สุราษฎร์ธานี - สถานการณ์ภัยแล้งในจังหวัดสุราษฎร์ธานีขยายวงกว้าง ล่าสุด ระดับน้ำที่น้ำตกภูริน อำเภอกาญจนดิษฐ์ ที่เป็นแหล่งต้นน้ำคลองสระ ลดระดับลงจนน่าห่วง ในขณะที่ฝ่ายชะลอน้ำเหลือระดับน้ำแค่ 50 เซนติเมตร ส่งผลให้พืชผลการเกษตรของเกษตรกรเริ่มแห้งเฉาตาย จนได้รับผลกระทบเป็นวงกว้าง
นายวิโรจน์ นวลศรีทอง ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ม.5 เปิดเผยว่า แหล่งน้ำบนน้ำตกภูริน ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ บ้านสวนปราง ม.5 ต.คลองสระ อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี พบว่า ระดับน้ำมีปริมาณลดน้อยลงกว่าทุกปี ซึ่งน้ำตกภูรินแห่งนี้เป็นแหล่งต้นน้ำของคลองสระ ที่ไหลลงไปหล่อเลี้ยงประชาชนในพื้นที่กว่า 1,000 ครัวเรือน สาเหตุเนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนจัด และฝนทิ้งช่วงทำให้ระดับน้ำที่ต้นน้ำลดลงกว่าทุกๆ ปี และมีแนวโน้มที่จะเหือดแห้งลงไปอีก
ประกอบกับฝายชะลอน้ำหมู่บ้านหลายแห่งเริ่มแห้งขอดลงเสมอกับตัวฝาย ทำให้น้ำไม่สามารถไหลลงไปยังพื้นที่การเกษตรของเกษตรกรในพื้นที่อย่างทั่วถึง และคาดว่าสถานการณ์ภายใน 1 เดือน ฝนไม่ตกปริมาณน้ำที่เหลือก็แห้งขอดลงไปจะส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง พืชผลทางการเกษตรได้รับผลกระทบหนัก
ด้าน นางประไพ จันทร์หวาน ชาวบ้านวัย 55 ปี บ้านสวนปราง ม.5 ต.คลองสระบ้านสวนปราง ม.5 ต.คลองสระ กล่าวว่า หลังจากราคายางพาราตกต่ำ ตน และครอบครัวได้หันมา ปลูกพืชแซมในสวนยางพารา ที่ประกอบด้วย แตงกวา มะละกอ กล้วย และสับปะรด ตามนโยบายของ พล.อ.ประยูทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แต่ขณะนี้ประสบปัญหาแหล่งน้ำที่มีอยู่แห้งขอด ต้องลงทุนติดตั้งเครื่องสูบน้ำ และต่อน้ำจากลำคลองมาไกลกว่า 600 เมตร บางครั้งต้องใช้เวลา 5-6 ชั่วโมง เพื่อนำน้ำมากักตุนใส่ถังเพื่อไว้รดพืชผัก
อย่างไรก็ตาม นอกจากสถานการณ์น้ำที่ลดปริมาณลงแล้ว ขณะทั้งคนทั้งพืชต้องเจอต่อสภาพอากาศที่ร้อนจัด พืชต้องการน้ำมาก น้ำที่มีอยู่ไม่เพียงพอทำให้พืชผลทางการเกษตรที่ปลูกไว้ เช่น แตงกวา มะละกอ เริ่มเฉา และแห้งตายไปบางส่วน หากฝนไม่ตกคาดว่าพืชผักที่ปลูกไว้คงตายหมด จึงวอนภาครัฐช่วยเหลือเรื่องการจัดหาแหล่งน้ำเพื่อการเกษตรก่อนเป็นอันดับแรก
นายวิโรจน์ นวลศรีทอง ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ม.5 เปิดเผยว่า แหล่งน้ำบนน้ำตกภูริน ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ บ้านสวนปราง ม.5 ต.คลองสระ อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี พบว่า ระดับน้ำมีปริมาณลดน้อยลงกว่าทุกปี ซึ่งน้ำตกภูรินแห่งนี้เป็นแหล่งต้นน้ำของคลองสระ ที่ไหลลงไปหล่อเลี้ยงประชาชนในพื้นที่กว่า 1,000 ครัวเรือน สาเหตุเนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนจัด และฝนทิ้งช่วงทำให้ระดับน้ำที่ต้นน้ำลดลงกว่าทุกๆ ปี และมีแนวโน้มที่จะเหือดแห้งลงไปอีก
ประกอบกับฝายชะลอน้ำหมู่บ้านหลายแห่งเริ่มแห้งขอดลงเสมอกับตัวฝาย ทำให้น้ำไม่สามารถไหลลงไปยังพื้นที่การเกษตรของเกษตรกรในพื้นที่อย่างทั่วถึง และคาดว่าสถานการณ์ภายใน 1 เดือน ฝนไม่ตกปริมาณน้ำที่เหลือก็แห้งขอดลงไปจะส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง พืชผลทางการเกษตรได้รับผลกระทบหนัก
ด้าน นางประไพ จันทร์หวาน ชาวบ้านวัย 55 ปี บ้านสวนปราง ม.5 ต.คลองสระบ้านสวนปราง ม.5 ต.คลองสระ กล่าวว่า หลังจากราคายางพาราตกต่ำ ตน และครอบครัวได้หันมา ปลูกพืชแซมในสวนยางพารา ที่ประกอบด้วย แตงกวา มะละกอ กล้วย และสับปะรด ตามนโยบายของ พล.อ.ประยูทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แต่ขณะนี้ประสบปัญหาแหล่งน้ำที่มีอยู่แห้งขอด ต้องลงทุนติดตั้งเครื่องสูบน้ำ และต่อน้ำจากลำคลองมาไกลกว่า 600 เมตร บางครั้งต้องใช้เวลา 5-6 ชั่วโมง เพื่อนำน้ำมากักตุนใส่ถังเพื่อไว้รดพืชผัก
อย่างไรก็ตาม นอกจากสถานการณ์น้ำที่ลดปริมาณลงแล้ว ขณะทั้งคนทั้งพืชต้องเจอต่อสภาพอากาศที่ร้อนจัด พืชต้องการน้ำมาก น้ำที่มีอยู่ไม่เพียงพอทำให้พืชผลทางการเกษตรที่ปลูกไว้ เช่น แตงกวา มะละกอ เริ่มเฉา และแห้งตายไปบางส่วน หากฝนไม่ตกคาดว่าพืชผักที่ปลูกไว้คงตายหมด จึงวอนภาครัฐช่วยเหลือเรื่องการจัดหาแหล่งน้ำเพื่อการเกษตรก่อนเป็นอันดับแรก
