กล้วย เป็นพืชเศรษฐกิจที่ปัจจุบันมีการปลูกกันทุกพื้นที่ในประเทศไทย โดยเฉพาะกล้วยน้ำว้า คุณสมบัติกล้วยน้ำว้าคือ ปลูกง่าย ต้นทุนต่ำ ผลตอบแทนดี ความนิยมในกล้วยน้ำว้าเริ่มมีมากขึ้น หลังจากคนไทยมีความเชื่อในเรื่องของการบนบานศาลกล่าว หรือพิธีกรรมต่างๆ เลือกใช้กล้วยน้ำว้าเป็นหนึ่งในของไหว้ที่ขาดไม่ได้
ด้วยเหตุนี้เอง ในระยะหลังกล้วยน้ำว้าผลสวยๆ จึงให้ผลตอบแทนที่ดีแก่เกษตรกร ดังนั้นจึงได้เป็นที่มาของกล้วยน้ำว้ายักษ์ ของ “นางพัชนี ตุษยะเดช” ที่มาของกล้วยน้ำว้ายักษ์ คุณพัชนี หรือ อาจารย์พัชนี หมอดูลายมือชื่อดัง มาจากเมื่อครั้งที่อาจารย์ได้เดินทางไปบ้านลูกศิษย์ที่สอนดูลายมือ ได้ไปเจอกับต้นกล้วยยักษ์ และได้ขอมาเป็นพันธุ์เพื่อขยายปลูกบนพื้นที่ของตนเอง ที่จังหวัดราชบุรี
นางพัชนีเล่าว่า สำหรับกล้วยน้ำว้ายักษ์ที่ได้มาไม่ได้เป็นสายพันธุ์ที่ใหม่ หรือมีกรรมวิธีการทำขึ้นมาแต่อย่างใด แต่เป็นกล้วยน้ำว้าสายพันธุ์มะลิอ่อง เหมือนกับกล้วยน้ำว้าทั่วไป แต่ต้นที่ได้มาเป็นกล้วยน้ำว้าที่มีมาแต่โบราณ เพราะในอดีตกล้วยน้ำว้าจะมีลำต้นที่ใหญ่ เพราะพื้นดินที่อุดมสมบูรณ์ ต้นก็จะใหญ่ และให้ผลที่ใหญ่ แต่ปัจจุบันกล้วยน้ำว้าเล็กลง อาจจะเป็นเพราะการพัฒนาสายพันธุ์ให้ต้นเล็กลง และดินไม่สมบูรณ์ ต้นก็จะเล็ก ผลก็จะออกมาเล็กตามไปด้วย
ทั้งนี้ หลังจากที่คุณพัชนีได้ต้นพันธุ์กล้วยน้ำว้ายักษ์มา เธอก็นำมาผ่านกระบวนการเพาะเนื้อเยื่อ ซึ่งได้รับความช่วยเหลือจากอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ทำให้ได้ต้นพันธุ์กล้วยน้ำว้ามากอย่างที่ต้องการ โดยหลังจากที่กล้วยโต ก็นำมาปลูก เริ่มจากการปลูก 100 ต้นบนพื้นที่ 1 ไร่ ปลูกได้ 1 ปีครึ่งได้ผลผลิต ปัจจุบันได้ขยายหน่อ และปลูกเต็มพื้นที่ 20 ไร่ จำนวน 10,000 ต้น มีคนให้ความสนใจต้องการซื้อหน่อ จำนวนมาก ทำให้ไม่เพียงพอ ใช้การขายแบบเพาะเนื้อเยื่อ
สำหรับการปลูกกล้วยน้ำว้ายักษ์เหมือนกับกล้วยน้ำว้าทั่วไป คือไม่จำเป็นต้องดูแลอะไรมาก ไม่มีแมลง หรือศัตรูพืช ไม่ต้องรดน้ำทุกวัน รดน้ำสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ใส่ปุ๋ยคอก ช่วงที่ออกผล แต่อย่าใส่ปุ๋ยเคมีเพราะจะเร่งเกินไปสุดท้ายผลจะแตก หลังจากนั้นปล่อยให้มันโตเอง คอยดูแลเรื่องหญ้าที่จะขึ้นบดบังและมาแย่งอาหาร และระวังเรื่อง เชื้อราที่จะเกิดช่วงที่ออกผล
ส่วนความแตกต่างของกล้วยน้ำว้ายักษ์กับกล้วยน้ำว้าทั่วไปอยู่ที่ระยะเวลา ซึ่งกล้วยชนิดนี้ใช้เวลานานถึง 15 เดือน ในขณะที่กล้วยทั่วไปใช้เวลาเพียง 5-6 เดือน เก็บผลได้ และกล้วยจะเริ่มออกปลี ก็ต้องใช้เวลา 10-11 เดือน หลังจากเริ่มออกปลีทิ้งไว้ประมาณเกือบ 1 เดือนครึ่งถึงตัดปลี และหลังจากนั้นปล่อยให้ลูกโตเต็มที่ ซึ่งใช้เวลานาน 5-6 เดือนจึงจะตัดกล้วยไปจำหน่าย
หลายคนคงสงสัยว่ากล้วยพันธุ์นี้ใหญ่ขนาดไหน ทำไมถึงได้ชื่อว่า กล้วยน้ำว้ายักษ์ มาฟังคุณพัชนีเล่าให้ฟังกัน ชื่อกล้วยยักษ์เป็นชื่อที่อาจารย์ตั้งขึ้นมาเอง เพราะขนาดของกล้วยใหญ่กว่ากล้วยที่เราเห็น ก็ไม่รู้จะตั้งชื่ออะไร ก็เลยเรียกว่า กล้วยยักษ์ ซึ่งได้เริ่มปลูกกล้วยพันธุ์นี้มาได้นานกว่า 2 ปี ขนาดของกล้วย ลำต้นจะสูงถึง 1.3 เมตร ปลีขนาดใหญ่เท่ากับขวดน้ำขนาด 5 ลิตร ผลกล้วย 1 ลูกน้ำหนักประมาณ 350 กรัม กล้วย 1 หวีหนักประมาณ 4.3-5 กิโลกรัม ใน 1 เครือจะได้กล้วยประมาณ 13-15 หวี กล้วย 1 เครือน้ำหนักประมาณ 55 กิโลกรัม
สำหรับราคากล้วยยักษ์ จากสวนกิโลกรัมละ 10 บาท ซึ่งกล้วย 1 เครือน้ำหนักประมาณ 55 กิโลกรัม ประมาณ 550 บาท ปลูก 100 ต้น มีรายได้ประมาณ 55,000 บาท ปัจจุบันคุณพัชนีปลูกกล้วยไว้ทั้งหมด 10,000 ต้น มีรายได้ประมาณ 550x10,000 = 5,500,000 บาท และนอกจากรายได้ขายผลกล้วยแล้ว ทางคุณพัชนียังมีรายได้จากการจำหน่ายหน่อกล้วย ซึ่งกล้วย 1 กอจะได้หน่อกล้วยประมาณ 3 หน่อ ราคาขายหน่อละ 100 บาท-150 บาท
ส่วนราคาขายกล้วยยักษ์ในตลาดอยู่ที่หวีละ 50-80 บาท ลูกค้าส่วนใหญ่จะซื้อเพื่อนำไปเข้าพิธีกรรมต่างๆ เช่น บวงสรวง หรือไหว้พระพิฆเนศ เป็นต้น รสชาติของกล้วยยักษ์จะมีความนุ่ม หอม หวานและอร่อย ซึ่งนอกจากลูกค้ากลุ่มที่ซื้อเข้าพิธี หรือไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อแล้ว กล้วยยักษ์ยังมีกลุ่มลูกค้าที่ซื้อไปกินด้วย เพราะรสชาติที่ดีกว่ากล้วยทั่วไป
สนใจ โทร. 08-6128-8000
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SMEs ผู้จัดการ” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *