สุราษฎร์ธานี - กลุ่มประชาชนที่ไม่มีที่ดินทำกินกว่า 500 ครัวเรือน เข้าอยู่อาศัยอยู่ในพื้นที่ราชพัสดุแปลง 848 อำเภอเคียนซา วอนหน่วยงานเกี่ยวข้องช่วยเหลือ หลังผู้ว่าสุราษฎร์ฯ ออกประกาศให้ออกจากพื้นที่ อยู่ในภาวะตึงเครียด หวั่นถูกสลาย ถูกจับเป็นผู้ต้องหา ทั้งที่เข้ามาอาศัยตามนโยบายของอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดคนก่อน ที่ต้องการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน
จากกรณี นายวงศศิริ พรหมชนะ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้มีประกาศขับไล่ให้กลุ่มราษฎรที่ไม่มีที่ดินทำกินที่เข้าไปผู้อาศัยอยู่ในพื้นที่ราชพัสดุ 848 ม.2 ต.อรัญคามวารี อ.เคียนซา จ.สุราษฎร์ธานี กว่า 500 ครัวเรือน หรือประมาณ 300 ไร่ โดยกำหนดให้กลุ่มราษฎรที่เข้าไปอยู่อาศัยออกจากพื้นที่พร้อมรื้อสิ่งปลูกสร้างให้หมดภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันที่ 19 เมษายน เป็นต้นมา ซึ่งแกนนำระบุว่า การเข้ามาอยู่ในพื้นที่เป็นไปตามนโยบายของอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานีคนก่อน ที่มีหนังสือประสานขอความร่วมมือให้ราษฎรที่ไม่มีที่ดินทำกินได้เข้ามาอยู่อาศัยไปพลางก่อนเพื่อรอการจัดสรร ไม่ได้เป็นการบุกรุกแต่อย่างใด ต่อมา นายวิทยา ศรีภิรมย์มิตร พร้อมแกนนำกว่า 20 คน ได้เข้ายืนหนังสือร้องขอให้ทหารมาเป็นตัวกลางในการจัดสรรที่ดินทำกิน เนื่องจากที่ผ่านมา ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้อุ้มนายทุนแต่ทอดทิ้งประชาชนผู้ยากไร้ไม่มีที่ทำกิน ทั้งที่พื้นที่ดังกล่าวจะต้องนำมาจัดสรรให้ราษฎรไม่มีที่ทำกินตามมติ ครม.46
ล่าสุด ในวันนี้ (1 พ.ค. ) ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงในชุมชุนมงกุฎราชพิทักษ์ อำเภอเคียนซา พบว่า มีราษฎรที่เข้าไปปลูกบ้านอาศัยอยู่ในพื้นที่ราชพัสดุแปลง 848 บ่อถ่านศิลา ในพื้นที่ของบริษัทประจักวิวัฒน์ จำกัด ที่ทางบริษัทได้หมดสัมปทานไปเมื่อปี 2557 จำนวน กว่า 500 ครัวเรือน โดยตัวบ้านได้ใช้วัสดุจากการบริจาค และเศษไม้ประกอบขึ้นเป็นตัวบ้าน และบ้านบางหลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง
นายมาโนชย์ อินทรสุวรรณ์ ประธานชุมชนมงกฎราชพิทักษ์ กล่าวว่า ประชาชนที่เข้ามาอยู่อาศัยในพื้นที่โดยได้รับความเมตตาจากอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานีคนก่อน ได้ทำหนังถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ประชาชนที่ไม่มีที่ดินทำกิน และเป็นผู้ยากไร้ได้เข้ามาปลูกบ้านพักอาศัยไปพลางๆ ก่อนเพื่อรอการจัดสรรที่ดินทำกินจากรัฐบาล แต่ก็ต้องตกใจเมื่อจู่ๆ ทางผู้ว่าราชการจังหวัดมีคำสั่งขับไล่ออกจากพื้นที่ ทั้งที่ไม่ได้มีการบุกรุก หากทางจังหวัดต้องการพื้นที่ให้นายทุนทางชุมชนก็ไม่มีข้อโต้แย้ง แต่ขอความเมตตาให้ทางจังหวัดจัดหาที่อยู่อาศัยให้แก่ประชาชนทั้งหมดด้วย
ด้าน นางหนู พิมพ์ทรัพย์ อายุ 57 ปี ชาวบ้านในชุมชน กล่าวว่า รอการจัดที่ที่ดินทำกินมานกว่า 12 ปี ในอดีตเคยไปร้องเรียนต่อสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อขอที่ดินทำกิน ทางสำนักนายกรัฐมนตรีได้มีหนังสือถึงจังหวัดสุราษฎร์ธานี ไห้ดำเนินการ แต่ก็ยังไม่ได้ วันนี้ต้องตกใจต่อคำสั่งทางจังหวัดที่ขับไล่ออกจาพื้นที่แต่ก็ไม่มีทางจะไปไหนขอตายอยู่ในพื้นที่นี้ ซึ่งการรอคอยมาเป็นเวลานานทำให้สามีที่ยืนหยัดคู่กันมาได้เสียชีวิตไปแล้ว
ในขณะที่ นางจันทร์ เมฆพั้น อายุ 65 ปี กล่าวว่า ได้รับความเมตตาจากอดีตผู้ว่าราชการคนก่อนให้เข้ามาอยู่อาศัยในที่แห่งนี้ พอได้ปลูกบ้านอาศัยเป็นที่ซุกหัวนอนเพื่อรอทางรัฐบาลจัดสรรที่ดินทำกิน แต่พอมีบ้านอยู่อาศัย ทางจังหวัดกับมีประกาศขับไล่ออกจากพื้นที่ จึงวอนขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ช่วยแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน ก่อนที่จะมีคนจนผูกคอตายรายวัน
นายทน นาคประสงค์ อายุ 71 ปี และนางผ่องศรี สองสามีภรรยา บอกว่า ได้เข้ามาปลูกบ้านโดยใช้วัสดุจากการได้รับบริจาค และเศษไม้ และไม้บางส่วนในพื้นที่ที่จะพอหาได้ มาประกอบเป็นตัวบ้านพอได้อยู่อาศัยมา 9 เดือนเศษเพื่อรอการจัดสรรที่ดินทำกิน แต่วันนี้รู้ข่าวว่าทางจังหวัดประกาศขับไล่ ต้องตกใจ และอยู่ในภาวะเครียดจัดจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ ตนไม่มีที่ดิน ไม่มีบ้านอยู่ ลูกๆ ก็ทำงานรับจ้างตามบริษัทนานๆ จะนำเงินมาให้เป็นค่าใช้จ่าย ขณะนี้กลัวมากไม่รู้อนาคตจะเป็นอย่างไร จึงวอนขอผู้มีอำนาจได้เมตตาต่อชาวบ้านที่ยากจนที่อยู่ในพื้นที่ด้วย