เมืองไทย 360 องศา
จะเรียกว่าพิลึกกึกกือกันแบบหักมุมสามร้อยหกสิบองศากันเลยทีเดียวสำหรับ “พวกไพร่” ในยุคใหม่ ในยุค 2016 ที่ออกมาสนับสนุนเชิดชูและปกป้องประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกา และกลุ่มประเทศยุโรป เพราะหากจำกันได้ย้อนหลังกลับไปแค่ไม่นานนัก เพราะยังอยู่ในช่วงอายุของหลายคน โดยเฉพาะใน “ยุค 5 ย.” ที่พวกผมยาว ใส่รองเท้ายาง สะพายย่าม เสื้อยืด กางเกงยีนส์ ในยุคแสวงหาความหมาย ที่ในยุคนั้นต้องต่อต้าน “จักรวรรดินิยมอเมริกา” ต่อต้านสงคราม ที่สำคัญก็คือต่อต้าน “กระฎุมพี” หรือพวกพ่อค้าวานิช หรือที่ในมุมมองของพวกมาร์กซิสม์บอกว่านี่คือพวก “ชนชั้นปกครอง” ที่เอาเปรียบ
ขณะเดียวกัน คงจำกันได้ว่ากลุ่มการเมืองยุคใหม่ที่สถาปนาตัวเองว่า “ไพร่” นั้น เป็นกลุ่มที่เรียกตัวเองว่าคนเสื้อแดง ซึ่งก็เป็นคนของพรรคเพื่อไทย เป็นคนในสังกัดของครอบครัวทักษิณ ชินวัตร พวกเขาอ้างว่าเป็น “ฝ่ายประชาธิปไตย” เพราะอ้างว่าพวกเขามาจากการเลือกตั้ง รวมไปถึงทุกเรื่องต้องตัดสินกันด้วยการเลือกตั้ง ตัดสินกันด้วยเสียงข้างมาก
มองฝ่ายตรงข้ามว่าเป็นพวก “อำมาตย์และพวกอนุรักษนิยม” โดยฝ่ายแรกมองว่าฝ่ายหลังเป็นพวกล้าหลัง เป็นมีแนวคิดสนับสนุนเผด็จการ ซึ่งก็เป็นทัศนะที่แปลกประหลาด เพราะหากย้อนให้เห็นภาพ คนที่พวกไพร่กลุ่มนี้ คือ บรรดาแกนนำคนเสื้อแดงตั้งแต่หัวแถวยันปลายแถวต่างเคารพบูชาทักษิณ ชินวัตร กลับเป็น นายทุนใหญ่ และยังเป็น “ทุนผูกขาด” เสียอีก และตามแบ็กกราวนด์ก็ชัดเจนว่า “ที่มีวันนี้...เพราะเผด็จการ รสช.เขาให้” ส่วนการที่อ้างว่าเป็นประชาธิปไตยนั้นก็เป็นประชาธิปไตยด้วยเสียงส่วนใหญ่ แต่ไม่ใช่เพื่อคนส่วนใหญ่ และการชนะเลือกตั้งก็ใช้วิธีซื้อตั้งแต่ซื้อ ส.ส. ซื้อพรรคการเมือง แน่นอนว่านี่คือนิยามของประชาธิปไตยตะวันตกแบบสหรัฐอเมริกา ที่มักนำมาอ้างกับบางประเทศเพื่อหวังประโยชน์บางอย่าง ขณะที่ประเทศใดก็ตามที่ตัวเองได้ประโยชน์ก็ทำเป็นหลับตาไม่รู้ไม่เห็น เช่นแทบทุกประเทศในตะวันออกกลางมีประเทศไหนบ้างที่เป็นประชาธิปไตย นอกเหนือจากอิสราเอล แต่สหรัฐฯ ก็สนับสนุนแบบสุดลิ่ม ซึ่งก็ว่ากันไปไม่ติดใจ เพียงแต่ต้องการสื่อให้เห็นว่านี่คือ “ผลประโยชน์ระหว่างประเทศ” ที่บางครั้งคำว่าประชาธิปไตย และสิทธิมนุษยชน เป็นข้ออ้างเพื่อเป้าหมายที่ซ่อนเร้นบางอย่างเท่านั้น
ขณะเดียวกัน หากพิจารณากันเฉพาะกรณีของทักษิณ ชินวัตร กับพวก แน่นอนว่าย่อมเข้าข่ายประชาธิปไตย เพราะมาจากการเลือกตั้ง แต่จะเป็นเพียงรูปแบบหรือไม่ ส่วนเนื้อหาแท้จริงเป็นแบบไหน เชื่อว่าคนส่วนใหญ่ย่อมรู้ดี เพราะทุกคนต่างมีประสบการณ์ตรงกันมานาน อย่างไรก็ดี สิ่งที่ต้องพิจารณากันในเวลานี้ก็คือ พวกไพร่ กลับไปญาติดีและเชิดชูยกย่องสหรัฐอเมริกา ที่สมัยก่อนคนกลุ่มประณามแบบเกลียดชังว่าเป็น “จักรวรรดินิยม” เป็นซาตาน ขณะเดียวกันในความเป็นจริงเครือข่ายและคนที่สนับสนุน ทักษิณ ชินวัตร มีไม่น้อยที่มีบทบาทสำคัญในเวลานี้ก็ยังเป็น"พวกฝ่ายซ้าย"เคยเข้าป่ากับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย(พคท.) ทำสงครามลัทธิกันมาแล้ว และเคยถึงขั้นเดินขบวนขับไล่สหรัฐฯในประเทศไทยกันมาแล้ว
แต่มาวันนี้กลับเป็นหนังคนละม้วน กลับตาลปัตร เพราะคนพวกนี้กลับหันมายกย่องชื่นชมท่าทีและความเคลื่อนไหวของสหรัฐฯในทุกเรื่อง ล่าสุดบรรดา แกนนำคนเสื้อแดง ไม่ว่าจะเป็น จตุพร พรหมพันธุ์ วรชัย เหมะ รวมไปถึง สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ต่างก็ออกมาชื่นชมยินดีสหรัฐฯ ที่ออกคำแถลงตำหนิไทยในเรื่องสิทธิมนุษยชน การจำกัดสิทธิเสรีภาพ และเรื่องสำคัญก็คือ สหรัฐฯได้คัดค้านการบังคับใช้กฎหมายอาญา มาตรา 112 ที่เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเรื่องหลังนี่แหละที่คนไทยส่วนใหญ่รับไม่ได้ จึงได้ออกมาประณามสหรัฐฯ และเอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำประเทศไทย “กลิน เดวีส์” อย่างรุนแรงว่าแทรกแซงกิจการภายในและไร้มารยาททางการทูต
แต่บรรดาแกนนำคนเสื้อแดงกลับออกมาปกป้องสหรัฐฯ และถึงขั้นขู่คนไทยด้วยกันที่แสดงท่าทีไม่พอใจทูตสหรัฐฯ ว่าทำผิดธรรมเนียมทูต และยังเตือนให้ระวังจะติดคุก หากคนไทยคนไหนก็ตามที่ไปแสดงท่าทีแบบนั้นต่อ กลิน เดวีส์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย
มีคนสำคัญและมีชื่อเสียงหลายคนต่างออกมาประณามและเรียกร้องให้มีการแสดงปฏิกิริยาต่อต้านสหรัฐฯกันอย่างรุนแรง อย่างไรก็ดี นั่นเป็นปฏิกิริยาของคนไทย ไม่ใช่ท่าทีของฝ่ายรัฐบาล ซึ่งอาจเป็นครั้งแรกที่คนไทยมีท่าทีแบบนี้ในรอบหลายสิบปี
แน่นอนว่าหากใครได้ติดตามการเมืองมาแบบรู้ทันอย่างต่อเนื่องก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่สหรัฐฯ มีท่าทีสนับสนุนทักษิณ ชินวัตร และเครือข่ายของเขา เนื่องจากเชื่อมต่อด้วย “ทุนสามานย์” เป็นทุนใหญ่ข้ามชาติ ที่บทบาทของ ทักษิณ ในอดีตก็ไม่ต่างจาก “นายหน้า” แบบผลประโยชน์วินวิน แต่ในยุคปัจจุบันเมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไป เปลี่ยนอำนาจรัฐใหม่ แม้จะยังไม่ชัดนักว่าผลประโยชน์สหรัฐฯ จะได้รับความกระทบกระเทือน แต่เชื่อว่าคงไม่เหมือนเดิม จึงต้องมีท่าทีบางอย่างออกมาดังกล่าว
ขณะเดียวกัน สำหรับการพิจารณาเฉพาะในมุมของ “ไพร่ยุคใหม่” กลับมีมุมมองที่น่าประหลาด เพราะพวกเขากลับยืนเคียงข้างและปกป้องพวกจักรวรรดินิยมอเมริกา ถึงขั้นขู่คนไทยด้วยกันในทำนองว่าห้ามไปต่อต้านหรือประณาม สหรัฐฯ หรือทูตสหรัฐฯ เป็นอันขาด เพราะอาจถึงขั้นติดคุก และกระทบกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ว่ากันถึงขั้นนั้นทีเดียว ซึ่งก็ได้แต่มองว่านี่คือเรื่องแปลกแบบพิลึกกึกกือมาก!