นครปฐม- รถแบก็โฮเป็นเหตุ ตกลงซื้อขายวางเงินแต่ไม่ได้รถตามสัญญา ยิง-แทงกันตาย 2 ศพ บนถนนเพชรเกษม ก่อนมือสังหารจะขับรถหลบหนีพร้อมเอาแบ็กโฮไปด้วย ตำรวจเตรียมขออนุมัติออกหมายจับแล้ว
เวลา 03.31 น. วันนี้ (22 มี.ค.) พ.ต.ต.ปิยะชัย มั่นคง พนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครปฐม รับแจ้งเหตุว่าเหตุยิง และแทงกัน โดยมีผู้เสียชีวิต 2 ราย บริเวณถนนเพชรเกษม หมู่ 2 ต.หนองดินแดน อ.เมือง จ.นครปฐม จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้น ก่อนเดินทางไปตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย พ.ต.อ.ไพฑูรย์ พิทักษ์ธรรม ผกก.สภ.เมืองนครปฐม พ.ต.ท.ทรงวุฒิ เจริญวิชยเดช รอง ผกก.สส.ภ.จว.นครปฐม พ.ต.ท.ภูวดิท คงเพ็ชร รอง ผกก.สส. พ.ต.ท.ภาณุทัต เหลืองสัจจกุล สว.สส. และกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน แพทย์เวร รพ.ศูนย์นครปฐม เจ้าหน้าที่มูลนิธิสุขศาลานุเคราะห์นครปฐม
เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่พบศพผู้เสียชีวิต จำนวน 2 ราย ประกอบด้วย นายประโมทย์ คงชนะ อายุ 58 ปี อยู่บ้านเลขที่ 194/1 หมู่ 2 ต.อ่าวลึก อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ นอนหงายหน้าเสียชีวิต สภาพศพถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 9 มม.เข้าที่ชายโครงขวา 1 นัด รายที่ 2 คือ นายณรงค์ เนตร์พระฤทธิ์ อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 40 หมู่ 6 ต.คลองพระอุดม อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี มีบาดแผลถูกแทงด้วยอาวุธมีดเข้าที่หน้าท้อง 1 แห่ง และมีรอยถูกของมีดบาดเป็นแผลลึกที่มือทั้ง 2 ข้าง โดยยังมีบาดแผลบริเวณศีรษะ และขาทั้ง 2 ข้าง มีร่องรอยถูกรถทับเป็นแผลฉกรรจ์ทั้งร่าง
นอกจากนี้ ในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ยังพบซึ่งเป็นผู้เสียหาย และอยู่ในเหตุการณ์ ได้ยืนรอพบเจ้าหน้าที่ด้วยท่าทางตื่นตระหนก
จากการสอบสวนเบื้องต้น นายสุรศักดิ์ อาจหาญ ซึ่งเป็นผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ที่ยังอยู่ในอาการตื่นตระหนักต่อเหตุการณ์ ให้ข้อมูลว่า นายประโมทย์ ผู้เสียชีวิตรายแรกเป็นนายหน้าติดต่อซื้อขายรถแบ็กโฮ ส่วนนายณรงค์ ผู้เสียชีวิตรายที่ 2 เป็นลูกน้องของนายสุรศักดิ์ อาจหาญ ผู้เสียหาย โดยมือสังหารครั้งนี้คือ นายธีระยุทธ รัตนพรหม กับพวก หลังก่อเหตุได้ขับรถยนต์เก๋งไม่ทราบยี่ห้อ พร้อมด้วยรถเทรลเลอร์บรรทุกรถแบ็กโฮหลบหนีมุ่งหน้าลงทางภาคใต้
นายสุรศักดิ์ กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุ ตนเองได้ติดต่อซื้อรถแบ็กโฮ 1 คัน จากนายธีระยุทธ รัตนพรหม โดยมี นายประโมทย์ คงชนะ ผู้ตายเป็นนายหน้าติดต่อ ซึ่งทราบรายละเอียดว่า นายธีระยุทธ ได้เช่าซื้อรถแบ็กโฮมา และต้องการที่จะขายดาวน์ต่อ จึงได้ตกลงซื้อขายดาวน์รถคันดังกล่าวในราคา 1.4 ล้านบาท และได้วางเงินสดจ่ายไปส่วนหนึ่ง จำนวน 6 แสนบาท และตกลงจ่ายส่วนที่เหลือหลังจากรับมอบรถเป็นที่เรียบร้อยแล้วซึ่งไม่ได้มีการทำสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษร
โดยนายธีระยุทธ จะทำการเคลื่อนย้ายรถแบ็กโฮจาก อ.รังสิต จ.ปทุมธานี มาส่งมอบรถให้ที่ อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี แต่เมื่อถึงเวลากำหนดกลับไม่ยอมมาส่งตามนัดหมาย จึงได้พยายามตามหาจนพบกันที่ย่านรังสิต พร้อมกับผู้ตายทั้ง 2 คน ซึ่งนายธีระยุทธ ได้นำรถแบ็กโฮ ขึ้นรถบรรทุกเทรลเลอร์ 2 คัน ก่อนออกเดินทางจากรังสิต เพื่อนำมาส่งตามที่ตกลง โดยนายธีระยุทธ ขับรถยนต์เก๋งตามมา 1 คัน รถยนต์เก๋งของ นายสุรศักดิ์ 1 คัน และผู้ตายทั้ง 2 คน มารถยนต์กระบะ โดยมีคนขับรถมาให้อีก 1 คัน โดยติดตามกันมาเป็นขบวนบนถนนเพชรเกษม
กระทั่งเมื่อถึงพื้นที่ อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี นายธีระยุทธ พร้อมกับรถแบ็กโฮ กลับไม่ยอมไปส่งตามจุดหมายที่ได้ตกลงไว้ นายสุรศักดิ์ จึงได้โทรศัพท์ติดต่อไปที่นายธีระยุทธ แต่กลับยังทำท่าทีผิดสัญญา และได้ขับรถมาถึงจังหวัดนครปฐม จึงได้มีการจอดรถคุยกัน จนนายสุรศักดิ์ เริ่มรู้สึกว่าจะถูกเบี้ยวนัด จึงได้ขับรถแซงขึ้นมาแล้วโบกให้รถเทรเลอร์ และรถนายธีระยุทธ จอดข้างทาง
จากนั้นทั้งหมดก็ได้ลงจากรถมาแล้วเกิดการโต้เถียงกัน ลูกน้องของนายธีระยุทธ ที่นั่งรถเทรลเลอร์จึงได้ชักอาวุธปืนออกมายิง นายประโมทย์ 1 นัด แล้วหันกระบอกปืนยิงใส่นายณรงค์ แต่ขัดลำ และมือปืนยังไม่จบ และได้ใช้อาวุธมีดจ้วงแทงไปที่ท้องของนายณรงค์ ทันที โดยนายณรงค์ พยายามจะดึงมีดออกจนบาดมือหลายแห่ง และคิดจะวิ่งหนีโดดการข้ามถนนแต่ก็เกิดล้มลงกับพื้น ทำให้รถยนต์ที่วิ่งมาบนถนนที่เบรกไม่อยู่ และทับศีรษะและขาอีกครั้งหนึ่ง จากนั้นคนที่ก่อเหตุทั้งหมดได้รีบหนีแยกย้ายกันไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะมีการติดตามรถบรรทุกเทรลเลอร์ และรถแบ็กโฮคันเจ้าปัญหาได้ที่จังหวัดเพชรบุรี
ต่อมา พล.ต.ต.กฤษณะ ทรัพย์เดช ผบก.ภ.จว.นครปฐม ได้ลงมาควบคุมคดี และได้สรุปเบื้องต้นว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องของการซื้อขายรถแบ็กโฮ และเกิดการไม่ยอมทำตามสัญญาที่ได้ตกลงกันไว้ จนทำให้เกิดการก่อเหตุสะเทือนขวัญ ซึ่งตอนนี้ได้รถที่มีปัญหา ส่วนคนร้ายที่ก่อทั้งหมดมีพยานหลักฐาน และน่าจะติดตามตัวได้ไม่ยาก โดยจะมีการนำตัวมาสอบสวนทั้งหมดเพื่อประมวลเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างละเอียดอีกครั้ง ซึ่งเตรียมขออนุมัติหมายจับไว้แล้ว
