พังงา - เจ้าหน้าที่ สบทช.6 นำพยานหลักฐานเข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษผู้ประกอบการทิ้งสมอเรือลงบนแนวปะการัง รอบเกาะไข่ ขณะ พงส.เกาะยาว นัดหมาย สบทช.6 เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ
วันนี้ (18 พ.ค.) นายสุชาติ รัตนเรืองศรี ผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล สำนักงานบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 6 ได้เปิดเผยต่อผู้สื่อข่าว ว่า หลังจากที่ได้จัดเจ้าหน้าที่พร้อมเรือตรวจการณ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง 225 ออกปฏิบัติงานด้านการตรวจสอบเฝ้าระวังการทำลายทรัพยากรทางทะเล ในพื้นที่เกาะไข่ จ.พังงา ระหว่างวันที่ 16 -17 พ.ค.ที่ผ่านมา
จากการตรวจสอบพบเรือนำเที่ยวเข้ามาจอดและรับนักท่องเที่ยวในเกาะไข่ ได้ทอดสมอเรือลงบนแนวปะการัง จำนวน 7 ลำ ทำให้ปะการังได้รับความเสียหาย ซึ่งการกระทำดังกล่าว มีความผิดตามกฎหมายพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า ฉบับวันที่ 19 ก.พ.2535 มาตรา16 ห้ามมิให้ผู้ใดล่า หรือพยายามล่าสัตว์ป่าสงวนหรือสัตว์ป่าคุ้มครอง เว้นแต่การกระทำโดยทางราชการ และมีความผิดตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในท้องที่อำเภอเกาะยาว ฉลับลงวันที่ 31 มี.ค.59 ข้อ4 ในพื้นที่ตาม ข้อ 3 ห้ามกระทำการทอดสมอเรือ กิจกรรมเดินท่องเที่ยวใต้ทะเล (Sea Walker) เรือท้องกระจก หรือเรือประเภทที่ใช้ความดันอากาศกดน้ำให้ออกจากเรือเพื่อดูปลาใต้ท้องทะเล ที่มีผลต่อสภาพพื้นทะเลในบริเวณที่มีแนวปะการัง หินปะการัง และกองหินใต้ทะเลธรรมชาติ
จึงได้จัดทำบันทึก และรวบรวมหลักฐานพยานภาพถ่าย นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เกาะยาว จ.พังงา เพื่อนำตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีอาญาต่อไป สำหรับความคืบหน้าของคดีเก่า จำนวน 11 คดี พงส.สภ.เกาะยาว ได้ชี้แจงว่า จะต้องนัดหมายกับเจ้าหน้าที่ สบทช.6 ไปตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุก่อนจึงจะเรียกตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีได้ ซึ่งขณะนี้ สบทช.6 ยังมิได้นัดหมายวันที่ชัดเจนจาก พงส.สภ.เกาะยาว จึงทำให้ขณะนี้มีคดีที่ สบทช.6 ได้ร้องไว้ที่ สภ.เกาะยาว จำนวน 18 คดี และจะนำเรื่องดังกล่าวเข้าที่ประชุมต่อไป
ด้าน นายภัคพงศ์ ทวิพัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา กล่าว สืบเนื่องจากได้ปรากฏเป็นข่าวหลายแขนง ว่า มีการยึดถือ ครอบครอง เข้าทำประโยชน์บริเวณพื้นที่เกาะไข่นุ้ย เกาะไข่นอก เกาะไข่ใน ต.พรุใน อ.เกาะยาว โดยมีการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมดำน้ำแบบผิดวิธี การจอดเรือ และทิ้งสมอเรือบริเวณปะการัง การปล่อยของเสีย และทิ้งขยะมูลฝอยลงทะเล ส่งผลให้ทรัพยากรทางทะเลฯ บริเวณดังกล่าวถูกทำลายได้รับความเสียหายนำไปสู่การร้องเรียนหลายหน่วยงาน จังหวัดพังงา จึงได้เชิญทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมในวันที่ 19 พ.ค.59 เพื่อบูรณาการหาแนวทางการแก้ไขปัญหาระยะยาวต่อไป
วันนี้ (18 พ.ค.) นายสุชาติ รัตนเรืองศรี ผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล สำนักงานบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 6 ได้เปิดเผยต่อผู้สื่อข่าว ว่า หลังจากที่ได้จัดเจ้าหน้าที่พร้อมเรือตรวจการณ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง 225 ออกปฏิบัติงานด้านการตรวจสอบเฝ้าระวังการทำลายทรัพยากรทางทะเล ในพื้นที่เกาะไข่ จ.พังงา ระหว่างวันที่ 16 -17 พ.ค.ที่ผ่านมา
จากการตรวจสอบพบเรือนำเที่ยวเข้ามาจอดและรับนักท่องเที่ยวในเกาะไข่ ได้ทอดสมอเรือลงบนแนวปะการัง จำนวน 7 ลำ ทำให้ปะการังได้รับความเสียหาย ซึ่งการกระทำดังกล่าว มีความผิดตามกฎหมายพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า ฉบับวันที่ 19 ก.พ.2535 มาตรา16 ห้ามมิให้ผู้ใดล่า หรือพยายามล่าสัตว์ป่าสงวนหรือสัตว์ป่าคุ้มครอง เว้นแต่การกระทำโดยทางราชการ และมีความผิดตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในท้องที่อำเภอเกาะยาว ฉลับลงวันที่ 31 มี.ค.59 ข้อ4 ในพื้นที่ตาม ข้อ 3 ห้ามกระทำการทอดสมอเรือ กิจกรรมเดินท่องเที่ยวใต้ทะเล (Sea Walker) เรือท้องกระจก หรือเรือประเภทที่ใช้ความดันอากาศกดน้ำให้ออกจากเรือเพื่อดูปลาใต้ท้องทะเล ที่มีผลต่อสภาพพื้นทะเลในบริเวณที่มีแนวปะการัง หินปะการัง และกองหินใต้ทะเลธรรมชาติ
จึงได้จัดทำบันทึก และรวบรวมหลักฐานพยานภาพถ่าย นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เกาะยาว จ.พังงา เพื่อนำตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีอาญาต่อไป สำหรับความคืบหน้าของคดีเก่า จำนวน 11 คดี พงส.สภ.เกาะยาว ได้ชี้แจงว่า จะต้องนัดหมายกับเจ้าหน้าที่ สบทช.6 ไปตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุก่อนจึงจะเรียกตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีได้ ซึ่งขณะนี้ สบทช.6 ยังมิได้นัดหมายวันที่ชัดเจนจาก พงส.สภ.เกาะยาว จึงทำให้ขณะนี้มีคดีที่ สบทช.6 ได้ร้องไว้ที่ สภ.เกาะยาว จำนวน 18 คดี และจะนำเรื่องดังกล่าวเข้าที่ประชุมต่อไป
ด้าน นายภัคพงศ์ ทวิพัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา กล่าว สืบเนื่องจากได้ปรากฏเป็นข่าวหลายแขนง ว่า มีการยึดถือ ครอบครอง เข้าทำประโยชน์บริเวณพื้นที่เกาะไข่นุ้ย เกาะไข่นอก เกาะไข่ใน ต.พรุใน อ.เกาะยาว โดยมีการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมดำน้ำแบบผิดวิธี การจอดเรือ และทิ้งสมอเรือบริเวณปะการัง การปล่อยของเสีย และทิ้งขยะมูลฝอยลงทะเล ส่งผลให้ทรัพยากรทางทะเลฯ บริเวณดังกล่าวถูกทำลายได้รับความเสียหายนำไปสู่การร้องเรียนหลายหน่วยงาน จังหวัดพังงา จึงได้เชิญทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมในวันที่ 19 พ.ค.59 เพื่อบูรณาการหาแนวทางการแก้ไขปัญหาระยะยาวต่อไป