เพิ่มทางเลือก! “มะม่วงแก้วขมิ้น” ปลูกในไทยทนแล้งโภชนาการสูง

กาฬสินธุ์ - ภาควิชาพืชสวน คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี เข้าสวนมะม่วงแก้วขมิ้น ไร่บริพัฒน์ เก็บผลผลิตเพื่อไปตรวจสอบเปรียบเทียบระหว่างมะม่วงแก้วขมิ้นที่ปลูกในประเทศไทยกับประเทศกัมพูชา เผยคุณภาพผลมะม่วงที่ปลูกในประเทศไทยดีกว่า ด้านเจ้าของสวนเผยมะม่วงแก้วขมิ้นทนแล้งได้ดี แม้เจออากาศวิปริตทั้งร้อนและพายุ

รายงานข่าวแจ้งว่า ที่ไร่บริพัฒน์ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ นายสาธิต พสุวิทยกุล ผศ.ดร.อุบล ชินวัง พร้อมคณะนักศึกษาภาควิชาพืชสวน คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี เข้ามาติดตามและเก็บผลผลิตมะม่วงแก้วขมิ้นจากไร่บริพัฒน์ เพื่อนำไปเปรียบเทียบคุณภาพด้านผลผลิต และโภชนาการระหว่างการปลูกในประเทศไทยกับจากฝั่งประเทศกัมพูชาซึ่งเป็นเจ้าของสายพันธุ์ดั้งเดิม

โดยนายบริพัฒน์ ธัญอุดม เจ้าของไร่ พร้อมนางระพีพร เชตุราช ผู้จัดการไร่ นำชมไร่มะม่วงแก้วขมิ้นและมะม่วงสายพันธุ์อื่นๆ บนเนื้อที่กว่า 100 ไร่

นายสาธิต พสุวิทยกุล อาจารย์ภาควิชาพืชสวน ระบุว่า ทางภาควิชาพืชสวน คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี มองเห็นถึงอนาคตของมะม่วงแก้วขมิ้นที่จะเป็นพืชเศรษฐกิจสร้างรายได้ให้เกษตรกร มีพื้นฐานความนิยมของผู้บริโภค ความต้องการทางตลาดและโรงงานอุตสาหกรรม โดยทางประเทศกัมพูชามีการส่งออกมะม่วงสายพันธุ์นี้ปีละหลายหมื่นตัน

ขณะที่ประเทศไทยก็ต้องนำเข้ามะม่วงนี้จำนวนมาก เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคและตลาดการค้า ซึ่งเป็นเหตุผลให้เดินทางมาไร่บริพัฒน์ ที่ถือเป็นเกษตรกรรายแรกของประเทศไทยที่มีไร่มะม่วงแก้วขมิ้น และมีผลผลิตออกสู่ตลาดมากว่า 2 ปี รวมถึงการจำหน่ายกิ่งพันธุ์ ซึ่งถือว่าเป็นไร่ที่มีการบริหารจัดการที่ดี อีกทั้งผลผลิตของมะม่วงแก้วขมิ้นยังมีคุณภาพสูงถึงขั้นดีกว่าทางฝั่งเจ้าของสายพันธุ์

“มะม่วงแก้วขมิ้นที่ปลูกในประเทศไทยเก็บตัวอย่างจากไร่บริพัฒน์ ในด้านผลผลิตจะให้ผลผลิตดีกว่าทางประเทศกัมพูชา ถือว่าเป็นความสามารถของเกษตรกร ขนาดผลของมะม่วงแก้วขมิ้นใกล้เคียงกันประมาณผลละ 300-400 กรัม หรือประมาณ 2-3 ผลต่อ 1 กก. ที่เป็นขนาดที่ตลาดต้องการ 1 ต้นผลผลิตอยู่ที่ 50-60 กก.

นอกจากนี้ เนื้อของมะม่วงที่ปลูกในไทย ทั้งๆ ที่ใช้เพียงปุ๋ยคอกยังทำให้เนื้อมะม่วงกรอบ ไม่มีฟองอากาศ ไม่มีโรค แตกต่างจากทางเจ้าของสายพันธุ์ที่จะมีปัญหาเนื้อมะม่วงไม่แน่น มีฟองอากาศ

อีกทั้งยังมีลักษณะก้นดำ ก้นกลวงเป็นรูอีกด้วย ขณะที่การเก็บตัวอย่างจากไร่บริพัฒน์ไปครั้งนี้จะนำไปต่อยอดในการทำงานวิจัยของนักศึกษาและภาควิชาพืชสวน ทั้งการบ่มมะม่วงเปรียบเทียบกับสายพันธุ์อื่นๆ ในไทย การหั่นชิ้นเพื่อเก็บรักษา รวมถึงคุณค่าทางโภชนาการ โดยเฉพาะสารต้านอนุมูลอิสระที่มีสูงกว่ามะม่วงสายพันธุ์อื่นๆ”

ด้านนายบริพัฒน์ ธัญอุดม เจ้าของไร่มะม่วงแก้วขมิ้น กล่าวว่า ปีนี้มีทั้งอากาศหนาวจัด ร้อนแล้ง และมีพายุฤดูร้อนอีก ทางไร่ที่มีการปลูกมะม่วงหลายสายพันธุ์ทั้งเขียวเสวย มะม่วงน้ำดอกไม้ ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงทั้งมะม่วงถูกลมแรงของพายุพัดผลกระจายเต็มทั่วไร่เสียหายอย่างหนัก ขณะที่อากาศวิปริตยังทำให้ผลผลิตน้อย แต่ในส่วนของมะม่วงแก้วขมิ้นกลับไม่ได้รับผลกระทบใดๆ จากแรงพายุ

นอกจากนี้ ความแห้งแล้งที่เกิดขึ้นยังทำให้ผลผลิตดกมากกว่าปีที่แล้ว เป็นพืชทนแล้งก็ว่าได้ ปัญหาด้านเชื้อราหรือโรคในมะม่วงก็ไม่มี ปลูกและดูแลรักษาง่าย นี่คือโอกาสของเกษตรกรที่จะหันมาปลูกมะม่วงแก้วขมิ้นเพื่อเศรษฐกิจให้มากๆ เพราะถือว่าเป็นพืชที่มีความเสี่ยงน้อยมาก

อีกทั้งราคายังสูง เป็นที่ต้องการของตลาด หากเกษตรกรปลูกกันเยอะยังทำให้ประเทศไทยลดการนำเข้ามะม่วงสายพันธุ์นี้ได้อีกด้วย