พังงา - สบทช.6 เตรียมใช้ยาแรงเข้าจัดการคนที่ยังทำลายทรัพยากรทางทะเลรอบเกาะไข่ จ.พังงา หลังจากไปแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษเอาไว้แล้วถึง 11 คดี และกำลังจะแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษเพิ่มเติมอีก 7 คดี ผลปรากฏคดีก่อนหน้าไม่มีความคืบหน้าด้านคดีเลย
นายสุชาติ รัตนเรืองศรี ผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล สำนักงานบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 6 (สบทช.6) เปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวว่า ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่เกาะไข่ ต.พรุใน อ.เกาะยาว จ.พังงา เป็นวันที่ 2 ซึ่งจากการลงพื้นที่พบว่า ยังมีเรือนำเที่ยวทิ้งสมอโดนปะการังได้รับความเสียหายอีกจำนวน 4 ลำ จึงเข้าไปถ่ายรูป และจดรายละเอียดเรือ เพื่อเอาผิด ส่วนนักท่องเที่ยวที่ให้อาหารปลา หรือจับปลานั้น ในวันนี้ไม่พบการกระทำความผิดใดๆ และยังพบว่า มีเจ็ตสกี 30 ลำ ร่มบิน 5 ลำ ให้บริการแก่นักท่องเที่ยวอยู่ ซึ่งประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมฉบับใหม่ ได้ห้ามทำกิจกรรมดังกล่าว จึงจะนำเข้าที่ประชุม “คณะทำงานดำเนินการใช้มาตรการคุ้มครองทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งบริเวณพื้นที่เกาะไข่นุ้ย เกาะไข่นอก เกาะไข่ใน อำเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา” เพื่อหาวิธีดำเนินการแก้ไขปัญหาในวันที่ 18 พฤษภาคม 2559 ต่อไป
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ไม่อยากให้การจับกุมเรือนำเที่ยวที่กระทำผิด มีผลกระทบต่อนักท่องเที่ยว จึงดำเนินการเพียงแค่ถ่ายรูป ทำประวัติ ก่อนจะร้องทุกข์กล่าวโทษ แต่พบว่า หลังจากไปแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษเอาไว้แล้วถึง 11 คดี และกำลังจะร้องทุกข์กล่าวโทษเพิ่มเติมอีก 7 คดี พบว่า คดีก่อนหน้าไม่มีความคืบหน้าด้านคดีเลย จึงทำให้เหล่าผู้ประกอบการเรือนำเที่ยวไม่ได้สนใจถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อแนวปะการัง ซึ่งหลังจากนี้ หากพบผู้ที่กระทำผิดอีกจะดำเนินการนำผู้ที่กระทำผิดไปร้องทุกข์กล่าวโทษที่ สภ.เกาะยาว ทันที ซึ่งจะมีผลกระทบโดยตรงต่อนักท่องเที่ยว
นายสุชาติ รัตนเรืองศรี ผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล สำนักงานบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 6 (สบทช.6) เปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวว่า ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่เกาะไข่ ต.พรุใน อ.เกาะยาว จ.พังงา เป็นวันที่ 2 ซึ่งจากการลงพื้นที่พบว่า ยังมีเรือนำเที่ยวทิ้งสมอโดนปะการังได้รับความเสียหายอีกจำนวน 4 ลำ จึงเข้าไปถ่ายรูป และจดรายละเอียดเรือ เพื่อเอาผิด ส่วนนักท่องเที่ยวที่ให้อาหารปลา หรือจับปลานั้น ในวันนี้ไม่พบการกระทำความผิดใดๆ และยังพบว่า มีเจ็ตสกี 30 ลำ ร่มบิน 5 ลำ ให้บริการแก่นักท่องเที่ยวอยู่ ซึ่งประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมฉบับใหม่ ได้ห้ามทำกิจกรรมดังกล่าว จึงจะนำเข้าที่ประชุม “คณะทำงานดำเนินการใช้มาตรการคุ้มครองทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งบริเวณพื้นที่เกาะไข่นุ้ย เกาะไข่นอก เกาะไข่ใน อำเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา” เพื่อหาวิธีดำเนินการแก้ไขปัญหาในวันที่ 18 พฤษภาคม 2559 ต่อไป
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ไม่อยากให้การจับกุมเรือนำเที่ยวที่กระทำผิด มีผลกระทบต่อนักท่องเที่ยว จึงดำเนินการเพียงแค่ถ่ายรูป ทำประวัติ ก่อนจะร้องทุกข์กล่าวโทษ แต่พบว่า หลังจากไปแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษเอาไว้แล้วถึง 11 คดี และกำลังจะร้องทุกข์กล่าวโทษเพิ่มเติมอีก 7 คดี พบว่า คดีก่อนหน้าไม่มีความคืบหน้าด้านคดีเลย จึงทำให้เหล่าผู้ประกอบการเรือนำเที่ยวไม่ได้สนใจถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อแนวปะการัง ซึ่งหลังจากนี้ หากพบผู้ที่กระทำผิดอีกจะดำเนินการนำผู้ที่กระทำผิดไปร้องทุกข์กล่าวโทษที่ สภ.เกาะยาว ทันที ซึ่งจะมีผลกระทบโดยตรงต่อนักท่องเที่ยว
