ศูนย์ข่าวภูเก็ต - หน่วยงานเกี่ยวข้องลงพื้นที่ป่าตอง ตรวจสอบข้อเท็จจริงน้ำทะเลเปลี่ยนจากสีฟ้าเป็นสีน้ำตาล นักวิชาการระบุเกิดจากแพลงก์ตอน บลูม ที่น้ำเสียไหลลงทะเลประจวบเหมาะกับอากาศเหมาะสม ทำให้เกิดปรากฏการณ์ดังกล่าว คาดอีกประมาณ 1 สัปดาห์จะเหมือนเดิม เผยไม่กระทบต่อนักท่องเที่ยวที่ลงเล่นน้ำ คุณภาพน้ำได้มาตรฐาน ขณะที่เทศบาลเมืองป่าตอง เร่งก่อสร้างระบบรวบรวมน้ำเสียที่เหลือร้อยละ 20 เข้าสูระบบทั้งหมด คาดเสร็จภายใน 4 เดือน
ตามที่ปรากฏภาพมุมสูงแสดงน้ำทะเลบริเวณชายหาดป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของจังหวัดภูเก็ต มีสีน้ำตาลคล้ำเผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์มาก่อนหน้านี้ และตามที่ได้มีการนำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุด วันนี้ (16 เม.ย.) นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วย นายสายันต์ ชนะชัยวงศ์ นายอำเภอเมืองกะทู้ นายสุรชัย บุรพานนทชัย เจ้าท่าภูมิภาคที่ 5 สาขาภูเก็ต นายสัญชัย เชาว์เฉียบ ผอ.ฝ่ายทรัพยากรน้ำ สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดภูเก็ต นางบุษยา ใจเปี่ยม ประชาสัมพันธ์จังหวัดภูเก็ต น.ส.บรรยง เก็บทรัพย์ รองนายกเทศมนตรีเมืองป่าตอง นายบุญมา เอียบทรัพย์ รองนายกเทศมนตรีเมืองป่าตอง ลงพื้นที่หาดป่าตอง เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว โดยได้ตรวจสภาพน้ำทะเลที่บริเวณชายหาดป่าตอง และโดยเฉพาะที่บริเวณปากคลองปากบาง ซึ่งเป็นจุดที่น้ำทะเลสีน้ำตาลเข้มกว่าจุดอื่นๆ เพราะเป็นจุดที่น้ำที่ผ่านการบำบัด และไม่ผ่านการบำบัดจากบ้านเรือน และสถานประกอบการไหลลงสู่ทะเล ตลอดจนโรงบำบัดน้ำเสียเทศสลเมืองป่าตอง ที่เดินเครื่องบำบัดน้ำเสียตามปกติ รวมไปถึงการก่อสร้างระบบรวบรวมน้ำเสียของเทศบาลเมืองป่าตอง
นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ภายหลังลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าว กล่าวว่า ในเบื้องต้น จังหวัดภูเก็ต ขอชี้แจงว่าภาพดังกล่าวเป็นภาพเก่า แต่ขณะได้เกิดแพลงก์ตอน บลูมในพื้นที่ทะเลหาดป่าตอง ส่งผลให้ทะเลเปลี่ยนสีจากฟ้าใสเป็นสีน้ำตาลคล้ำ สภาพดังกล่าวเป็นสภาพชั่วคราว และทะเลจะกลับมาเป็นปกติในเวลาประมาณหนึ่งสัปดาห์หลังจากนี้
ทั้งนี้ จากการลงพื้นที่ของหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบข้อมูลเรื่องน้ำเสียหาดป่าตอง พบว่า ระบบบำบัดน้ำเสียของเทศบาลเมืองป่าตอง ยังเป็นปกติ แต่น้ำที่มีสีคล้ำเนื่องจากปรากฏการณ์ “ส่าหร่ายบลูม” ที่ส่วนหนึ่งเกิดจากสารอินทรีย์จากน้ำทิ้งของชุมชน และสถานประกอบการที่สร้างหลังจากการก่อสร้างระบบบำบัดน้ำเสียสร้างแล้วเสร็จ
ในส่วนที่ไม่เข้าระบบบำบัดน้ำเสียซึ่งมีอยู่ประมาณร้อยละ 20 ของทั้งหมด ประกอบกับในช่วงนี้มีสภาวะอุณหภูมิ แสงแดดที่เหมาะสม จึงทำให้เกิดการบลูมของส่าหร่าย ซึ่งสภาพน้ำทะเลที่หาดป่าตอง ณ วันนี้ ไม่ส่งผลกระทบต่อนักท่องเที่ยวที่ลงไปเล่นน้ำแต่อย่างใด เนื่องจากคุณภาพของน้ำทะเลค่าบีโอดีไม่เกินค่ามาตรฐาน โดยวัดต่ำกว่า 10 มิลลิกรัมต่อลิตร ในขณะที่ค่ามาตรฐานจะอยู่ที่ 10 มิลลิกรัมต่อลิตร ซึ่งบรรยากาศหาดป่าตองในวันนี้ นักท่องเที่ยวยังคงลงเล่นน้ำ และทำกิจกรรมบนชายหาดอย่างคึกคักทั้งชาวไทย และต่างชาติ ด้วยอยู่ในช่วงเทศกาลสงกรานต์
สำหรับการแก้ปัญหาในระยะยาวเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ขึ้นอีก รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ได้กำชับให้เทศบาลเมืองป่าตอง กำกับตรวจสอบระบบบำบัดน้ำเสียของสถานประกอบการ กวดขัน และมีมาตรการให้มีการเดินระบบบำบัดน้ำเสียอย่างต่อเนื่อง และดำเนินการต่อผู้ฝ่าฝืนอย่างเฉียบขาดตามที่กฎหมายบัญญัติไว้
ด้าน น.ส.บรรยง เก็บทรัพย์ รองนายกเทศมนตรีเมืองป่าตอง กล่าวว่า ปัจจุบัน ระบบบำบัดน้ำเสียของเทศเมืองป่าตอง สามารถรองน้ำเสียได้ทั้งหมด 23,500 ลบ.ม.ต่อวัน ซึ่งยังไม่ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดของเทศบาลฯ ขณะนี้เทศบาลเมืองป่าตอง ได้รับการจัดสรรงบประมาณจากกองทุนสิ่งแวดล้อม จำนวน 125 ล้านบาท เพื่อทำการขยายระบบบำบัดน้ำเสียให้สามารถรองรับน้ำเสียได้เพิ่มอีก 9,000 ลบ.ม.ต่อวัน อยู่ในระหว่างดำเนินการ เมื่อส่วนขยายนี้แล้วเสร็จจะสามารถรองรับน้ำเสียเมืองป่าตองได้ในอีก 10 ปีข้างหน้า และจากการคาดการณ์ว่าในอีก 20 ปีข้างหน้า เมืองป่าตอง จะมีน้ำเสียถึง 40,000 ลบ.ม.ต่อวัน ในส่วนนี้ ทางเทศบาลได้เตรียมแผน และออกแบบรายละเอียดของการก่อสร้างระบบบำบัดน้ำเสียไว้พร้อมแล้ว เหลือเพียงขั้นการของบประมาณมาดำเนินการ ซึ่งเมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จจะสามารถรองรับน้ำเสียได้ครอบคลุมทั้งเมืองป่าตอง
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการรวบรวมน้ำเสียจากบ้านเรือนประชาชนที่อยู่นอกเขตระบบบำบัดน้ำเสีย ร้อยละ 20 นั้น ขณะนี้ทางเทศบาล กำลังดำเนินการก่อสร้างระบบรวบรวมน้ำเสียที่ใช้งบประมาณ 7.5 ล้านบาท คาดว่าจะแล้วภายใน 4 เดือนนี้ ซึ่งจะส่งผลให้คุณภาพสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ป่าตองดีขึ้นกว่าในอดีตที่ผ่านมา