกี่ยวกับประปาเทศบาลนครนครศรีธรรมราช อันเป็นมหากาพย์ที่ต้องติดตามเข้ามาอีกครั้ง และเป็นประเด็นที่ต้องจับตามองใกล้ชิด
โดยเฉพาะกับโครงการก่อสร้างระบบส่งน้ำดิบ พร้อมสถานีสูบน้ำจากฝายชลประทานท่าดี ถึงโรงกรองน้ำประตูชัย 13 กิโลเมตร วงเงินงบประมาณ 47,072,000 บาท ซึ่ง เชาว์นวัศ เสนพงศ์ กำลังเสนอเข้าสู่สภาครั้งใหม่ แล้วมีกำหนดจะพิจารณากันในช่วงเวลา 10.00 น. ของวันจันทร์ที่ 15 สิงหาคมนี้
ประเด็นนี้จะเป็นการพิสูจน์ถึงความเที่ยงธรรมอีกครั้งของสภาเทศบาลนครนครศรีธรรมราชว่า จะทำหน้าที่อย่างไร ซึ่งมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ขรมในเวลานี้นี่ตามสุภาษิตที่ว่า “ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่” ก็ต้องจับตากันต่อไป
พลันที่โครงการอันมีงบประมาณ 47 ล้านบาทก้อนนี้ปรากฏขึ้น คำถามที่ตามมาถึงการใช้จ่ายงบประมาณของเทศบาลนครนครศรีธรรมราช ทำไมถึงส่อไปในการใช้จ่ายอย่างอู้ฟู่ แม้ว่าสถานะทางการเงินของสำนักการประปาเทศบาลนครนครศรีธรรมราชจะอยู่ในสภาพบักโกรก มีหนี้ค้างจ่ายการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคที่บานไปกว่า 12 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายที่ค้างจ่ายในหมวดการซ่อมบำรุงอีกไม่น้อย กลับไม่มีการชำระสะสาง
แต่ที่ตกใจในความใจคือ ผู้บริหารเทศบาลนครนครศรีธรรมราชทำไมจึงมีความพยายามในการวางท่อประปาอีกเส้น ระยะทางราว 13 กิโลเมตร ใช้งบกว่า 47 ล้านบาท ทั้งที่ยังไม่เห็นเอกสารการศึกษาว่าจะมี “ผลดี” หรือ “ผลเสีย” อย่างไร
เวลานี้มีเพียงเหตุผลที่ระบุไว้ในญัตติแค่ไม่กี่บรรทัด เค้าลางจึงไม่น่าจะมีความแตกต่างกับโครงการวางท่อ และเช่าบ่อน้ำแหล่งน้ำดิบใน ต.นาทราย วงเงินสูงกว่า 32 ล้านบาท เมื่อกว่า 1 ปีที่ผ่านมา ซึ่งท่อเส้นนี้ และบ่อน้ำแห่งไม่มีการใช้งานอีกเลย ท่อทั้งเส้นถูกทิ้ง บ่อน้ำไม่สามารถใช้การได้ ส่วนความรับผิดชอบนั้นคงถามหาจากใครได้ยากลำบาก เงินสดกว่า 32 ล้านบาท ละลายหายไปในเส้นท่อที่กลายเป็นอนุสาวรีย์เชิดชูเกียรติผู้บริหาร
ท่ออีกเส้นที่สร้างไว้เมื่อกว่า 5 ปีที่แล้ว ใช้วงเงินงบประมาณกว่า 20 ล้านบาท ที่เกิดขึ้นในช่วงก่อน เมื่อเข้าสู่สมัยของ เชาว์นวัศ เสนพงศ์ ท่อเส้นนี้ถูกทิ้งร้างมาเกือบ 4 ปี ไม่ยอมเปิดการใช้งาน อ้างว่าชำรุด แต่ไม่มีความกระตือรือร้นที่จะซ่อม หรือแก้ไขให้ใช้การได้ หรือเอาให้เหมือนอย่างความพยามยามผลักดันโครงการมูลค่า 5,000 พันล้านบาท
หรือกระตือรือร้นอย่างการตั้งงบประมาณคราวละหลายสิบล้านบาท เพื่อใช้ในงานซ่อมบำรุงเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา แม้ว่าจะมีการจัดซ่อมแถวๆ หน้าสำนักงานเอไอเอส ถ.เทวบุรี ข่าวว่าผู้รับเหมาในราคาซ่อมค่อนแสนในจุดเดียวมาจากหาดใหญ่ แต่น่าแปลกกลับมีรถขุดของเทศบาล พร้อมคนงานเทศบาลมาซ่อมแทน เข้าใจว่าอาจเป็นเจตนาดีที่จะทำให้ท่อส่งน้ำมูลค่า 20 กว่าล้านเส้นนี้กลายเป็นวัตถุโบราณของแผ่นดินกระมัง
รวม 2 โครงการนี้ร่วม 50 ล้านบาท ซึ่งกลายเป็นเม็ดเงินสูญไปตรงไหนบ้างก็ไม่มีใครรู้ แต่ที่แน่ๆ โครงการใหม่ที่จะใช้งบประมาณกว่า 47 ล้านบาทที่กำลังตั้งเข้าสู่สภา สภาเทศบาลนครนครศรีธรรมราชจะเป็นผู้ตัดสินว่า จะผ่านโครงการนี้ให้ฝ่ายบริหารไปใช้จ่ายหรือไม่ ต้องจับตาดูชมกันใกล้ชิดต่อไป
น้ำเป็นปัจจัยสำคัญในการใช้ชีวิตของชาวนครศรีธรรมราช ระบบประปาดี น้ำที่ขุ่นไหลเข้าระบบก็จะกลายเป็นน้ำใส แต่ถ้าเมื่อไหร่ระบบประปาไม่ดี น้ำที่ขุ่นไหลเข้าสู่ระบบก็จะออกไปแบบขุ่นๆ น้ำใสๆ น้ำคุณภาพดีๆ เป็นที่ต้องการของชาวนครนครศรีธรรมราชอย่างแน่นอน
ท้ายที่สุดนี้มีหนังสือเล่มดังเล่มหนึ่งชื่อปกว่า “เปลี่ยนวิธีคิด ชีวิตเปลี่ยน” มีคนฝากให้แนะนำผู้บริหารเทศบาลนครนครศรีธรรมราชว่า น่าจะหามาอ่านสักเล่ม เผื่ออะไรๆ จะดีขึ้นบ้าง
