กระบี่ - ทึ่ง! ข้าราชการเจ้าท่ากระบี่ ใช้เวลาว่างปลูกมะลิขาย สร้างรายได้เสริมเลี้ยงครอบครัว
นายวิชาญ ทองเสน่ห์ อายุ 40 ปี เจ้าของสวนมะลิ บนที่ดินจัดสรรกลางหมู่บ้าน เลขที่ 360/4 หมู่ 7 ต.ไสไทย อ.เมือง จังหวัดกระบี่ เปิดเผยว่า ได้ปลูกมะลิบนที่ดินจัดสรรภายในหมู่บ้านมาได้ประมาณ 5-6 เดือนแล้ว ซึ่งขณะนี้สามารถเก็บดอกมะลิขายได้แล้วประมาณ 1 กิโลกรัมต่อวัน มีรายได้เฉลี่ยประมาณ 300 บาท ท่ามกลางความทึ่งของเพื่อนบ้านที่อยู่ภายในหมู่บ้าน แม้จะเป็นที่ดินจัดสรรก็สามารถปลูกมะลิจนให้ผลผลิต และเก็บดอกขายได้
นายวิชาญ กล่าวว่า ตนมีอาชีพรับราชการ เป็นเจ้าหน้าที่ประจำเรือ 189 สำนักงานเจ้าท่า สาขากระบี่ โดยใช้เวลาว่างช่วงหลังเลิกงาน รวมถึงวันหยุดราชการออกมาทำสวนมะลิเป็นอาชีพเสริมบนที่ดินจัดสรรเนื้อที่ประมาณครึ่งไร่เศษ ซึ่งเป็นที่ดินของญาติเห็นว่างเปล่ายังไม่ได้ใช้ประโยชน์จึงขอปลูกมะลิ โดยซื้อต้นพันธุ๋มาราคาต้นละ 10 บาท ปลูกได้ประมาณ 200 ต้น โดยเรียนรู้จากหนังสือ และเว็บไซต์ต่างๆ และขอคำแนะนำจากเพื่อนที่ได้ทดลองปลูกจนประสบความสำเร็จ
นายวิชาญ กล่าวด้วยว่า ที่ดินที่ตนปลูกเป็นที่ดินจัดสรรมีการตักหน้าดินออกไปแล้ว แต่ก็ยังสามารถปลูกมะลิให้เจริญเติบโตได้ดี แต่ต้องเอาใจใส่เป็นพิเศษ การเตรียมหลุมระหว่างต้นปลูกห่างกันประมาณ 1 เมตร และใช้ปุ๋ยคอกในการบำรุงต้น มีราคาถูก ต้นมะลิเจริญงอกงามได้ดี และให้ดอกมาก ซึ่งมะลิที่ปลูกไว้เริ่มเก็บเกี่ยวผลผลิตได้แล้วประมาณ 1 กิโลกรัมต่อวัน ส่งขายแม่ค้าตลาดสดในราคากิโลกรัมละ 300 บาท มีรายได้เฉลี่ยประมาณ 1 หมื่นบาท/เดือน และข้อดีก็คือ ปลูกครั้งเดียวเก็บดอกขายได้เป็น 10 ปี
นอกจากจะมีรายได้เสริมจากการปลูกมะลิแล้ว ยังให้ความรู้สึกสบายใจ และได้ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ส่วนตลาดของดอกของมะลิในจังหวัดกระบี่ ตลาดยังมีความต้องการสูง เนื่องจากในพื้นที่มีการปลูกน้อย ส่วนใหญ่ที่มีจำหน่ายอยู่จะสั่งมาจากที่อื่น จึงคิดว่าการปลูกมะลิจึงเป็นโอกาสที่จะทำเงินได้ดี และอีกประมาณ 3 เดือนเศษก็จะถึงวันแม่ เชื่อว่ามะลิที่ปลูกไว้คงจะให้ผลผลิตเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 2-3 กิโลกรัม ซึ่งจะทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้นด้วย เนื่องจากตลาดมีความต้องการสูง และราคาดีในช่วงดังกล่าว
นายวิชาญ ทองเสน่ห์ อายุ 40 ปี เจ้าของสวนมะลิ บนที่ดินจัดสรรกลางหมู่บ้าน เลขที่ 360/4 หมู่ 7 ต.ไสไทย อ.เมือง จังหวัดกระบี่ เปิดเผยว่า ได้ปลูกมะลิบนที่ดินจัดสรรภายในหมู่บ้านมาได้ประมาณ 5-6 เดือนแล้ว ซึ่งขณะนี้สามารถเก็บดอกมะลิขายได้แล้วประมาณ 1 กิโลกรัมต่อวัน มีรายได้เฉลี่ยประมาณ 300 บาท ท่ามกลางความทึ่งของเพื่อนบ้านที่อยู่ภายในหมู่บ้าน แม้จะเป็นที่ดินจัดสรรก็สามารถปลูกมะลิจนให้ผลผลิต และเก็บดอกขายได้
นายวิชาญ กล่าวว่า ตนมีอาชีพรับราชการ เป็นเจ้าหน้าที่ประจำเรือ 189 สำนักงานเจ้าท่า สาขากระบี่ โดยใช้เวลาว่างช่วงหลังเลิกงาน รวมถึงวันหยุดราชการออกมาทำสวนมะลิเป็นอาชีพเสริมบนที่ดินจัดสรรเนื้อที่ประมาณครึ่งไร่เศษ ซึ่งเป็นที่ดินของญาติเห็นว่างเปล่ายังไม่ได้ใช้ประโยชน์จึงขอปลูกมะลิ โดยซื้อต้นพันธุ๋มาราคาต้นละ 10 บาท ปลูกได้ประมาณ 200 ต้น โดยเรียนรู้จากหนังสือ และเว็บไซต์ต่างๆ และขอคำแนะนำจากเพื่อนที่ได้ทดลองปลูกจนประสบความสำเร็จ
นายวิชาญ กล่าวด้วยว่า ที่ดินที่ตนปลูกเป็นที่ดินจัดสรรมีการตักหน้าดินออกไปแล้ว แต่ก็ยังสามารถปลูกมะลิให้เจริญเติบโตได้ดี แต่ต้องเอาใจใส่เป็นพิเศษ การเตรียมหลุมระหว่างต้นปลูกห่างกันประมาณ 1 เมตร และใช้ปุ๋ยคอกในการบำรุงต้น มีราคาถูก ต้นมะลิเจริญงอกงามได้ดี และให้ดอกมาก ซึ่งมะลิที่ปลูกไว้เริ่มเก็บเกี่ยวผลผลิตได้แล้วประมาณ 1 กิโลกรัมต่อวัน ส่งขายแม่ค้าตลาดสดในราคากิโลกรัมละ 300 บาท มีรายได้เฉลี่ยประมาณ 1 หมื่นบาท/เดือน และข้อดีก็คือ ปลูกครั้งเดียวเก็บดอกขายได้เป็น 10 ปี
นอกจากจะมีรายได้เสริมจากการปลูกมะลิแล้ว ยังให้ความรู้สึกสบายใจ และได้ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ส่วนตลาดของดอกของมะลิในจังหวัดกระบี่ ตลาดยังมีความต้องการสูง เนื่องจากในพื้นที่มีการปลูกน้อย ส่วนใหญ่ที่มีจำหน่ายอยู่จะสั่งมาจากที่อื่น จึงคิดว่าการปลูกมะลิจึงเป็นโอกาสที่จะทำเงินได้ดี และอีกประมาณ 3 เดือนเศษก็จะถึงวันแม่ เชื่อว่ามะลิที่ปลูกไว้คงจะให้ผลผลิตเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 2-3 กิโลกรัม ซึ่งจะทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้นด้วย เนื่องจากตลาดมีความต้องการสูง และราคาดีในช่วงดังกล่าว
