ตรัง - ตำรวจกองปราบ ตามจับผู้ต้องหาคดีหักหลังซื้อขายรถแบ็กโฮคาสถานีรถไฟ จ.ตรัง โดยก่อเหตุใน จ.นครปฐม เมื่อวันที่ 22 มี.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งก่อเหตุทั้งยิง และแทงจนมีผู้เสียชีวิตถึง 2 ราย อ้างทำลงไปเพื่อปกป้องชีวิต และทรัพย์สิน
จากกรณีที่ นายสุรศักดิ์ อาจหาญ อายุ 51 ปี อาชีพรับเหมาถมดิน อยู่บ้านเลขที่ 41/1 หมู่ 5 ต.ละหาร อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี เข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองนครปฐม ว่า ถูกคนร้ายปล้นชิงทรัพย์รถแบ็กโฮ และยิงเพื่อนกับลูกน้องของตนเสียชีวิต 2 ศพ บนถนนเพชรเกษม กม.63 ฝั่งมุ่งหน้าเข้า จ.ราชบุรี บริเวณหน้าศาลเยาวชน จ.นครปฐม เมื่อวันที่ 22 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยผู้เสียชีวิต 2 คนคือ นายปราโมทย์ คงชนะ อายุ 58 ปี เป็นนายหน้าซื้อขายรถแบ็กโฮ ชาว จ.กระบี่ ถูกยิงด้วยอาวุธปืน ขนาด 9 มม. และนายณรงค์ เนตรพระฤทธิ์ อายุ 21 ปี คนขับรถของ นายสุรศักดิ์ ผู้เสียหาย ถูกแทงที่บริเวณหน้าท้อง ก่อนถูกรถบรรทุกแล่นทับซ้ำนั้น
วันนี้ (26 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม สามารถจับกุมตัว นายจารึก พลดี อายุ 35 ปี ได้ที่บริเวณหน้าสถานีรถไฟ จ.ตรัง หลังจากขยายผลจากการจับกุม นายธีรยุทธ รัตนะพรหม อายุ 31 ปี หนึ่งในผู้ต้องหาที่ จ.นครปฐม ได้แล้วก่อนหน้านี้ หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกองกองปราบปรามสืบสวนทราบว่า นายจารึก ซึ่งเป็นลูกน้องของ นายธีรยุทธเป็นผู้ก่อเหตุดังกล่าวขึ้น เนื่องจากก่อนหน้านี้ กลุ่มผู้เสียชีวิตได้ทำสัญญาเช่าซื้อรถแบ็กโฮจาก นายธีรยุทธ และมีการส่งมอบเงินดาวน์ให้แล้วส่วนหนึ่ง
หลังจากนั้น นายธีรยุทธ ได้นำเงินดาวน์ที่ได้รับมาไปดาวน์รถแบ็กโฮจากบริษัทแห่งหนึ่ง จำนวน 2 คัน แต่ต่อมา กลับส่งมอบรถแบ็กโฮให้แก่กลุ่มผู้เสียชีวิตเพียงแค่ 1 คัน ภายหลังจึงมีการติดตามทวงถามกันมาหลายครั้ง เนื่องจากทำผิดสัญญาข้อตกลง กระทั่งเมื่อทั้ง 2 ฝ่ายมาเจอกันยังที่เกิดเหตุ และเกิดการโต้เถียงกัน ทำให้ นายจารึก ใช้อาวุธปืนยิง นายปราโมทย์ และใช้อาวุธมีดแทง นายณรงค์ จนเสียชีวิตดังกล่าว ก่อนที่ผู้ต้องหาทั้งหมดจะแยกย้ายกันหลบหนี และถูกติดตามจับกุมตัวได้ในที่สุด
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบประวัติของ นายจารึก เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม พบว่า เคยตกเป็นผู้ต้องหาในคดีพยายามฆ่ามาแล้ว รวมทั้งจากแนวทางการสืบสวนยังพบว่า นายจารึก ยังมีพฤติกรรมเป็นมือปืนรับจ้างในซุ้มชื่อดังแห่งหนึ่งของภาคใต้ และเคยก่อเหตุมาแล้วหลายคดี ส่วนสาเหตุที่ก่อเหตุทั้งยิง และแทงจนมีผู้เสียชีวิตถึง 2 รายในครั้งนี้ เบื้องต้น นายจารึก ให้การว่า ลงมือไปเพราะต้องการปกป้องชีวิต และทรัพย์สิน ส่วนรายละเอียดต่างๆ ขอให้การในชั้นศาลเท่านั้น
