ชุมพร - เมีย พร้อมญาติๆ นักอนุรักษ์ป่าต้นน้ำเขาตะโก ยันไม่เผาศพ วอนตำรวจสางคดีจับคนร้ายให้ได้ หวั่นชีวิตไม่ปลอดภัย
จากกรณีที่ นายพะเยาว์ ปานโรจน์ อายุ 52 ปี นักอนุรักษ์ภูเขาตะโก ถูก 2 คนร้ายใส่ชุดลายพรางซุ่มยิงกับอาวุธปืนลูกซองยาวเสียชีวิตขณะไปรดน้ำในสวนทุเรียนกับภรรยา เหตุเกิดเมื่อช่วงเช้าวันที่ 8 พ.ค.59 ที่ผ่านมา
ความคืบหน้ากรณีดังกล่าว ล่าสุด วันนี้ (16 พ.ค.) ที่บ้านเลขที่ 110 หมู่ 5 ตำบลตะโก อ.ทุ่งตะโก จ.ชุมพร ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานศพของ นายพะเยาว์ ปานโรจน์ นักอนุรักษ์ภูเขาตะโก นางวัญญา ปานโรจน์ อายุ 54 ปี พี่สาว และ น.ส.ภัทรมน กรรมริน อายุ 33 ปี ภรรยาผู้ตาย ออกมาเปิดเผยว่า หลังจากเกิดเหตุ และตั้งศพที่บำเพ็ญกุศลอยู่ที่บ้านใกล้ที่เกิดเหตุ ได้ 6 วัน เจ้าหน้าที่ตำรวจมาขอนำศพไปผ่าพิสูจน์หาหลักฐานเพิ่มเติมที่โรงพยาบาลนิติเวช จ.สุราษฎร์ธานี และได้นำศพกลับมาแล้ว
ซึ่งขณะนี้ทางญาติๆ และเพื่อนบ้านได้ตกลงกันแล้วว่า จะยังไม่เผาศพผู้ตายก่อน เนื่องจากเห็นว่ายังรวดเร็วเกินไป อีกทั้งคดีก็ยังคืบหน้าไปไม่มาก จึงนำศพไปเก็บไว้ที่วัดบ่อโคหมู่ที่ 1 ตำบลนาขา อ.หลังสวน จ.ชุมพร ซึ่งเป็นบ้านเกิดของผู้ตายจนกว่าตำรวจจะจับคนร้ายได้ หรือคดีคืบหน้าไปมากกว่านี้
ทั้งนี้ ได้วิงวอนขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งสางคดีโดยเร็ว เนื่องจากหลังสิ้น นายพะเยาว์ คนในครอบครัว 6 ชีวิต ไร้ที่พึ่ง อีกทั้งยังเป็นผู้หญิง และเด็กทั้งหมด คงไม่สามารถที่จะไปสู้รบปรบมือกับใครได้ ทั้งนี้ แม้ว่าที่ผ่ามา ตำรวจได้พยายามเร่งรัดคดีให้อย่างเต็มที่แต่คดีก็คืบหน้าไปไม่มากนัก ตน และครอบครัวก็ฝากความหวังต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าจะสามารถจับตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้โดยเร็ว เพราะประเด็นการสังหารมีแค่เพียงประเด็นเดียวเท่านั้นที่ผู้ตายเปิดโปงเรื่องการบุกรุกป่าต้นน้ำของกลุ่มบุคคลกลุ่มหนึ่ง
จากกรณีที่ นายพะเยาว์ ปานโรจน์ อายุ 52 ปี นักอนุรักษ์ภูเขาตะโก ถูก 2 คนร้ายใส่ชุดลายพรางซุ่มยิงกับอาวุธปืนลูกซองยาวเสียชีวิตขณะไปรดน้ำในสวนทุเรียนกับภรรยา เหตุเกิดเมื่อช่วงเช้าวันที่ 8 พ.ค.59 ที่ผ่านมา
ความคืบหน้ากรณีดังกล่าว ล่าสุด วันนี้ (16 พ.ค.) ที่บ้านเลขที่ 110 หมู่ 5 ตำบลตะโก อ.ทุ่งตะโก จ.ชุมพร ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานศพของ นายพะเยาว์ ปานโรจน์ นักอนุรักษ์ภูเขาตะโก นางวัญญา ปานโรจน์ อายุ 54 ปี พี่สาว และ น.ส.ภัทรมน กรรมริน อายุ 33 ปี ภรรยาผู้ตาย ออกมาเปิดเผยว่า หลังจากเกิดเหตุ และตั้งศพที่บำเพ็ญกุศลอยู่ที่บ้านใกล้ที่เกิดเหตุ ได้ 6 วัน เจ้าหน้าที่ตำรวจมาขอนำศพไปผ่าพิสูจน์หาหลักฐานเพิ่มเติมที่โรงพยาบาลนิติเวช จ.สุราษฎร์ธานี และได้นำศพกลับมาแล้ว
ซึ่งขณะนี้ทางญาติๆ และเพื่อนบ้านได้ตกลงกันแล้วว่า จะยังไม่เผาศพผู้ตายก่อน เนื่องจากเห็นว่ายังรวดเร็วเกินไป อีกทั้งคดีก็ยังคืบหน้าไปไม่มาก จึงนำศพไปเก็บไว้ที่วัดบ่อโคหมู่ที่ 1 ตำบลนาขา อ.หลังสวน จ.ชุมพร ซึ่งเป็นบ้านเกิดของผู้ตายจนกว่าตำรวจจะจับคนร้ายได้ หรือคดีคืบหน้าไปมากกว่านี้
ทั้งนี้ ได้วิงวอนขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งสางคดีโดยเร็ว เนื่องจากหลังสิ้น นายพะเยาว์ คนในครอบครัว 6 ชีวิต ไร้ที่พึ่ง อีกทั้งยังเป็นผู้หญิง และเด็กทั้งหมด คงไม่สามารถที่จะไปสู้รบปรบมือกับใครได้ ทั้งนี้ แม้ว่าที่ผ่ามา ตำรวจได้พยายามเร่งรัดคดีให้อย่างเต็มที่แต่คดีก็คืบหน้าไปไม่มากนัก ตน และครอบครัวก็ฝากความหวังต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าจะสามารถจับตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้โดยเร็ว เพราะประเด็นการสังหารมีแค่เพียงประเด็นเดียวเท่านั้นที่ผู้ตายเปิดโปงเรื่องการบุกรุกป่าต้นน้ำของกลุ่มบุคคลกลุ่มหนึ่ง
