ศูนย์ข่าวภาคใต้ - พบป่าเทือกเขาบูโด มีการลักลอบตัดไม้สงวนอย่างต่อเนื่อง แม้เจ้าหน้าที่จะมีการลาดตระเวนเฝ้าระวัง ขณะที่คดีลักลอบจับลูกนกเงือกยังไม่สามารถดำเนินคดีต่อผู้ต้องสงสัยได้ เนื่องจากต้องรอผลการพิสูจน์ดีเอ็นเอ
วันนี้ (23 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักข่าวชายขอบรายงานความคืบหน้ากรณีที่มีการลักลอบขโมยลูกนกเงือก และตัดไม้ทำลายป่าในเทือกเขาบูโด ซึ่งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเทือกเขาบูโด-สุไหงปาดี รอยต่อ 3 จังหวัดชายแดนใต้ พบว่า ในป่าที่อยู่ในพื้นที่ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส นั้น ยังคงมีการลักลอบตัดไม้อย่างต่อเนื่อง
แม้จะมีการสั่งการจากหัวหน้าอุทยานแห่งชาติบูโด-สุไหงปาดี ให้เจ้าหน้าที่สนธิกำลังกับฝ่ายปกครอง และทหารออกลาดตระเวนมากขึ้น แต่ปัญหาการลักลอบตัดไม้ในป่ายังไม่มีทีท่าจะเบาบางลง
ทั้งนี้ จากการลงพื้นที่ของผู้สื่อข่าว ทำการสำรวจร่วมกับชาวบ้านยังคงพบร่องรอยการตัดไม้ และแปรรูปไม้หลายจุด โดยตลอดการเดินป่า 2 ชั่วโมง ในพื้นที่รัศมี 4-5 ไร่ พบไม้ตะเคียนชันตาแมว และไม้หลุมพอ ขนาดใหญ่ 6-7 คนโอบ ถูกตัดไปกว่า 30 ต้น โดยเฉพาะจุดรอบต้นรัง หรือโพรงของนกเงือก พบว่า มีต้นตะเคียนชันตาแมว ถูกตัด 19 ต้น
มีการประมาณการว่า บนเขาบูโด ในพื้นที่รือเสาะมีต้นไม้ถูกตัด และชักลากออกไปถึงเดือนละ 200 ต้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อความสมบูรณ์ของผืนป่าอันเป็นแหล่งอาศัยของนกเงือก สัตว์ป่าสงวนที่ใกล้สูญพันธุ์
ส่วนความคืบหน้าหน้าคดีขโมยลูกนกเงือกจากป่าเทือกเขาบูโด ในเขตอุทยานแห่งชาติบูโดนั้น ล่าสุด ตำรวจสถานีตำรวจภูธรบาเจาะ พบผู้ต้องสงสัย 8 คน แต่ไม่มีใครให้การรับสารภาพ จึงจำเป็นต้องมีการเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอไปตรวจพิสูจน์เปรียบเทียบกับดีเอ็นเอจากวัตถุพยานที่คนร้ายทิ้งเอาไว้ในที่เกิดเหตุ 6 ชิ้น
ซึ่งมีการส่งตรวจแล้ว คาดว่าจะรู้ผลใน 1 เดือน จึงจะรู้ว่าผู้ต้องสงสัยคนใดคือคนร้ายที่ขโมยลูกนกจากโพรงที่ 29 และเป็นนกตัวเดียวกับลูกนกที่ยึดมาได้หรือไม่ แต่ระหว่างรอผลพิสูจน์ออกมา ตำรวจจะพยายามติดตามตัวผู้ต้องสงสัยรายอื่นไปพร้อมกัน เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงของขบวนการลักลอบจับสัตว์ป่าที่ชัดเจนที่สุด
พ.ต.ท.ตรีเทพ ทองนอก รองผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรยี่งอ เปิดเผยว่า มีการดำเนินคดีต่อ นายมะลาเย็ง ลาเตะ ที่เป็นผู้รับซื้อของป่า และสอบสวนขยายผลไปยังขบวนการค้าสัตว์ป่าที่เกี่ยวข้อง แต่ได้ให้ประกันตัวในวงเงิน 150,000 บาท โดยมีการยอมรับว่า เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคมได้รับซื้อลูกนกจากชายชาวบ้านเจาะ 2 คน อายุประมาณ 20 ปี และ 40 ปี ซึ่งไม่รู้จักมาก่อนในราคา 3,200 บาท
โดยบอกว่า ได้ลูกนกมาจากชาวซาไก ในอำเภอสุคิริน ก่อนจะมีลูกค้าชาวนราธิวาสมาซื้อต่อไปในราคา 4,500 บาท แต่เมื่อตำรวจมาจับกุมจึงสงสัยว่า ลูกนกเงือกน่าจะมาจากเทือกเขาบูโด จึงได้ติดต่อให้ลูกค้ารีบนำนกไปคืนให้ตำรวจ
โดยชายชาวบาเจาะ 1 ใน 2 คนที่นำลูกมาขาย เป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัยที่ สภ.บาเจาะ จับกุมได้ จึงเชื่อว่า ลูกนกเงือกหัวแรดตัวนี้เป็นลูกนกจากโพรงที่ 29
ด้าน ร.ต.อ.ไพบูลย์ เกื้อดำ รองสารวัตรสอบสวน สภ.บาเจาะ กล่าวว่า ขอโทษทีมนักวิจัยที่ไม่รับแจ้งความลูกนกเงือกหาย เนื่องจากไม่ได้มีเจตนา เพียงแต่จำเป็นต้องดำเนินการตามข้อกฎหมายที่ระบุให้ผู้เสียหาย คือ เจ้าหน้าที่อุทยานฯ เป็นผู้แจ้งความ จึงต้องแจ้งไปเช่นนั้น
อีกทั้งขณะนั้นยังไม่มีความแน่ชัดว่า เหตุเกิดในพื้นที่ความรับผิดชอบของใคร และจุดเกิดเหตุอยู่ในพื้นที่ความมั่นคงที่เคยเกิดเหตุยิงคนเก็บของป่า 6 ศพ จึงทำให้การเข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ ต้องแจ้งเหตุต่อทุกฝ่าย และสนธิเพื่อกำลังร่วมกัน
ร.ต.อ.ไพบูลย์ กล่าวต่อว่า แต่ทันทีเมื่อมีการเข้าแจ้งความ และเข้าตรวจที่เกิดเหตุแล้ว ตำรวจได้พยายามเร่งติดตามตัวคนร้าน จนนำมาซึ่งการจับกุมคนร้ายในวันที่ 16 พ.ค. คือ นายเซ็ง ขาเดร์ ชาวบ้านบาเจาะ ที่มีการจับกุมพร้อม นกกก 1 ตัว อายุ 1 เดือน มีการดำเนินคดีมีสัตว์ป่าคุ้มครองไว้ในครอบครองตาม พ.ร.บ.คุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 โดยตำรวจไม่อนุญาตให้ประกันตัว และฝากขังไปแล้ว
โดยคดีนี้มีโทษจำคุก 1 ปี ปรับ 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และขยายผลเข้าทลายแหล่งรับซื้อของป่าที่อำเภอยี่งอ จังหวัดนราธิวาส ที่มีการยึดลูกนกเงือกหัวแรด พร้อมสัตว์ป่าหลายชนิด แม้ขณะนี้จะไม่เป็นที่แน่ชัดว่า ลูกนกที่พบจะเป็นตัวจริงที่ถูกขโมยจากโพรงที่ 29 หรือไม่ แต่ผลดีเอ็นเอที่ออกมาน่าจะยืนยันได้ชัดเจน
ทั้งนี้ หลังจากเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม ที่ทีมนักวิจัยนำลูกนกเงือกหัวแรดที่ยึดได้ไปคืนโพรงที่ 29 เพื่อต้องการให้พ่อแม่นกที่ยังคงวนเวียนส่งเสียงร้องอยู่บริเวณนั้นกลับเข้าป้อนอาหาร และเลี้ยงลูกนกตามธรรมชาติ แต่ปรากฏว่า เวลาผ่านไป 1 วัน พ่อแม่นกไม่มีปฏิสัมพันธ์กับลูกนก และลูกนกส่งเสียงร้องน้อยลง
ซึ่งอาจมีหลายปัจจัยที่พ่อแม่นกอาจทิ้งรัง เพราะลูกนกถูกจับจากโพรงไปประมาณ 7 วัน หรือลูกนกตัวนี้อาจไม่ใช่ลูกนกที่มาจากโพรงที่ 29 ซึ่งต้องรอผลยืนยันจากดีเอ็นเอ ทีมนักวิจัยจึงตัดสินใจนำลูกนกที่อยู่ในสภาพอ่อนเพลียออกจากโพรงลงมาป้อนอาหาร และนำไปอนุบาลที่สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าโคกไม้เรือ จังหวัดนราธิวาส เพื่อรอผลพิสูจน์ที่แน่ชัดอีกครั้ง