ศูนย์ข่าวภูเก็ต - หนุ่มใหญ่ชาวนครศรีฯ ร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรมภูเก็ต หลังถูกพนักงานสอบสวน สภ.เมืองอุทัยธานี แจ้งข้อกล่าวหาว่า “ร่วมกันฉ้อโกง และซ่องโจร” เหตุเกิดในพื้นที่ จ.อุทัยธานี
เมื่อเวลา 15.00 น. วันนี้ (21 มิ.ย.) นายธนวัฒน์ คมวัฒน อายุ 56 ปี ชาว จ.นครศรีธรรมราช ปัจจุบันอาศัยอยู่ที่ จ.ภูเก็ต ได้เข้ายื่นขอความเป็นธรรมต่อผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ผ่านทางศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดภูเก็ต หลังถูกพนักงานสอบสวน สภ.เมืองอุทัยธานี แจ้งข้อกล่าวหาว่า “ร่วมกันฉ้อโกง และซ่องโจร” เหตุเกิดในพื้นที่ จ.อุทัยธานี โดยข้อความในการร้องขอความเป็นธรรมนั้น ระบุว่า เจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ มีการข้ามขั้นตอนในการปฏิบัติงาน โดยออกหมายจับและไม่ได้ออกหมายเรียกมาก่อน และจับกุมโดยที่เขาไม่ได้กระทำความผิดตามข้อกล่าวหาในคดีดังกล่าวเลย
นายธนวัฒน์ กล่าวว่า เมื่อเวลา 15.30 น.วันที่ 25 พฤษภาคม 2559 ตนได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 8 ทำการควบคุมตัว โดยได้มีการนำหมายจับของศาลจังหวัดอุทัยธานี มาแสดงต่อตน โดยแจ้งว่า เป็นผู้กระทำความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกง และซ่องโจรโดยนำตนไปทำบันทึกการจับกุมที่ สภ.เมืองภูเก็ต และส่งตัวให้แก่พนักงานสอบสวน สภ.อุทัยธานี ซึ่งในชั้นจับกุมตนได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าวไปแล้ว และขณะนี้อยู่ในช่วงของการประกันตัวเพื่อหาหลักฐานไปต่อสู้ และต้องการขอความเป็นธรรมกรณีที่เกิดขึ้นด้วย เพราะตนไม่เคยเดินทางไป จ.อุทัยธานีเลย
“การถูกตั้งข้อกล่าวหาดังกล่าวนั้น ตนไม่ทราบว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร เพราะที่ผ่านมา ตนอาศัยอยู่ในจังหวัดภูเก็ตมาโดยตลอด และไม่ได้เดินทางออกไปต่างจังหวัด ซึ่งในช่วงวันที่เกิดเหตุตามที่ถูกกล่าวหา คือ ระหว่างวันที่ 13-22 มีนาคม 2559 โดยเฉพาะวันที่ 21 มีนาคม 2559 ซึ่งมีการระบุว่า ตนได้ร่วมกับพวกหลอกผู้หญิงสองคน (ผู้กล่าวหา) มาพูดคุยเรื่องการซื้อขายที่ดินที่โรงแรมแห่งหนึ่งใน จ.อุทัยธานี และระหว่างนั้นก็หลอกให้ทั้งสองคน เล่นการพนันกำถั่ว จนตนกับพวกได้เงินไป 1.8 ล้านบาท โดยให้โอนผ่านทางบัญชีธนาคาร แต่ในช่วงดังกล่าวตนอยู่จังหวัดภูเก็ตมาโดยตลอด และเป็นช่วงที่ภรรยารักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ม.อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และมีการโทรศัพท์ติดต่อเกี่ยวกับการย้ายโรงพยาบาลในการรักษาตัวของภรรยามารักษาที่โรงพยาบาล อบจ.ภูเก็ต แต่เมื่อตนนำหลักฐานการใช้โทรศัพท์ไปแสดงต่อทางตำรวจก็บอกว่าไม่สามารถเอาไปใช้เป็นหลักฐานในชั้นศาลไม่ได้ และจากการตรวจสอบเพื่อขอกล้องวงจรปิดของทาง อบจ.ภูเก็ต ซึ่งมีภาพตนอยู่ ปรากฏว่า ภาพดังกล่าวได้มีการอัดทับไปแล้ว และยังไม่สามารถกู้ข้อมูลได้ ขณะนี้พยายามหาพยานหลักฐานอื่นๆ ไปประกอบเพื่อต่อสู้ในชั้นศาล” นายธนวัฒน์ กล่าวในที่สุด