ศาลยกฟ้อง! คดี “รื้อมอปลาย่าง” นายทุนเหิมฟ้องอดีตผู้ว่าฯ โคราชกับพวก ชี้ทำถูกต้องตาม กม.

ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - ศาลจังหวัดสีคิ้ว พิพากษายกฟ้องคดีนายทุนใหญ่บุกรุก “มอปลาย่าง” ริมอ่างเขื่อนลำตะคอง เหิมฟ้องอดีตผู้ว่าฯ โคราชกับพวก ชี้ทำตามขั้นตอนและถูกต้องตาม กม. ไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและบุกรุกทำทรัพย์สินเสียหาย ระบุทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวมจึงไม่ประทับรับฟ้อง ชี้โจทก์ยื่นอุทธรณ์ได้ใน 1 เดือน ขณะกลุ่มภาค ปชช.ไปให้กำลังใจถึงศาล เฮสุดดีใจ



เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (28 เม.ย.) ที่ห้องพิจารณาคดีที่ 4 ชั้น 2 ศาลจังหวัดสีคิ้ว อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา ศาลนัดพิพากษาคดีอาญา หมายเลขดำที่ อ.1615/2558 นายสมชัย ศรีประเสริฐ เจ้าของร้านอาหาร “ลำตะคองซีฟู๊ด” ที่บุกรุกที่ราชพัสดุมอปลาย่าง ริมอ่างเก็บน้ำลำตะคอง ถ.มิตรภาพ อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายธงชัย ลืออดุลย์ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดนคราชสีมากับพวกรวม 14 คน ในข้อหาเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหน้าที่และละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ, ร่วมกันบุกรุก, ทำให้เสียทรัพย์, ลักทรัพย์

โดยมีนายเสริมพงศ์ ไชยปุรณะ ผู้พิพากษาออกนั่งพิจารณาคดี ซึ่งนายสมชัย ฝ่ายโจทก์ไม่ได้เดินทางเข้าร่วมฟัง และไม่ส่งทนายความเข้าร่วมฟังแต่อย่างใด มีเพียงนายพิทักษ์ คำวชิรพิทักษ์ รองอัยการจังหวัดสีคิ้ว ทนายจำเลย และตัวแทนภาคประชาชนกลุ่มต่อต้านคอร์รัปชันจังหวัดนครราชสีมา รวมทั้งเจ้าหน้าที่หน่วยรัฐที่เกี่ยวข้องบางส่วนที่เดินทางมารับฟังและให้กำลังใจนายธงชัยกับพวก เข้ารับฟังการพิจารณาคดีนี้

ผู้พิพากษาได้อ่านคำพิพากษานานกว่า 8 นาที สรุปสาระสำคัญได้ว่า คดีนี้ระหว่างที่มีการยื่นฟ้องทางโจทก์ได้ยื่นถอนฟ้องจำเลยที่ 13 คือ นายสุเวช จันทร์จันทึก (ผู้ใหญ่บ้าน ม. 12 บ้านเขาน้อย ต.หนองสาหร่าย อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นเจ้าของร้านอาหาร “ครัวน้องเบนซ์” ที่บุกรุกที่ราชพัสดุมอปลาย่าง เช่นกัน)

ทั้งนี้ มีข้อต้องพิจารณาว่า คดีมีมูลให้ประทับรับฟังหรือไม่ ศาลเห็นว่าแม้โจทก์จะมีพยานบุคคลมาเบิกความประกอบพยานเอกสารยืนยันและสนับสนุนว่า โจทก์เป็นผู้ครอบครองที่ดินที่เกิดเหตุจาก นางประกอบ คูโคกกรวดเมื่อ 20 ปีมาแล้ว และเปิดร้านอาหาร ที่ดินที่เกิดเหตุเคยมีมติรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 13 ม.ค. 2547 จัดให้ราษฎรที่ถือครองเช่า และยังมีมติของกระทรวงมหาดไทยเห็นชอบให้ผู้บุกรุก 470 รายเช่า รวมทั้ง นางประกอบ ซึ่งโจทก์ได้อยู่อาศัยต่อจากนางประกอบ และต่อมานายวินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาในขณะนั้นประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินบริเวณมอปลาย่าง มีมติให้เช่าที่ราชพัสดุทำกินได้ แต่ต่อมานายธงชัย ลืออดุลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ขณะนั้นกับพวกได้ประชุมร่วมกันและมีมติให้มีการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างของโจทก์

แต่เมื่อพิจารณาพยานเอกสารที่โจทก์นำสืบและพยานหลักฐานที่จำเลยที่ 1-12 และ 14 นำสืบโดยมีการประชุมและมีมติร่วมกันว่า ให้ทำการรื้อถอนพร้อมบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องให้ผู้บุกรุกออกจากพื้นที่ โดยมีการจัดที่รองรับไว้ให้ ซึ่งมีการดำเนินการตามขั้นตอน 3 ระยะ คือ ก่อนการรื้อย้ายให้แจ้งผู้บุกรุกได้รื้อย้ายออกไป หากพ้น 7 วันไม่รื้อย้าย จะเข้าสู่ระยะที่ 2 คือ ทางหน่วยงานรัฐจะเข้าไปรื้อย้าย และระยะที่ 3 คือ หลังการรื้อย้ายให้มีการจัดที่รองรับไว้ให้ พร้อมให้ผู้บุกรุกใช้สิทธิในการฟ้องร้องต่อศาลปกครอง ซึ่งศาลปกครองพิจารณาไม่รับฟ้อง และโจทก์ยังได้ร้องเรียนต่อกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ต่อมากรรมการสิทธิฯ ได้ยุติการสอบสวนเพราะการดำเนินการของจังหวัดนครราชสีมาเป็นการจัดระเบียบอาชีพและแก้ไขปัญหาผู้บุกรุก

ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า จำเลยที่ 1-12 และ 14 ไม่ได้เป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และการที่โจทก์บอกว่าจำเลยดำเนินการขัดต่อมติ ครม.ปี 2547 นั้น เป็นการกล่าวอ้างเพียงบางส่วนของคณะรัฐมนตรี ฉะนั้นจึงไม่สามารถรับฟังได้ว่าจำเลยมีเจตนาไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามมติคณะรัฐมนตรีแต่อย่างใด

อีกทั้งความผิดฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จำเลยไม่ได้มีเจตนาทำให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์หรือต่อผู้หนึ่งผู้ใด การดำเนินการดังกล่าวเป็นลักษณะการจัดระเบียบตามอำนาจหน้าที่และไม่ปรากฏหลักฐานว่า ทำนอกกรอบที่กฎหมายกำหนด

นอกจากนี้ จำเลยยังจัดพื้นที่รองรับไว้ให้ด้วย และจากการนำสืบไม่ปรากฏหลักฐานว่าทำให้เสียทรัพย์ เพราะการเข้าไปรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างเป็นการเข้าไปทำภายในกรอบของกฎหมาย ไม่ใช่การเข้าไปเคหสถานของผู้อื่นโดยไม่มีเหตุอันควรอันเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียทรัพย์และบุกรุกทรัพย์แต่อย่างใด และเมื่อมีการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างแล้วโจทก์ยังสามารถนำสิ่งปลูกสร้างกลับไปได้เมื่อชำระค่ารื้อถอนแล้ว

การกระทำของจำเลยจึงไม่มีเหตุทำให้เสียทรัพย์หรือลักทรัพย์ผู้อื่น พยานหลักฐานเท่าที่โจทก์นำสืบในชั้นศาลไม่มีมูลให้พิจารณาจึงพิพากษายกฟ้อง และโจทก์สามารถยื่นอุทธรณ์ได้ภายใน 1 เดือน

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า หลังศาลมีคำพิพากษายกฟ้องได้สร้างความดีใจให้แก่ตัวแทนภาคประชาชนกลุ่มต่อต้านคอร์รัปชันจังหวัดนครราชสีมา นำโดย น.ส.พรเพ็ชร อมตะ เลขาธิการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชันจังหวัดนครราชสีมา และ นายไพบูลย์ พฤกษ์พนาเวศ นายกเทศมนตรีตำบลหนองไผ่ล้อม อ.เมือง จ.นครราชสีมา รวมทั้งเจ้าหน้าที่หน่วยรัฐที่เกี่ยวข้องบางส่วนที่เดินทางมารับฟังคำพิพากษา และให้กำลังใจนายธงชัย ลืออดุลย์ อดีตผู้ว่าฯ นครราชสีมา กับพวกเป็นอย่างมาก พร้อมได้นำป้ายข้อความให้กำลังใจอดีตผู้ว่าฯ นครราชสีมา ออกมาชูให้สื่อมวลชนได้ถ่ายรูปด้วย