ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - เครือข่ายคนสงขลาปัตตานีไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหิน ร่วมละหมาดฮายัตขจัดภัยร้ายจากโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา-ปานาเระ แถลงการณ์อัดเละยังมีผลกระทบอีกหลายประเด็นที่ กฟผ.ไม่ยอมตอบประชาชน
วันนี้ (20 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครือข่ายคนสงขลาปัตตานีไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหิน ได้ออกแถลงการณ์เชิญชวน “พี่น้องชายแดนใต้ร่วมละหมาดฮายัต ขจัดภัยร้ายจากโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา-ปานาเระ” วันที่ 20 พฤษภาคม 2559 ณ สนามบางหลิง (เทพาบีชรีสอร์ท) หมู่ 4 ต.ปากบาง อ.เทพา จ.สงขลา พร้อมเนื้อหาระบุในแถลงการณ์ว่า
“โรงไฟฟ้าถ่านหินคือมหันตภัยของชุมชน คือหายนะของธรรมชาติ คือต้นกำเนิดมะเร็งร้าย คืออาวุธที่ทำลายสรรพสิ่ง และคือภัยแทรกซ้อนต่อสันติภาพชายแดนภาคใต้
การที่ กฟผ.มีการเปิดจำหน่ายเอกสารประกวดราคาสำหรับโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าเทพา ตั้งแต่วันที่ 19 พฤษภาคม ถึงวันที่ 21 กรกฎาคม 2559 และกำหนดยื่นซองประกวดราคาในวันที่ 19 ตุลาคม 2559 รวมทั้งโครงการท่าเทียบเรือและระบบสายพานลำเลียงถ่านหิน โครงการโรงไฟฟ้าเทพา ที่จะเปิดจำหน่ายเอกสารประกวดราคา ตั้งแต่วันที่ 25 พฤษภาคม-25 กรกฎาคม 2559 และกำหนดยื่นซองประกวดราคาในวันที่ 26 ตุลาคม 2559นั้น แม้ทาง กฟผ.จะชี้แจงว่าไม่มีผลผูกพันทางกฎหมาย แต่ก็สะท้อนวิธีคิดที่ไม่เคารพต่อชุมชน และชาวบ้านในอำเภอเทพาจำนวนมากที่ยังมีความเห็นต่าง และยังคัดค้านโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา
ที่ผ่านมา กฟผ.ทำมวลชนโดยการจัดกิจกรรมที่ใช้เงินทุ่มลงมาในชุมชนนับร้อยล้านพันล้านบาท ไม่ว่าการพาไปเที่ยวดูงาน การจัดกีฬา การจัดกิจกรรมปักป้ายถ่ายรูป การจัดงานสร้างภาพมากมาย แต่กลับไม่จัดเวทีตอบคำถามคาใจของกลุ่มคัดค้านโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพาแม้แต่ครั้งเดียว ทั้งนี้ เพราะเป็นคำถามที่ กฟผ.ไม่สามารถตอบได้ โดยเฉพาะประเด็นละเอียดอ่อนด้านศาสนาก็ไม่มีคำตอบใดๆ จาก กฟผ. ประเด็นเหล่านั้น เช่น การเลือกพื้นที่ตั้งที่ไม่เหมาะสม ซึ่งในที่ตั้งมีชุมชนมุสลิมอาศัยกันอยู่อย่างหนาแน่น มีมัสยิด มีกูโบร์ มีวัด มีปอเนาะ มีโรงเรียน อยู่อาศัยกันมาเป็นร้อยๆ ปี เป็นการไม่เคารพ ไม่เห็นคุณค่า และไม่เข้าใจต่อศาสนาอิสลาม และมุสลิมอย่างชัดเจน มีอะไรอยู่เบื้องหลังที่มากกว่าเพื่อผลิตไฟฟ้าหรือเปล่า
การบังคับย้ายโรงเรียนปอเนาะตะเยาะซูออกจากพื้นที่ โดยในวิถีมุสลิมแล้วปอเนาะล้วนสร้างจากเงินบริจาคมากมายของพี่น้องมุสลิมทั่วประเทศระดมทุนช่วยกันสร้าง การอนุรักษ์ไม่ย้ายมัสยิด ไม่ย้ายกุโบร์ แต่ย้ายชุมชนที่สร้าง และใช้ศาสนสถานเหล่านี้โดยรอบออกหมด และถมดินสูง 5 เมตรอัน แล้วมัสยิดกูโบร์จะมีคุณค่าอะไรอีก มัสยิด และกุโบร์ไม่ใช่สถานที่เอาไว้อนุรักษ์ แต่นี่กำลังจะทำให้มัสยิด บ้านของอัลลอฮ์ ซุบฯ กลายเป็นมัสยิดร้าง ไม่มีเสียงอะซานเรียกละหมาดห้าเวลาอีกต่อไป ไม่มีการละหมาด นี่หรือมัสยิด ทำให้กุโบร์ ที่ฝังบรรพบุรุษถูกละเลย ถูกเยียบย่ำ ไร้การเยี่ยมเยียน และกลายเป็นที่ขังน้ำ
ยังมีกุโบร์โบราณของชุมชนโบราณเมื่อร้อยปีที่แล้วที่ต้องถูกขุดทิ้งเพื่อสร้างเป็นบ่อเก็บขี้เถ้าถ่านหิน แต่ กฟผ.ทำเป็นเงียบไม่กล้าแม้แต่จะพูดถึง การใช้น้ำทะเลจำนวนถึง 9 ล้านคิวต่อวันมาใช้หล่อเย็น และกำจัดก๊าซซัลเฟอร์จะทำให้ทะเลเทพาเสื่อมโทรม ชาวประมงพื้นบ้านทั้งหมดที่เป็นพี่น้องมุสลิมทั้งสงขลา ปัตตานี เป็นหมื่นๆ คน จะมีชีวิตที่ลำบากยากเข็ญถึงลูกถึงหลาน กลายเป็นเจ้าของแผ่นดิน เจ้าของทะเลที่ว่างเปล่า ที่ไร้เกียรติ ไร้คุณค่า ได้แต่แบมือขอทาน แย่งเศษเงินเศษทอง รองบประมาณกองทุนมะเร็ง กองทุนทะเลร้างลงมา
การใช้เงินให้ผลประโยชน์ซื้อผู้นำทั้งท้องถิ่นท้องที่อย่างหนักซึ่งเป็นสิ่งที่หะรอม หรือเป็นบาปที่จะทำลายศาสนา และวิถีชุมชนที่สุขสงบ ทำให้ชุมชนแตกแยก เป็นความแตกแยกที่เกิดเพราะอำนาจเงิน และอิทธิพลต่อพี่น้องเทพาที่สงบสุขสามัคคีมายาวนาน การเผาถ่านหินปริมาณมหาศาล เป็นการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จำนวนมหาศาลเช่นกันที่ซ้ำเติมภาวะโลกร้อน เพราะเทคโนโลยีสะอาดไม่ได้ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกแต่อย่างใด
นอกจากคำถามสำคัญๆ ต่อผลกระทบมากมายที่ กฟผ.ไม่ตอบชาวบ้านแล้ว การที่ กฟผ.ไม่เคารพต่อชาวบ้าน และชุมชน กระทำตนแบบนักเลงอันธพาล อาศัยอำนาจ และช่องว่างทางกฎหมาย เดินหน้าเปิดขายซองประกวดราคาก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา ท่ามกลางเสียงคัดค้าน และคำถามผลกระทบสิ่งแวดล้อม และสุขภาพกว่า 200 คำถาม ที่ถูกคณะกรรมการชำนาญการถามให้ไปแก้ไข หรือหาคำตอบ ยิ่งสะท้อนถึงการไม่ได้ต้องการการแก้ไขปัญหาอย่างสันติตามที่ขี้โม้ไว้ และการกระทำเช่นนี้เป็นเสมือนการกดขี่ข่มเหงของจักรวรรดินิยมในอดีต และจะเป็นชนวนให้เกิดความแตกแยกขัดแย้งครั้งใหญ่ในชายแดนใต้
วันนี้ วันศุกร์ที่ 20 พฤษภาคม 2559 พี่น้องชาวสงขลา และปัตตานี จึงได้รวมตัวกันที่สนามบางหลิง (เทพาบีชรีสอร์ท) เพื่อละหมาดฮายัต ขอพรจากอัลลอฮ์ ซุบฯ พระผู้เป็นเจ้า ให้ขจัดสิ่งเลวร้ายต่างๆ จากโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา และว่าที่โรงไฟฟ้าถ่านหินปะนาเระ ที่จะมาทำลายศาสนา ทำลายชุมชน ทำลายสิ่งแวดล้อม ทำลายสุขภาพ ทำลายความมั่งคั่ง ทำให้โลกร้อน ทำให้พี่น้องแตกแยกให้ยุติลงในที่สุด เพื่อนำสันติสุขกลับมาสู่ชายแดนใต้ที่สุขสงบสวยงามอีกครั้ง และขอให้อัลลอฮ์ ซุบฯ ทรงชี้ทางนำแก่ผู้ที่หลงผิด ผู้ปกครองที่อธรรม และลงโทษแก่ผู้ที่ไม่ยอมเตาบะตัว (สารภาพผิด) ที่โอหัง กดขี่ข่มเหงรังแกผู้คน ให้เห็นเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาของผู้คนด้วยเถิด