ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ปปง.อายัดทรัพย์สินของ บริษัท ทรานลี่ ทราเวิล กว่า 200 รายการ ทั้งเรือสปีดโบต รถบัสรับส่งนักท่องเที่ยว บัญชีธนาคารไปตรวจสอบ คาดว่าใช้เวลา 90 วัน พร้อมนำเรือสปีดโบตไปฝากจอดตามแพต่างๆ ส่วนรถบัสฝากไว้ที่ตำรวจภูธรภาค 8
จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบทรัพย์สิน และเส้นทางการเงินของบริษัทในเครือข่าย บริษัท ทราน ลี่ ทราเวิล จำกัด หรือบริษัทไท้ลี เมื่อวันที่ 6 ก.ค.2559 ที่ผ่านมา โดยเข้าตรวจค้นเป้าหมาย 4 จุด คือ บริษัท อินทรีย์ มารีน จำกัด บริษัท ทรานลี่ ทราเวิล จำกัด บริษัท ที.แอล.เบทเตอร์เวย์ จำกัด และบริษัทราชา สปา จำกัด พร้อมทั้งได้ตรวจยึดรถบัสโดยสาร เรือสปีดโบต และบัญชีธนาคารกว่า 200 รายการ เพื่อทำการตรวจสอบตามคำสั่งเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เรื่อง ยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำผิดไว้ชั่วคราว ทั้งนี้ สามารถอายัดทรัพย์สินไว้
ความคืบหน้าล่าสุด วันนี้ (7 ก.ค.) ที่บริเวณแพแสงอรุณนอก ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต พ.ต.อ.เอกภพ อินทวิวัฒน์ ผกก.กก 8 บก.รน. (ตำรวจน้ำ) พร้อมด้วย พ.ต.ท.ประเสริฐ ศรีคุณรัตน์ รอง ผกก.กก 8 บก.รน. พ.ต.ท.บัณฑิต ขาวสุธรรม รอง ผกก.กก.5 บก.ทท. เจ้าหน้าที่ ปปง. และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าเคลื่อนย้ายเรือสปีดโบต ซึ่งเป็นหนึ่งในทรัพย์สินเครือข่ายบริษัท ทรานลี่ฯ ที่ถูกอายัดไว้ตามมูลฐานความผิดของ ปปง. หลังจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการแจ้งข้อกล่าวหาข้อหา นายวีระชัย คำไผ่ประพันธ์กุล และนายกฤชกร รุ่งมงคลนาม หุ้นส่วนใหญ่ของบริษัทดังกล่าว ตาม พ.ร.บ.คนต่างด้าวใช้เอกสารเท็จในการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท รวมทั้งได้ตั้งข้อหาอั้งยี่เพิ่มเติมด้วย
โดยเรือสปีดโบตที่อายัดไว้มี จำนวน 34 ลำ แบ่งไปจัดเก็บไว้ที่แพแสงอรุณนอก และท่าเทียบเรือ ปภ.จำนวน 30 ลำ แพป.พิชัย 1 ลำ และอีก 3 ลำ ได้นำไปขึ้นคานเพื่อซ่อมแซมอยู่ก่อนหน้าแล้ว และอีก 1 ลำ ยังตรวจสอบไม่พบ ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 3 วัน จึงจะนำเรือขึ้นฝั่งได้ทั้งหมด ในส่วนของรถบัสโดยสารรับส่งนักท่องเที่ยวขณะนี้ได้อายัดไว้แล้ว 92 คัน จากทั้งหมด 117 คัน ได้จัดเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจภูธรภาค 8 ต.ไม้ขาว อ.ถลาง จ.ภูเก็ต
โดยหลังจากนี้ ในส่วนของ ปปง.ก็จะได้ทำการตรวจสอบทรัพย์สินทั้งหมด พร้อมทั้งจะให้สิทธิเจ้าของทรัพย์ได้ชี้แจงที่มาที่ไปของทรัพย์สินต่างๆ ดังกล่าว หากสามารถชี้แจงได้ก็จะทำการเพิกถอน และคืนทรัพย์ให้แก่ผู้ถูกกล่าวหาต่อไป แต่หากไม่สามารถชี้แจงได้ก็จะถูกยึดตกเป็นของแผ่นดิน โดยมีกรอบระยะเวลาดำเนินการตามอำนาจของเลขาฯ ปปง. ภายใน 90 วัน หลังจากนั้นก็จะนำมาประมูลในท้องตลาด ในส่วนของคดีอาญานั้นก็จะเป็นการดำเนินการในส่วนของทางพนักงานสอบสวนต่อไป