โดย...ฝ่ายวิชาการ เครือข่ายคนรักษ์ขุนตัดหวาย
----------------------------------------------------------------------------------------
ตำบลขุนตัดหวาย อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา เป็นตำบลเล็กๆ ที่มีประวัติศาสตร์นับร้อยปี ประชาชนอยู่อย่างสงบสุข บนฐานชีวิตของภาคเกษตรกรรม ไม่ว่านาข้าว สวนยาง และสวนผลไม้ แต่วันนี้ขุนตัดหวายจะเปลี่ยนไปเพราะ “โรงไฟฟ้าชีวมวล”
คำถามสำคัญหลายคำถามยังไม่มีคำตอบ และความจริงสำคัญหลายความจริงเริ่มชัดเจน ซึ่งคนขุนตัดหวายควรรับรู้ คือ
1.โรงไฟฟ้าชีวมวลโรงที่ 1 กับโรงที่ 2 นั้น มีผู้ถือหุ้นหลักคือ บริษัท พรีไซซ์ เพาเวอร์โปรดิวเซอร์ จำกัด แต่เจตนาจดทะเบียนเป็นบริษัทลูก 3 บริษัท เพื่อการขอใบอนุญาตได้หลายๆ ใบ ทว่า แท้จริงก็คือ บริษัทเดียวกัน ทีมที่มาทำประชาสัมพันธ์ก็เป็นทีมเดียวกัน นายทหารที่มาป้วนเปี้ยนก็หน้าเดียวกัน แม้แต่ชื่อบริษัทลูกก็คล้ายๆ กัน
กล่าวคือ โรงแรกชื่อ “สงขลาไบโอแมส” โรงที่สองชื่อ “สงขลาไบโอพาวเวอร์” และยังมีโรงที่สามชื่อ “สงขลาไบโอฟูเอล” ซึ่งอาจจะมาโรงไฟฟ้าชีวมวลอีกที่ไหนไม่รู้ แต่อาจเป็นที่ขุนตัดหวายอีกก็เป็นไปได้
2.โรงไฟฟ้าชีวมวลโรงที่ 1 เดินเครื่องแล้ว ส่งผลกระทบต่อชาวบ้านอย่างมาก ไม่เหมือนอย่างที่คุยโวไว้ตอนก่อนจะสร้าง มีทั้งเสียงดัง ควันดำ ส่งกลิ่นเหม็น ฝุ่นเขม่าดำ ที่ดูด้วยตาเปล่าก็น่าจะเดาได้ว่าเกินมาตรฐาน มลพิษที่ออกมาทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง สะสมในร่างกาย ในน้ำ ในอากาศ ในนาข้าว ไม่นานคนขุนตัดหวายจะตายเร็ว
โรงงานโรงแรกก็ยังไม่สามารถจัดการสิ่งแวดล้อมให้ดีได้ ดังนั้น จึงควรทำโรงแรกให้ดีก่อนไหม พิสูจน์ให้ชาวบ้านเห็นก่อนดีไหมว่าไม่มีผลกระทบ จึงค่อยมาคิดจะสร้างโรงที่สอง
3.โรงไฟฟ้าชีวมวลโรงที่ 2 ทำไมเลือกสร้างใกล้มากจากโรงแรก ห่างเพียง 1 กิโลเมตร จากเดิมโรงแรกที่มีกำลังผลิต 9.9 เมกะวัตต์ แล้วมาสร้างโรงที่สองอีก 9.9 เมกะวัตต์ เช่นนี้แล้วเท่ากับเป็นการหลีกเลี่ยงกฎหมาย เพราะกฎหมายกำหนดว่า โรงไฟฟ้าชีวมวลขนาดเกิน 10 เมกะวัตต์ ต้องทำการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) เลยสร้างที่ 9.9 เมกะวัตต์ 2 โรง หรืออาจจะ 3 โรงในอนาคต เพื่อหนีการศึกษาอีไอเอ
สำหรับกรณีนี้ที่สร้างใกล้กันขนาดนี้ ควรต้องนับรวมเป็น 19.8 เมกะวัตต์ ซึ่งต้องมีการทำการศึกษาผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม (EIA) และการศึกษาผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA) จึงจะเป็นธรรมแก่ชุมชน
กรณีของโรงไฟฟ้าจะนะ เมื่อขึ้นโรงที่ 2 ขนาด 750 เมกะวัตต์ เขายังศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมรวมกำลังผลิตของโรงแรกที่มี 750 เมกะวัตต์มาศึกษาด้วยทั้ง 1,500 เมกะวัตต์ ซึ่งแสดงถึงความจริงใจกว่า แต่นี่ชัดเจนว่าบริษัทฟรีไซซ์ต้องการหลบกฎหมายสิ่งแวดล้อม ไม่กล้าทำอีไอเอ
4.กระบวนการขออนุมัติการสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวลทั้ง 2 โรงนั้น ต่างก็มีความไม่โปร่งใส ชาวบ้านมีโอกาสได้ซักถามให้ความเห็นน้อยมาก การมีส่วนร่วมของชาวบ้านแทบจะเป็นศูนย์ บริษัทมุ่งแต่การเลี้ยงดูปูเสื่อผู้นำทางการของชุมชน ซึ่งเสมือนการซื้อเสียง และสร้างความแตกแยกให้แก่ชุมชนคนขุนตัดหวายอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน และ
5.จะนะ มีโรงไฟฟ้าจะนะขนาด 1,560 เมกะวัตต์แล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องมีโรงไฟฟ้าชีวมวลให้กระทบชุมชนอีก คนจะนะ เคยมีการทำสมัชชาคนจะนะเมื่อหลายปีมาแล้ว มีมติชัดเจนมากว่า “ที่มีอยู่พอแล้ว ขออย่าเอาหายนะจากอุตสาหกรรมมาให้คนจะนะอีก” ขออากาศบริสุทธิ์ให้หายใจบ้าง ขอพื้นที่ปลูกอาหารปลอดสารพิษให้ได้กินบ้าง พอแล้ว แค่นี้ก็แย่พอแล้ว เข้าใจไหม
ด้วยเหตุผลเบื้องต้นทั้ง 5 ข้อนี้ จึงขอเชิญชวนพี่น้องขุนตัดหวาย และตำบลใกล้เคียง รวมทั้งพี่น้องคนไทย ลุกขึ้นมาปกป้องชุมชนจากโรงไฟฟ้าชีวมวลโรงที่ 2 เรามีโรงแรกก็แย่แล้ว ร่วมกันหยุดโรงที่ 2 เพื่ออนาคตของชุมชนของเรา และเพื่อสร้างระบบที่เป็นธรรมต่อชุมชน อย่ายอมให้โรงงานหลีกลี่ยงการศึกษา EIA โดยการสร้างทีละโรงโรงละ 9.9 เมกะวัตต์