สุราษฎร์ธานี - สถานการณ์ภัยแล้งในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี เริ่มขยายเป็นวงกว้าง ล่าสุด ฝายคลองส่งน้ำชลประทานท่าทอง น้ำลดน้อย เกษตรกรปลายคลองขาดน้ำใช้มานานกว่า 1 เดือน ต้องปรับเปลี่ยนนำน้ำในบ่อกักเก็บมารดพืชผักสวนครัว ซึ่งคาดว่าไม่เกิน 2 สัปดาห์ ปริมาณน้ำที่มีอยู่จะแห้งขอดวอนภาครัฐเร่งช่วยเหลือด่วน
วันนี้ (16 ม.ค.) จากสถานการณ์ฝนทิ้งช่วงนานกว่า 2 เดือน ส่งผลให้หลายพื้นที่ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ประสบปัญหาแหล่งน้ำแห้งขอด โดยเฉพาะระดับน้ำในฝายคลองชลประทานท่าทอง ตำบลท่าอุแท อ.กาญจนดิษฐ์ ที่ส่งน้ำให้เกษตรกรในพื้นที่อำเภอดอนสัก และเกษตรกรอำเภอกาญจนดิษฐ์ เริ่มลดระดับลงอย่างน่าห่วง
เป็นนายยงยุทธ กุลทอง เกษตรอำเภอกาญจนดิษฐ์ ได้กล่าวว่า สิ่งที่ห่วงมากสุดในขณะนี้ปริมาณน้ำในแหล่งน้ำธรรมชาติมีจำนวนจำกัด ซึ่งได้เร่งประสานงานกับฝ่ายส่งน้ำและบำรุงรักษา (ฝายท่าทอง) โครงการชลประทานสุราษฎร์ธานี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรรับทราบ เพื่อเป็นข้อมูลในการตัดสินใจอย่างไรไม่ให้กระทบในวิกฤตภัยแล้งในส่วนนี้ โดยเฉพาะพื้นที่จุดเสี่ยงตั้งแต่ตำบลคลองสระลงมา และพื้นที่ที่ติดอยู่กับชลประทาน ถึงแม้ว่าจะมีระบบชลประทานแต่ปริมาณน้ำในปีนี้ลดน้อยอย่างเห็นได้ชัด
ปริมาณน้ำที่ทางโครงการชลประทานจ่ายมานั้นขณะนี้ใช้ได้เฉพาะคลองส่งใหญ่ ซึ่งเกษตรกรส่วนน้อยที่ได้รับผลประโยชน์ เกษตรกรส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่คลองส่งน้ำสาขา หรือคลองสาย ปริมาณน้ำที่จ่ายมาระดับสูงไม่ถึงประตูจ่ายน้ำให้คลองสาขา ส่งผลให้ไม่มีน้ำไหลผ่านมานานกว่า 1 เดือนแล้ว และยิ่งพื้นที่ปลายคลองส่งน้ำบางจุดไม่มีน้ำไหลผ่านมานนานนับปี เกษตรกรในพื้นที่ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักมาอย่างต่อเนื่อง
ด้านนางแจ่มศรี ไฟโภชนา อายุ 56 ปี อยู่บ้านเลขที่ 57 ม.1 ต.ท่าอุแท อ.กาญจนดิษฐ์ และนางหนูแดง จันทร์แดง อายุ 65 ปี อยู่บ้านเลขที่ 75/1 ม.1 ต.ท่าอุแท อ.กาญจนดิษฐ์ เกษตรกรชาวสวน ได้ระบุว่า ขณะได้รับความเดือดร้อนจากภัยแล้ง แหล่งน้ำที่มีอยู่นั้นคาดว่าจะใช้ได้อีกประมาณไม่เกิน 1 เดือน พืชผักสวนครัวที่ปลูกไว้อาจจะต้องยืนต้นตายไปทั้งหมดหากไม่มีฝนตกลงมา
วันนี้ (16 ม.ค.) จากสถานการณ์ฝนทิ้งช่วงนานกว่า 2 เดือน ส่งผลให้หลายพื้นที่ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ประสบปัญหาแหล่งน้ำแห้งขอด โดยเฉพาะระดับน้ำในฝายคลองชลประทานท่าทอง ตำบลท่าอุแท อ.กาญจนดิษฐ์ ที่ส่งน้ำให้เกษตรกรในพื้นที่อำเภอดอนสัก และเกษตรกรอำเภอกาญจนดิษฐ์ เริ่มลดระดับลงอย่างน่าห่วง
เป็นนายยงยุทธ กุลทอง เกษตรอำเภอกาญจนดิษฐ์ ได้กล่าวว่า สิ่งที่ห่วงมากสุดในขณะนี้ปริมาณน้ำในแหล่งน้ำธรรมชาติมีจำนวนจำกัด ซึ่งได้เร่งประสานงานกับฝ่ายส่งน้ำและบำรุงรักษา (ฝายท่าทอง) โครงการชลประทานสุราษฎร์ธานี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรรับทราบ เพื่อเป็นข้อมูลในการตัดสินใจอย่างไรไม่ให้กระทบในวิกฤตภัยแล้งในส่วนนี้ โดยเฉพาะพื้นที่จุดเสี่ยงตั้งแต่ตำบลคลองสระลงมา และพื้นที่ที่ติดอยู่กับชลประทาน ถึงแม้ว่าจะมีระบบชลประทานแต่ปริมาณน้ำในปีนี้ลดน้อยอย่างเห็นได้ชัด
ปริมาณน้ำที่ทางโครงการชลประทานจ่ายมานั้นขณะนี้ใช้ได้เฉพาะคลองส่งใหญ่ ซึ่งเกษตรกรส่วนน้อยที่ได้รับผลประโยชน์ เกษตรกรส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่คลองส่งน้ำสาขา หรือคลองสาย ปริมาณน้ำที่จ่ายมาระดับสูงไม่ถึงประตูจ่ายน้ำให้คลองสาขา ส่งผลให้ไม่มีน้ำไหลผ่านมานานกว่า 1 เดือนแล้ว และยิ่งพื้นที่ปลายคลองส่งน้ำบางจุดไม่มีน้ำไหลผ่านมานนานนับปี เกษตรกรในพื้นที่ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักมาอย่างต่อเนื่อง
ด้านนางแจ่มศรี ไฟโภชนา อายุ 56 ปี อยู่บ้านเลขที่ 57 ม.1 ต.ท่าอุแท อ.กาญจนดิษฐ์ และนางหนูแดง จันทร์แดง อายุ 65 ปี อยู่บ้านเลขที่ 75/1 ม.1 ต.ท่าอุแท อ.กาญจนดิษฐ์ เกษตรกรชาวสวน ได้ระบุว่า ขณะได้รับความเดือดร้อนจากภัยแล้ง แหล่งน้ำที่มีอยู่นั้นคาดว่าจะใช้ได้อีกประมาณไม่เกิน 1 เดือน พืชผักสวนครัวที่ปลูกไว้อาจจะต้องยืนต้นตายไปทั้งหมดหากไม่มีฝนตกลงมา
