อพท.3 เดินหน้าดันโรงแรมเมืองพัทยาและพื้นที่เชื่อมโยง ทำธุรกิจอย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม หวังยกระดับเทียบชั้นสากล เผยมีโรงแรมเข้าร่วม 40 แห่ง
นายธิติ จันทร์แต่งผล รองผู้จัดการและรักษาการผู้จัดการ สำนักงานพื้นที่พิเศษเมืองพัทยาและพื้นที่เชื่อมโยง หรืออพท.3 องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) หรือ อพท. เปิดเผยว่า อพท.3 ได้จัดทำมาตรฐานในการพัฒนาสถานประกอบการให้ได้มาตรฐานสากล โดยจะส่งเสริมให้มีการบำบัดน้ำเสีย รวมถึงการนำน้ำกลับมาใช้ใหม่ เพื่อเป็นการประหยัดน้ำ ลดรายจ่าย มีเป้าหมายให้มีการใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพและยังยืน อีกทั้งยังเป็นการทำธุรกิจอย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จะช่วยให้ไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาภัยแล้งเพราะมีน้ำเพียงพอกับการอุปโภคบริโภค ซึ่งการบำบัดน้ำเสีย และนำน้ำกลับมาใช้ใหม่จะเป็นการแก้ปัญหาในระยะยาวและยั่งยืน
ขณะเดียวกัน ก็ได้ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการโรงแรมมีการบริหารจัดการขยะก่อนทิ้งออกมาสู่สาธารณะ ด้วยการให้แยกขยะ การใช้ไฟฟ้าและพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะร่วมให้ความรู้ ความเข้าใจ และประสานงานเพื่อให้เกิดความร่วมมือในการบูรณาการ เพื่อทำธุรกิจอย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในพื้นที่พิเศษเมืองพัทยาและพื้นที่เชื่อมโยง ปัจจุบันมีโรงแรมเข้าร่วมโครงการรวม 40 แห่ง
ทั้งนี้ อพท.3จะส่งเสริมให้สถานประกอบการในพื้นที่พิเศษเมืองพัทยาและพื้นที่เชื่อมโยง ดำเนินธุรกิจอย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพราะเมืองพัทยาและพื้นที่เชื่อมโยงมีจำนวนสถานประกอบการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างมาก อพท.3 จึงได้ร่วมมือกับผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมดำเนินธุรกิจอย่างรับผิดชอบต่อสังคมและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม หรือ Green Hotel
"รูปแบบโครงการนั้น อพท.3 จะคิดหลักสูตรง่ายๆใกล้ตัว อาทิ ให้ผู้ประกอบการลดการใช้พลังงานลง และให้วัดผลเป็นรายจ่ายว่าสามารถลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานลงมากแค่ไหน รวมถึงแสดงให้เห็นว่า หากสามารถลดปริมาณขยะลงได้ ก็จะประหยัดค่าใช้จ่ายลงได้ด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งหลักสูตรดังกล่าว จะช่วยให้ผู้ประกอบการให้ความสนใจในการร่วมทำธุรกิจอย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น"
นักท่องเที่ยวยุโรปเลือก Green Hotel
ขณะเดียวกัน ก็จะแสดงให้ผู้ประกอบการเห็นว่า หากทำธุรกิจอย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม นอกจากจะช่วยลดค่าใช้จ่าย แล้วยังช่วยเพิ่มรายได้ด้วย อีกทั้งนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะยุโรป ต้องการพักอาศัยในโรงแรมที่ทำธุรกิจอย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และได้มาตรฐาน Green Hotel ซึ่งเท่ากับว่า โรงแรมที่เป็น Green Hotel มีโอกาสที่จะได้ลูกค้ามากกว่าโรงแรมที่ไม่ได้มาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นกระแสว่าควรท่องเที่ยวหรือพักอาศัยอย่างไม่เบียดเบียนทรัพยากรธรรมชาติ
โดย อพท.3 นำมาตรฐานดังกล่าวนี้มาส่งเสริมให้โรงแรมที่เป็นภาคีเครือข่ายได้เข้าร่วมโครงการ ซึ่งเท่ากับว่าช่วยยกระดับมาตรฐานด้านการบริการและการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมให้แก่ผู้ประกอบการโรงแรมในเมืองพัทยาได้เทียบชั้นระดับสากล ซึ่งมีการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า และลดการปลดปล่อยของเสียออกสู่สภาวะแวดล้อม โดยโรงแรมที่เข้าร่วมโครงการต้องเป็นโรงแรมที่จดทะเบียนประกอบธุรกิจอย่างถูกต้องตามกฏหมายด้วย และจะช่วยสร้างภาพลักษณ์ให้แก่โรงแรมในเมืองพัทยาด้วย
นอกจากนี้ อพท.3 ยังได้ร่วมมือกับสมาคมโรงแรมไทยภาคตะวันออก เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ และส่งเสริมให้สมาชิกสมาคมโรงแรมไทยภาคตะวันออก และโรงแรมทั่วไป ทำธุรกิจให้ได้มาตรฐาน Green Hotel และยังได้ร่วมมือกับมูลนิธิใบไม้เขียว เพื่อส่งเสริมให้โรงแรมทำธุรกิจอย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ด้านนายสรรเพชร ศุภบวรเสถียร นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคตะวันออก กล่าวว่า ในอนาคตนักท่องเที่ยวจะเลือกใช้บริการโรงแรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อ นักท่องเที่ยวจากยุโรป แต่ก็ยอมรับว่า ยังมีนักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อยที่ยังเลือกใช้บริการโรงแรมด้วยราคาถูกมากกว่าโรงแรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพราะโรงแรมรีสอร์ทที่มีราคาสูงกว่า
ทางสมาคมโรงแรมไทยภาคตะวันออก จึงร่วมมือกับสมาชิกให้บริการในลักษณะ Green Hotel ชูคอนเซ็ปต์ Save the World ซึ่งเชื่อว่าโรงแรมที่ยังไม่ได้ให้บริการในลักษณะ Green Hotel จะเริ่มปรับปรุงการให้บริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมถึงเพิ่มพื้นที่สีเขียว เพื่อตอบสนองความต้องการกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อที่ต้องการพักอาศัยอย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีโรงแรมที่ไม่ได้จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายมากถึง 50% จากจำนวน 130,000 ห้อง ซึ่งในส่วนนี้เป็นอุปสรรคสำคัญในการผลักดันราคาห้องพัก ทำให้โรงแรมหลายแห่งไม่ลงทุนเพิ่มเพื่อเป็น Green Hotel เพราะไม่ต้องการเพิ่มราคาห้องพักให้สูงขึ้น ซึ่งอาจจะกระทบต่อยอดเข้าพักได้
“สิ่งที่อยากให้ทางรัฐบาลช่วยเหลือ คือ ทำให้เกิดความเท่าเทียมกัน คือ ออกกฎหมายมาควบคุมให้ทุกโรงแรมอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน เพราะโรงแรมที่ประกอบการที่ผิดกฎหมาย มีต้นทุนที่ต่ำกว่าโรงแรมที่ถูกต้อง ทำให้สามารถกำหนดราคาค่าที่พักที่ต่ำกว่าได้ แต่หากมีกฎหมายควบคุมธุรกิจโรงแรม ระดับราคาที่พักต่างๆ จะไม่เหลื่อมล้ำกันมากนัก และจะทำให้โรงแรมทุกแห่งปรับตัวเป็น Green Hotel ด้วย