ชุมพร - คืบหน้ากรณี 2 คนร้าย ซุ่มยิงหนุ่มชาวสวนทุเรียนนักอนุรักษ์ตาย พบปมเหตุร้องเรียนกลุ่มบุคคลบุกรุกป่าต้นน้ำ และขัดแย้งต่อเจ้าหน้าที่รัฐบางหน่วยงาน
จากกรณีที่ นายพะเยาว์ ปานโรจน์ อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 110 หมู่ 5 ตำบลตะโก อ.ทุ่งตะโก จ.ชุมพร เกษตรกรชาวสวนทุเรียน และเป็นนักอนุรักษ์ป่าต้นน้ำเขาตะโก อ.ทุ่งตะโก ถูก 2 คนร้ายใช้อาวุธปืนลูกซองยาว 2 กระบอก ลอบยิงเสียชีวิตขณะไปรดน้ำในสวนทุเรียนกับภรรยาบริเวณเชิงเขาห่างจากบ้านพักประมาณ 1 กิโลเมตร ตามข่าวที่เสนอแล้วนั้น
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (9 พ.ค.) น.ส.ภัทรมน กรรมริน อายุ 33 ปี ภรรยาผู้ตายเปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวได้สร้างความสูญเสียให้แก่ครอบครัวตนเป็นอย่างมาก และทำให้ชาวบ้านที่อยู่ในกลุ่มอนุรักษ์เสียขวัญ ส่วนประเด็นการสังหารตนยังให้น้ำหนักไปในเรื่องประเด็นที่นายพะเยาว์ เคยนำผู้สื่อข่าวในพื้นที่ จ.ชุมพร ขึ้นไปทำข่าวกรณีมีกลุ่มบุคคลเข้าไปบุกรุกป่าต้นน้ำบนภูเขาตะโก จนมีเจ้าหน้าที่รัฐหลายหน่วยงานลงมาตรวจสอบ และทำให้นายพะเยาว์ เกิดความขัดแย้งต่อกลุ่มบุคคลดังกล่าว และเจ้าหน้าที่รัฐบางหน่วยงานด้วย จึงขอเรียกร้องให้ตำรวจจับตัวคนร้ายที่ยิง นายพะเยาว์ สามีตนมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้ และขอความเป็นธรรมให้แก่สามี เพราะหลังจากที่นำผู้สื่อข่าวขึ้นไปทำข่าวกลับมีเจ้าหน้าที่รัฐมาดำเนินคดีต่อ นายพะเยาว์ เกี่ยวกับที่ดินแปลงที่ปลูกทุเรียน ทั้งที่ที่ดินดังกล่าวเป็นที่ดินที่ทำกินตกทอดมาตั้งแต่รุ่นพ่อของ นายพะเยาว์ ซึ่งก่อนหน้าได้ปลูกยางพารามาเกือบ 25 ปี แต่ต่อมาได้โค่นต้นยางพารา และปลูกทุเรียนแทน เรื่องนี้ นายพะเยาว์ ได้ไปร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดชุมพร จนมีเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบเมื่อวันที่ 3 พ.ค.59 จึงเชื่อว่าสาเหตุทั้งหมดเกี่ยวโยงมาจากการร้องเรียนเรื่องกลุ่มบุคคลเข้าไปบุกรุกยึดครองป่าต้นน้ำอย่างแน่นอน จนมาถูกยิงตายดังกล่าว
ด้าน พล.ต.ต.นรินทร์ บุษยวิทย์ ผบก.ภ.จ.ชุมพร ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ในกรณีดังกล่าวว่า ขณะนี้ตำรวจได้ตั้งประเด็นการสังหาร นายพะเยาว์ ในเรื่องความขัดแย้งที่ผู้ตายที่เคยนำผู้สื่อข่าวทำข่าวตีแผ่กรณีกลุ่มบุคคลรุกป่าต้นน้ำเขาตะโก จนเกิดความขัดแย้งต่อกลุ่มบุคคล และเจ้าหน้าที่รัฐของหน่วยงานหน่วยหนึ่งในพื้นที่ และได้มีการร้องเรียนกันอยู่ แต่ในส่วนประเด็นเรื่องส่วนตัวของผู้ตายตำรวจก็ไม่ได้ตัดทิ้งไป และจะเร่งสอบปากสวนพยานที่เห็นเหตุการณ์ และพยานแวดล้อม พร้อมทั้งขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานสักระยะ เพราะในบางประเด็นเป็นความลับในชั้นสอบสวนทางคดี ไม่สามารถเปิดเผยได้ตอนนี้ และคาดว่าจากพยานหลักฐานที่มีน่าจะสามารถนำไปสู่การออกหมายจับได้