เรื่อง/ภาพ : บรรจง นะแส
---------------------------------------------------
(ตอนที่ 7)
มาทำความรู้จักกับ “คุณส้มจี๊ด” หนุ่มน้อยไฮโซจากเมืองหลวง
ดังที่เคยเกริ่นไว้ว่า ผมมีเจ๊เลิฟอยู่คนหนึ่งในกรุงเทพฯ ชื่อ “เจ๊ซี” แกรักหมาเป็นชีวิตจิตใจ เจ๊เลี้ยงเฉพาะพันธุ์บางแก้วสายเลือด 100% เท่านั้น
เจ๊ซี แกตามดูยายส้มโอที่ผมนำมาโพสต์ในหน้าเฟซบุ๊กบ่อยๆ เจ๊ส่งคลิปสุนัขพันธุ์บางแก้วมาให้ผมดู ผมตกใจ โอ้โห้! สวยจริงๆ
เจ๊บอกมาว่า พ่อมันชื่อ “เจ้ายักษ์” ดุมากๆ และฉลาด เฝ้าบ้านเก่ง กัดงูเห่าที่เข้ามาในบริเวณบ้านตายไปแล้วเป็นสิบๆ ตัว
ในคลิปจะมีลูกเจ้ายักษ์ และแม่ลูกเดิน หรือวิ่งการเป็นพรวน เจ๊บอกผมมาว่า หมาบางแก้วควรจะผสมกับหมาบางแก้ว “จะได้ไม่เสียหมา”..!!
ผมนึกในใจว่า เมื่อไหร่เจ๊จะเสนอให้ซักตัว 555
และแล้วผมก็ไม่ผิดหวัง เมื่อเจ๊ซีถามว่า “จงสนใจไหม ถ้าสนใจเจ๊จะเอาลงไปให้ที่สงขลา”
ใครจะไม่เอาล่ะ ยิ่งเอามาส่งถึงบ้านอีก อะไรจะโชคดีปานนั้น เพราะบทเรียนตอนเอา “ยายส้มโอ” ขึ้นเครื่องกลับบ้านได้ เล่นเอาหายใจไม่ทั่วท้อง
ผมเลยตอบตกลง ผมเลยบอกเจ๊ไปว่า งั้นขอ 2 ตัวนะเจ๊ (เพราะงกครับ 555) กะจะเอาไปฝากหลานที่ อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา สักตัว เพราะแกเล็งๆ จะมาขโมยยายส้มโอไปหลายหน
ปัญหามีอยู่ว่า ยายส้มโอกำลังโตเต็มสาว แต่ลูกหมาที่เจ๊ซีเสนอให้มาน่าจะมีอายุราวๆ 3 เดือน มันจะทันโตได้แต่งงานกะยายส้มโอไหมนะ ผมคิดในใจ แต่ก็ดีกว่าเอายายส้มโอไปผสมที่อื่นๆ
ตอนนั้นมีเพื่อนทั้งในตัวเมืองหาดใหญ่ และในสงขลา เสนอเจ้าบ่าวให้ยายส้มโอมา 3 คน ผมไปตระเวนดูก็ชอบเจ้าบ่าวทั้ง 3 เจ้า เพราะเป็นบางแก้วพันธุ์แท้ทั้งหมด หุ่นดี รูปทรงได้มาตรฐาน
ปัญหาคือ ต้องเอายายส้มโอไปไว้กับเขา ตรงนี้ทำให้ผมคิดหนัก อีกอย่างผมก็ไม่แน่ใจว่ายายส้มโอจะเต็มใจอยู่ด้วยไหม คล้ายๆ ไปคลุมถุงชน เป็นการละเมิดข่มขืนจิตใจไหม ผมคิดมาก
และก็ได้ข้อสรุปว่า ผมจะไม่ใช้วิธีคลุมถุงชน ถึงแม้ยายส้มโอจะเป็นหมา เขาก็ควรได้รับการเคารพในการเลือกคู่ ผมคิดอย่างนั้น
ระหว่างที่ส้มโอเริ่มเป็นสาว เธอจะมีเพื่อนหนุ่มๆ 2 ตัว คือ “พี่หรีด” และ “หลังอานห้าสิบ” ของเพื่อนบ้านใกล้ๆ กัน เวลาว่างๆ คุณเธอก็มักจะแวะไปสุงสิงกันเสมอๆ
แต่พอเกิดเหตุมีการวางยาเบื่อหมาขึ้นในหมู่บ้าน คือ ในหมู่บ้านจะมีการเลี้ยงหมากันแทบทุกครัวเรือน หมาหลายๆ บ้านก็ดุ บางครั้งก็ออกมาไล่กัดคนไปกรีดยางตอนหัวรุ่งที่ขี่มอเตอร์ไซค์ผ่าน และเริ่มถูกวางยาเบื่อตายไปหลายตัว (เป็นสาเหตุหนึ่งที่ผมต้องคิดล่ามยายส้มโอไว้ในเวลากลางวัน และปล่อยในเวลากลางคืน เพราะกลางคืนเขาจะเฝ้าบ้านไม่ยอมไปไหน)
วันที่มีการวางยาเบื่อที่ทำเอาหมาข้างๆ บ้านตายไปเกือบ 10 ตัว และยายส้มโอก็หายไป ผมไปทำงานตั้งแต่เช้า กลับมาตอนเย็น นมบอกว่าให้ช่วยไปหาศพยายส้มโอที เพราะหาทั้งวันก็ไม่เจอ และส้มโอก็หายไปก่อนที่จะล่ามตั้งแต่เช้า
ผมใจหายวาบ รีบไขประตูเข้าบ้าน แม่เจ้าโว้ยยายส้มโอคุ้ยบ้านเสียกระจุยกระจาย กัดกรอบประตูเป็นลอยแหว่งๆ ไปทั่ว คงพยายามหาทางออกจากในบ้าน
ผมเข้าบ้าน พบยายส้มโอ นอนตาปริบๆ ลิ้นห้อยเพราะหิว โชคดีของยายส้มโอที่คุณเธอเข้ามาในบ้านตอนเช้า แล้วผมปิดประตูไปทำงาน ลืมเชิญเธอออกจากบ้าน เธอเลยถูกขังอยู่ในบ้านทั้งวันตั้งแต่เช้ายันเย็น
แต่ก็ดีกว่าตาย เพราะหากเธอไม่โดนขังไว้ อาจจะโดนยาเบื่อในเช้าวันนั้นก็เป็นไปได้
พอรู้ว่าเจ๊ซีกำลังเดินทางมาสงขลา พร้อมลูกหมาบางแก้ว 3 ตัว ผมอดตื่นเต้นไม่ได้ คอยเช็กตลอดว่าเจ๊เดินทางถึงไหนๆ ปรากฏว่า พอเจ๊ซีออกจากพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี จะเข้าเขต จ.นครศรีธรรมราช ลูกหมาเหลือแค่ 2 ตัว
ผมถามว่าเกิดอะไรขึ้น เจ๊อธิบายว่า แวะเยี่ยมเพื่อนอดีต ส.ส.ที่สุราษฎร์ฯ เธอจิ๊กไปหนึ่งตัว ผมใจหายวาบ คิดในใจนี่กว่าเจ๊แกจะผ่านนครฯ พัทลุง เหลืออีกตั้ง 2 จังหวัด เจ๊ซีแกมีเพื่อนเยอะ ผมคงอดแน่นอน
และก็จริงดังที่ผมคาดไว้ แต่โชคดีเพื่อนเจ๊ที่นครฯ เป็นคนไม่เลี้ยงหมา แต่ก็มาเสร็จเพื่อนเจ๊ที่พัทลุงไปอีก 1 ตัว
พอเจ๊ ซีเข้าเขต จ.สงขลา และเข้าพักที่โรงแรมที่ชายหาดชลาทัศน์ แล้วเจ๊บอกว่าขอเอาลูกหมานอนด้วยอีกซักคืน เพราะสามี และ “น้ำหวาน” ลูกสาวเจ๊รักและหวงมากๆ เลยอยากอยู่ด้วยกันอีกสักคืน
ผมตอบตกลง แต่ขอเดินทางไปดูหน้าหนุ่มน้อยไฮโซหน่อย แล้วเราก็นัดเจอกันที่หน้าโรงแรมหน้าชายหาดชลาทัศน์สงขลา
---------------------------------------------------
(ตอนที่ 8)
รุ่งขึ้นสายๆ “คุณส้มจี๊ด” ก็เดินทางมาถึงบ้านสวนของเราพร้อมเจ๊ซี สามี และน้ำหวานลูกสาวคนสวย
ส้มจี๊ดดูตื่นๆ ในตอนแรก น้ำหวานอุ้มลงจากรถด้วยอาการหวงๆ แต่พอเห็นพวกเราตื่นเต้น ชื่นชมแกมยินดีกับสมาชิกใหม่ รวมทั้งคนทั้งหมาที่รอต้อนรับ ดูนายส้มจี๊ดจะหายกังวลลงได้บ้าง
ส้มจี๊ด มีลักษณะเด่นของหมาบางแก้วทุกอย่าง ยกเว้นเฉพาะหู ซึ่งไม่ชูตั้งเหมือน “ยายส้มโอ” ทำให้ดูไม่ค่อยแมนเท่าไหร่
แต่รูปทรงกล้ามเนื้อขาหน้า ขาหลัง ใช่เลย! ทรงบางแก้ว 100% ปัญหาที่กังวลมากๆ คือ ยายส้มโอจะอิจฉาน้องไหม หรือ “จิ้งหรีด” จะมีท่าทีอย่างไรต่อสมาชิกใหม่
อย่างที่ผมเคยเล่านั่นแหละ เจ๊ซีของผมรักหมาสุดๆ เราแลกเปลี่ยนข้อมูลกันพอสมควร เจ๊มาพร้อมอาหารยี่ห้อเฉพาะของคุณส้มจี๊ด
(ชื่อส้มจี๊ดนี่ เรามานั่งตกลงกันในวันรุ่งขึ้น มีข้อเสนอเดียวคือ ห้ามใช้ชื่อว่า ส้มจุก ส่วนจะเป็นชื่ออะไรได้หมด เหตุผลสำคัญก็เพราะว่า ผมมีหลานสาวเธอชื่อส้มจุกอยู่แล้วคนหนึ่ง เธอเลยคัดค้านชื่อนั้นหัวชนฝา อ้างว่าเวลาใครเรียกชื่อลูกหมา จะทำให้เธอ และลูกหมาสับสนว่า เรียกคน หรือลูกหมากันแน่ 555)
แล้วก็ได้ข้อสรุปว่า งั้นเราตั้งชื่อเธอว่า “ส้มจี๊ด”
เจ๊ซี กลับไปกรุงเทพฯ หลายวันแล้ว แต่ละวันผมต้องรายงานว่านายส้มจี๊ดเป็นอย่างไรบ้าง โชคดีของระบบการสื่อสารในปัจจุบัน เพราะสามารถถ่ายคลิป และส่งรูปทางไลน์ให้กันได้ตลอด
สองสามวันผ่านมาเราก็ได้รับพัสดุจากน้องน้ำหวานลูกสาวเจ๊ซี ซึ่งเธอเรียนอยู่ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แกะออกดูก็เป็นของเล่น อาหาร ขนมชนิดต่างๆ สำหรับคุณส้มจี๊ด
ก็เลยสรุปได้ว่า ทั้งเจ๊ซี และน้องน้ำหวานห่วงใยเจ้าส้มจี๊ดสุดๆ เพราะว่าราวเดือนกว่าๆ ผ่านไป เจ๊แกตีรถจากกรุงเทพฯ ลงมารับลูกหมาที่เอาลงมาคู่กับส้มจี๊ดที่เพื่อนอดีต ส.ส.สุราษฎร์ฯ ขอไว้เลี้ยงนำกลับสู่ กทม.
ผมถามเจ๊ว่าเกิดอะไรขึ้น เจ๊ซีบอกว่า “มันเอาลูกหมาชั้นไปเลี้ยงบนดาดฟ้า ทำให้มันขาดเสรีภาพ ชั้นไม่ชอบเลยขอคืน”
เอากะเจ๊แกสิ..!! ทำเอาผมเสียววาบว่าแกจะมาหิ้วเจ้าส้มจี๊ดของผมกลับไปด้วยไหม
“เธอเลี้ยงดี..มันมีเสรีภาพมากที่อยู่บ้านเธอ ฉันเห็นแล้วทุกคนรักมัน”
ผมถอนหายใจโล่งอก ตั้งแต่นั้นมา ส้มจี๊ดก็เป็นสมาชิกหนึ่งในบ้านสวนของเรา ปัญหาที่เกิดขึ้นก็คือ ยายส้มโอ เริ่มแตกเนื้อสาว และชอบแวะไปหาหนุ่มๆ ข้างบ้านบ่อยขึ้นเรื่อยๆ นายส้มจี๊ดก็โตไม่ทันที่จะเป็นเจ้าบ่าวได้
ผมตัดสินใจฉีดยาคุมให้แก่ยายส้มโอ 3 รอบของการเป็นสัดของเธอ เพื่อรอให้คุณส้มจี๊ดเธอเป็นหนุ่ม
...และแล้ววันนั้นก็มาถึง
(ติดตามอ่านตอนต่อไป)
---------------------------------------------------
อ่านเรื่องเกี่ยวเนื่อง
- เรื่องของ “ยายส้มโอ” มินิซีรีส์ชีวิตสุนัขพันธุ์บางแก้วจาก “เวที คปท.” (ตอนที่ 1) / บรรจง นะแส
- เรื่องของ “ยายส้มโอ” มินิซีรีส์ชีวิตสุนัขพันธ์บางแก้วจาก “เวที คปท.” (ตอนที่ 2) / บรรจง นะแส
- เรื่องของ “ยายส้มโอ” มินิซีรีส์ชีวิตสุนัขพันธ์บางแก้วจาก “เวที คปท.” (ตอนที่ 3 และ 4) / บรรจง นะแส
- เรื่องของ “ยายส้มโอ” มินิซีรีส์ชีวิตสุนัขพันธ์บางแก้วจาก “เวที คปท.” (ตอนที่ 5 และ 6) / บรรจง นะแส