ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ททท.มอบโล่รางวัลและประกาศนียบัตรให้สถานประกอบการด้านท่องเที่ยวที่ผ่านการโหวตของนักท่องเที่ยวชาวจีน “2016 People’s Choice Awards Thailand Voted by Chinese Tourists” 17 ประเภท ผ่านการโหวตทางออนไลน์ของนักท่องเที่ยวชาวจีน เพื่อกระตุ้นการเดินทางของนักท่องเที่ยวชาวจีน ประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยว และบริการทางการท่องเที่ยวของไทย ที่คาดว่าตลอดปี 2559 นี้จะมีรายได้เกิดจากนักท่องเที่ยวจีนเดินทางท่องเที่ยวประเทศไทยไม่ต่ำกว่า 509,135 ล้านบาท
พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมมอบโล่รางวัลให้แก่สถานประกอบการด้านท่องเที่ยวที่ผ่านการโหวตของนักท่องเที่ยวชาวจีน ในพิธีมอบรางวัล “2016 People’s Choice Awards Thailand Voted by Chinese Tourists” ซึ่งจัดประกวดแหล่งท่องเที่ยวและสถานประกอบการด้านท่องเที่ยว 17 ประเภท ผ่านการโหวตทางออนไลน์ของนักท่องเที่ยวชาวจีน เพื่อกระตุ้นการเดินทางของนักท่องเที่ยวชาวจีน ประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวและบริการทางการท่องเที่ยวของไทย พร้อมทั้งสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาธุรกิจท่องเที่ยวไทยให้ตอบสนองนักท่องเที่ยวชาวจีน โดยมี นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เข้าร่วมเป็นเกียรติ ณ ห้องอังรีดูนังต์ ราชกรีฑาสโมสร กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 27 มิ.ย.2559 ที่ผ่านมา
รางวัล “2016 People’s Choice Awards Thailand Voted by Chinese Tourists” ต่อยอดมากจากรางวัล “The Best Thailand Awards Voted by Chinese Tourists” ที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากเมื่อปี 2558 ที่ผ่านมา โดยในปีนี้ ททท.ได้ร่วมกับบริษัท Tencent ซึ่งเป็นสื่อยอดนิยมของชาวจีนเชิญชวนให้นักท่องเที่ยวชาวจีนเข้ามาร่วมลงคะแนนทางเว็บไซต์ www.peopleschoiceawardsthailand.com ตั้งแต่วันที่ 7-19 มิถุนายน 2559 เพื่อเฟ้นหาผู้ชนะใน 17 ประเภท เช่น แหล่งท่องเที่ยว โรงแรม ร้านอาหาร อาหารไทย สปา ย่านชอปปิ้ง และสนามกอล์ฟ ซึ่งผลการโหวตปรากฏดังนี้ ประเภท Luxury Hotel ได้แก่ Anantara Siam Bangkok Hotel, ประเภท Beach Hotel ได้แก่ Cape Dara Resort Pattaya, ประเภท City Hotel ได้แก่ Banyan Tree Bangkok, ประเภท Boutique Hotel ได้แก่ 137 Pillars House Chiang Mai, ประเภท Restaurant ได้แก่ Baan Rim Pa Phuket, ประเภท Spa ได้แก่ Let’s Relax Phuket, ประเภท Shopping Area ได้แก่ Asiatique The Riverfront, ประเภท Shopping Mall ได้แก่ Central World ZEN Department Store, ประเภท Attraction ได้แก่ Pattaya Floating Market, ประเภท Show ได้แก่ Muay Thai Live : The Legend Lives, ประเภท Destination ได้แก่ Chiang Mai, ประเภท Golf Course ได้แก่ Gassan Khuntan Golf and Resort Lamphun, ประเภท Medical & Wellness ได้แก่ Vejthani Hospital, ประเภท Airline ได้แก่ Thai Airways, ประเภทผลไม้ ได้แก่ ทุเรียน, ประเภทเทศกาล ได้แก่ สงกรานต์ และประเภทอาหาร ได้แก่ ปูผัดผงกะหรี่ นอกจากนี้ ผู้ร่วมลงคะแนนชาวจีนยังได้ลุ้นสิทธิเดินทางมาท่องเที่ยวยังประเทศไทย โดย ททท. จะสุ่มเลือกผู้โชคดีที่จะได้รับรางวัลใหญ่เป็นแพกเกจทัวร์กรุงเทพฯ และพื้นที่ใกล้เคียง 5 วัน 4 คืน สำหรับ 2 ท่าน จำนวน 1 รางวัล ตั๋วเครื่องบินไปกลับ จีน-สมุย / จีน-กระบี่ /จีน-สุโขทัย/ จีน-เชียงราย อย่างละ 1 รางวัล รางวัลละ 2 ที่นั่ง และรางวัลอื่นๆ อีกกว่า 100 รางวัล
ททท.ประชาสัมพันธ์การให้รางวัล “2016 People’s Choice Awards Thailand Voted by Chinese Tourists” ผ่านสื่อออนไลน์ในเครือของบริษัท Tencent ที่ได้รับความนิยม และมีประสิทธิภาพในการเข้าถึงมาก เช่น WeChat (ผู้ใช้งาน 570 ล้านคน/วัน) QZone (ผู้ใช้งาน 330 ล้านคน/วัน) QQmessenger (ผู้ใช้งาน 27 ล้านคน/วัน) และ Tencent news (ผู้ใช้งาน 27 ล้านคน/วัน) สร้างการรับรู้สินค้าท่องเที่ยวไทยต่อกลุ่มคนจีนที่ชอบเดินทางท่องเที่ยวมากกว่า 35 ล้านครั้ง สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ถึง 3 เท่า และมีผู้เข้าร่วมโหวต 3,239,362 ล้านคน สูงกว่าเป้าหมาย 2 เท่า
ตลอดปี 2558 มีนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทยถึงไทย 7.9 ล้านคน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 71.14 สร้างรายได้จากการท่องเที่ยว 376,001 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 87 โดยจากการสำรวจระหว่างเดือนมกราคม-มิถุนายน 2558 พบว่า ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวประเภท FIT (นักท่องเที่ยวจัดการการเดินทางด้วยตนเอง) ร้อยละ 55.73 หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 81.20 นักท่องเที่ยวประเภท Group Tour (นักท่องเที่ยวที่เดินทางท่องเที่ยวผ่านบริษัทนำเที่ยว) ซึ่งมีสัดส่วนร้อยละ 44.27 ของจำนวนนักท่องเที่ยวจีนทั้งหมด ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวจีนมีค่าใช้จ่ายต่อคนต่อทริป 46,363 บาท โดยมีแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม ได้แก่ กรุงเทพฯ พัทยา ภูเก็ต เชียงใหม่ และกระบี่ โดย ททท.มั่นใจว่า ในปี 2559 นี้ ประเทศไทยจะมีรายได้จากนักท่องเที่ยวชาวจีนไม่ต่ำกว่า 509,135 ล้านบาท ที่จะหมุนเวียน และกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศได้มากยิ่งกว่าที่ผ่านมา