xs
xsm
sm
md
lg

เรื่องของ “ยายส้มโอ” มินิซีรีส์ชีวิตสุนัขพันธ์บางแก้วจาก “เวที คปท.” (ตอนที่ 5 และ 6) / บรรจง นะแส

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

เตี่ยนั่งมองอย่างมีความสุข
 
เรื่อง/ภาพ  :  บรรจง  นะแส
 
---------------------------------------------------
 
 
(ตอนที่ 5)
 
“ยายส้มโอ” ได้กลายเป็นสีสันที่สร้างความเป็นชีวิตชีวาให้แก่ครอบครัวของเราเป็นอย่างมาก
 
ทั้ง “เตี่ย” และ “นม” มีความสุขมากๆ ที่ยายส้มโอเข้ามาเป็นสมาชิกในบ้าน ในอดีตการเลี้ยงหมาที่บ้านของเราที่ผ่านมา อาหารหลักๆ คือ ข้าว และกับข้าว หรือข้าวเย็นคลุกน้ำแกง หรือเศษอาหารวันละ 2 มื้อ
 
นมจะตักบาตรทุกเช้า แรกๆ อาหารของยายส้มโอก็ไม่ต่างจากอดีต คือ ข้าวก้นขันที่เหลือจากใส่บาตร บางที่ก็กินข้าวเปล่าๆ ตอนหลังคุณเธอไม่กิน นมก็ต้องนั่งแกะเนื้อปลาขยำปนกับข้าว เธอถึงยอมกิน
 
การเลี้ยงหมายุคเทคโนโลยีที่ทันสมัย และเห่อหมาบางแก้วที่ใฝ่ฝันอยากได้มานานแสนนาน ทำให้ผมต้องหาความรู้ ก็ค้นข้อมูลไปเรื่อยๆ
 
ปรากฏว่า ถ้าให้สะดวก และเขาจะสมบูรณ์ต้องได้รับสารอาหารที่ครบถ้วน จึงต้องซื้ออาหารหมายี่ห้อนั้น ยี่ห้อนี้มาให้คุณเธอเลือกชิม ถ้าคุณเธอชอบชนิดไหนก็ซื้อเป็นกระสอบ เริ่มจากกระสอบเล็กๆ
 
ตุ๊กตาดีๆ ของลูกสาวที่เคยเล่นตอนเด็กๆ ก็ถูกแอบๆ เอาออกมาให้เธอเล่น ชาติทั้งชาติผมไม่เคยเข้าร้านอาหาร หรือร้านสุขภาพสุนัข ก็ต้องเข้า เพราะในตำราบอกว่า เธอต้องมีกระดูกดัดแปลงไว้แทะเล่น
 
ต้องมีตุ๊กตายางให้เธอกัดเล่น เพื่อฟันเธอจะได้สวยงาม ต้องมีปลอกคอสวยๆ พร้อมกระดิ่งให้รู้ว่า ตอนนี้คุณเธอวิ่งไปอยู่ในส่วนไหนของบ้าน บลาๆๆๆๆๆๆ...ฯ ลฯ
 
ดูวุ่นวาย และเปลืองกะตังค์ไปพอสมควรกะยายส้มโอ แต่เขาก็ทดแทนเราในแง่ของความฉลาด และน่ารัก
 
เดินตามหลังนมต้อยๆ ไปส่งถึงถนนตอนนมไปตักบาตร แล้วนั่งรอ แล้วเดินกลับเข้าบ้านพร้อมๆ กัน พอโตขึ้นหน่อยก็ตามไปตักบาตรด้วยกันในตอนเช้าๆ ตามไปทุกๆ ที่ที่นมไป ไม่ว่าไปปลูกผัก รดน้ำต้นไม้ หรือนอนเล่นที่ขนำตอนเที่ยงๆ เธอก็จะทำหน้าที่เฝ้าตลอดเวลา แค่ไก่เข้ามาใกล้ๆ คุณเธอก็ไล่ตะเปิดตะเปิงไม่ให้เข้ามารบกวน
 
ตอนนั้นเตี่ยผมยังมีชีวิตอยู่ ตอนนี้ท่านจากไปแล้ว ยายส้มโอได้มีส่วนสร้างรอยยิ้มให้กับเตี่ยทุกวัน เพราะความฉลาดและน่ารักของเธอ
 
ข่าวยายส้มโอ รู้ไปถึงเจ๊สุดเลิฟของผมคนหนึ่งใน กทม. เจ๊แกรักหมาบางแก้วมากๆ เพาะแจกเพื่อนฝูงไปทั่วราชอาณาจักร
 
เจ๊แกเป็นคนจ๊นจน คือ แกเลี้ยงหมาจนบ้านคับแคบ แกเลยซื้อที่ขยายพื้นที่หมดเงินไป 3 ล้านกว่าบาท เพื่อให้หมาแกวิ่งเล่น
 
เจ๊แกโทร.มาสั่งสอนผมยิกๆ เรื่องวิธีการเลี้ยงหมาบางแก้ว และบอกว่า
 
“อย่าให้ยายส้มโอ ผสมพันธุ์เรี่ยราด จะเสียหมา เดี๋ยวเจ๊จะจัดการเอาพ่อพันธุ์บางแก้วแท้ลงไปให้เธอเอง”
 
รอพบกับ “นายส้มจี๊ด” หนุ่มไฮโซจากบางกอกในตอนต่อไป 
 
---------------------------------------------------
 
ดูมาดของเธอสิ กินอิ่มแล้วนอนคางเกยถาดใส่ข้าว
 
(ตอนที่ 6) 
 
อยากให้ชื่อตอนนี้ว่า “ทนายนกเขา ผมและยายส้มโอ”
 
ในชีวิตผมมีข้อสรุปกว้างๆ อยู่อย่างหนึ่งคือ ผมพบว่า
 
“คนที่ไม่รักสัตว์ ไม่รักต้นไม้...อย่าคาดหวังว่าเขาจะรักเพื่อนมนุษย์”
 
ที่พูดมานี่เป็นข้อสรุปกว้างๆ เฉพาะตัวนะครับ
 
ผมอธิบายได้เพียงว่า เวลาเราคบใครไปนานๆ ที่พอจะเห็นพฤติกรรมที่ต่อเนื่องในระดับหนึ่ง ถ้าคนคนนั้นรักเมตตาสัตว์ รักต้นไม้ ผมจะรู้สึกวางใจ ไว้ใจ และสบายใจที่จะคบหาสมาคม หรืออยู่ร่วมได้นานๆ ในหลายๆ สถานการณ์
 
มีถามกันมาหลายท่านว่า ผมมาสนิทอะไรนักหนากับ “ทนายนกเขา”
 
เอาเป็นว่าส่วนหนึ่งที่ผมตัดสินใจมาเข้าร่วมชุมนุมกับเวที คปท.ก็เพราะทนายนกเขามีส่วนสำคัญในการตัดสินใจ (ผมมาเข้าร่วมในช่วงกลางๆ ตอนแรกๆ ที่เขาชุมนุมกันอยู่ที่สี่แยกอุรุพงษ์ ผมไม่ได้ขึ้นมา ได้แต่ตามข่าวคราว)
 
พอรับรู้ว่าผู้ชุมนุมเริ่มโดนโรยหมามุ่ยใส่จากบนทางด่วน เจอการลอบยิง ลอบทำร้าย ผมเริ่มหงุดหงิดๆ
 
คือ ผมคิดว่าการชุมนุมเป็นสิทธิทางการเมืองที่สวยงาม และเป็นเครื่องมือของอารยชน และผมก็ยอมรับว่าอะไรที่มันล้ำเส้นไปบ้าง หรือทำผิดกฎหมายในการชุมนุมนั้นๆ รัฐก็มีหน้าที่นำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเท่านั้น ห้ามกัดกัน ห้ามใช้วิธีการที่สกปรก ไม่ว่าฝ่ายไหนๆ
 
ผมยอมรับกฎเกณฑ์นี้ แต่ผมไม่ยอมรับการกีดกั้นเสรีภาพ และการใช้กำลังประทุษร้ายกันและกัน
 
เขาคือผู้พิทักษ์และเพื่อนคนเดียวในตอนกลางวันของคุณย่า หลังจากที่เตี่ยจากไป
 
เมื่อการชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธ อย่างมากก็แค่มีเวทีไฮปาร์ก ด่ากันหนักบ้าง เบาบ้าง แล้วแต่บุคลิกของแต่ละคน
 
การชุมนุมของเกษตรกรผู้ได้รับความทุกข์ การเปิดเสรีภาพให้มีการชุมนุม ผู้ใช้อำนาจรัฐจะต้องให้เขาได้อธิบาย ผมคิดว่านั่นคือสิ่งที่จะต้องได้รับการปกป้อง และคุ้มครอง
 
โอเค! การชุมนุมทางการเมืองอาจจะมีการอธิบายกันในอีกหลายแง่มุม ไม่ว่าการลุกกันขึ้นมาต่อต้านการทุจริต คอร์รัปชัน การขับไล่รัฐบาลที่ประชาชนส่วนที่เข้าร่วมคิดว่าจะไม่ยอมทนอยู่ภายใต้การปกครองด้วยเหตุผลต่างๆ ก็ว่ากันไป แต่รัฐบาลก็ไม่มีสิทธิใช้กลไก หรืออำนาจรัฐมาทำร้าย ทำลายการชุมนุม ถ้าผู้ชุมนุมทำความผิดก็นำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
 
ผมเข้าร่วมการชุมนุมด้วยเสียงตามสายเพียงประโยคสั้นๆ ของคนที่ผมรัก และเชื่อมั่นในตัวเขาว่า “มาช่วยกันหน่อยพี่ อีกอาทิตย์เดียวคงจบแล้วล่ะ” อิบหาย! ปาเข้าไป 3 เดือนกว่า 555
 
ว่างๆ จะเขียนเรื่องนี้สักตอนสองตอน (ยาวๆ) ไว้พิมพ์แจกในงานศพ เพราะนำมาเปิดเผยวันเวลานี้คงไม่เหมาะสมนัก...
 
ซื่อสัตย์ รักและหวงคุณย่าฝุดๆ
 
เรื่องไม่ได้มีอะไรซับซ้อนระหว่างผมกับ “ทนายนกเขา” 
 
กล่าวคือ ช่วงที่พวกผม และพี่น้องที่จะนะ (อ.จะนะ จ.สงขลา) ลุกกันขึ้นมาชุมนุมคัดค้านโครงการโรงแยกก๊าซ และท่อส่งก๊าซไทย-มาเลเซียในปี 2545
 
วันที่ 20 ธันวาคม 2545 ขณะที่เตรียมเดินไปปักหลักในที่เตรียมชุมนุมเพื่อยื่นหนังสือให้ “นายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร” ในขณะนั้น ที่หน้าโรงแรมเจบีหาดใหญ่ (อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา) พวกเราถูกสลายการชุมนุมอย่างรุนแรง มีบาดเจ็บขนาดสูญเสียอวัยวะหลายคน (นิ้วขาด/หัวแตก)
 
พวกผม 12 คนถูกจับใส่รถกรงขังไปขังไว้ที่ค่ายทหาร (ค่ายท่านมุกฯ ที่ อ.สะเดา จ.สงขลา ในคืนแรก และย้ายไปขังในห้องขังทหารในค่ายทหารอีกแห่ง (ค่ายรามคำแหงในตัวเมืองสงขลา) ในวันถัดมา
 
จำได้ว่ามีพรรคพวกเพื่อนฝูงหลายคนได้ลงมาช่วยเหลือในรูปแบบต่างๆ ซึ่งก็รวมถึง “ทนายนกเขา” 
 
ทนายนกเขา กับพรรคพวกของแกไปขอเข้าเยี่ยมพวกผมที่ถูกคุมขังอยู่ในค่ายทหาร โดนทหารที่คุมห้องขังแกมขู่ แกมเบ่งใส่ว่า ห้ามเยี่ยมเด็ดขาด อ้างว่าเป็นคำสั่งเจ้านาย ทนายนกเขาขอพบเจ้านายที่ว่า ทหารที่คุมก็บอกว่าเจ้านายไม่อยู่
 
ทนายนกเขาอ้างกฎหมายอะไรของแก ผมก็ไม่รู้ บอกว่าถ้าเจ้านายไม่อยู่ คนที่คุมอยู่ก็ใหญ่สุด ถ้าไม่ให้เยี่ยมก็เขียนบันทึกเหตุผลมา
 
ข่าวว่าทหารคนนั้นหายไปโทรศัพท์ สักพักก็กลับมาบอกทนายนกเขาว่า “นายอนุญาตให้พวกคุณเข้าเยี่ยมได้ แต่ยกเว้นทนายที่ชื่อ นิติธร ล้ำเหลือ”
 
ผมละขำกลิ้ง! หมายถึงตอนออกมาแล้ว เขาเล่าให้ผมฟัง
 
สรุปงานนั้นทีมงานทนายนกเขาเข้าไปเยี่ยมพวกผมได้ แต่ทนายนกเขาต้องยืนอัดบุหรี่อยู่ที่นอกรั้วค่ายทหาร 555
 
เวลานมนอนพักที่ขนำหน้าบ้าน เธอจะนั่งหรือนอนเฝ้าไม่ยอมห่างสายตา
 
หลังจากนั้นเราก็สนิทกันมากขึ้น ผมก็ทราบข่าวจากเพื่อนฝูงว่า ทนายนกเขาเป็นคนจริงคนหนึ่ง จบนิติศาสตร์ ได้ตั๋วทนายก็ออกไปช่วยชาวบ้านในชนบทอยู่หลายปี ตั้งศูนย์ช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย ว่าความให้คนจนๆ ทำนองนั้น
 
เวลาผมไปกรุงเทพฯ ก็มักแวะเวียนไปเยี่ยมเยียนในบางครั้ง ผมก็เห็นพฤติกรรมของแก เช่น เที่ยวเดินใส่บาตรตอนเช้าๆ หาข้าวให้หมาแมวจรจัดกินตามใต้ถุนตึก ก่อนนอนเล่น ไหว้พระสวดมนต์อีกเป็นชั่วโมงๆ เหล้า และเบียร์ไม่แตะ
 
ผมคิดในใจว่า ไอ้หมอนี่คบได้ว่ะ! อย่างน้อยๆ มันรักหมา รักแมว 555
 
หลังจากนั้น พอมีลูกหลานที่เรียนนิติศาสตร์ หาที่ฝึกงานไม่ได้ก็รบกวนสำนักงานของเขาเป็นที่ฝึกงานของลูกหลาน พอทนายนกเขาเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการชุมนุมเต็มตัว และเริ่มมีการใช้ความรุนแรงต่อผู้ชุมนุมมากขึ้นๆ
 
“จิ๊กโก๋บ้านนอก” อย่างเรารึจะทนได้...?!?!
 
นอกเรื่องซะยาวเลย กลับมาเรื่อง “ยายส้มโอ” กันดีกว่า
 
มีคำถามเข้ามาหลายคนว่า “ทนายนกเขา” เขาสอนอะไร “ยายส้มโอ” บ้าง…???
 
ก็คงไม่ถึงกับขนาดสอนวิชากฎหมายที่ทนายถนัดหรอกครับ 555
 
ในที่หลังเวทีที่ชุมนุมของ คปท.จริงๆ แล้วไม่ได้มีแต่ยายส้มโอ มีแม่แมว ลูกแมวอีกจำนวนหนึ่ง แต่ยายส้มโอ เป็นลูกหมาที่น่ารัก ฉลาด และซน ทนายนกเขามักนั่งคุยกะยายส้มโอทีละนานๆ
 
ผมนึกในใจว่า ไอ้หมอนี่ท่าจะเพี้ยน 555
 
แต่ก็มองเห็นแววตาของความเมตตาที่เขามีต่อหมาแมว เขาชอบเอากระดาษมาม้วนกลมๆ แล้วตีลงที่พื้นเวลาบอกให้ยายส้มโอให้นั่ง หรือเวลายายส้มโอไปกัดเสื้อผ้า หรือปีนขึ้นบนที่นอน ยายส้มโอ มีท่าทีตกใจ และรีบหมอบลงกับพื้นทุกที เมื่อโดนทนายนกเขาดุด้วยเสียง และตีม้วนกระดาษลงที่พื้นใกล้ๆ ตัว
 
เขาทำอย่างนั้นซ้ำแล้วซ้ำอีก จนยายส้มโอรู้ว่า ทำอะไรได้ และอะไรทำไม่ได้ในที่นั่น
 
นี่คือความใจเย็นของทนายนกเขาที่ผมเห็น และความฉลาดของยายส้มโอที่เรียนรู้ไวว่า อะไรที่แกทำได้ อะไรที่ทำแล้วจะโดนดุก็จะไม่ทำอีก
 
ยายส้มโอ หายไปจากหลังเวทีบ่อยเหมือนกัน ถ้าวันไหน “พี่เบ้” เอายายส้มโอออกไป คืนนั้นเราจะรู้กันว่ามีงานเข้าอีกแน่ๆ ไม่ระเบิดปิงปอง ก็โดนยิงปืนใส่ในที่ชุมนุม ซึ่งก็ต้องหาที่กำบัง หรือมุดใต้โต๊ะกันหัวซุกหัวซุน
 
และก็จริงเกือบทุกครั้งเวลายายส้มโอหายไปในยามเย็นของวันนั้นๆ ตกดึกๆ งานเข้าทุกที แสดงว่างานข่าวของฝ่ายผู้ชุมนุมก็ไม่หมู 555 
 
เมื่อพี่เบ้เอายายส้มโอกลับมา ทุกคนก็สนุกสนานกับยายส้มโออีก
 
ผมเลียบๆ เคียงๆ กับทนายนกเขาหลายหนว่า เสร็จงานชุมนุมแล้ว ผมขอยายส้มโอนะ
 
เพราะผมเคยขอ “น้องชมัย” ไว้ แต่โดน “ผู้พันจ๊อด” เอาไปซะก่อนตอนย้ายเวทีจากสะพานชมัยฯ ไปทำเนียบ
 
แต่การชุมนุมไม่ทันเลิก ผมก็ได้ยายส้มโอกลับบ้านสมใจ..!!
 
เพราะแต่ละคนลงความเห็นว่า หากมีการสลายการชุมนุม ยายส้มโอจะเป็นอันตราย และหากฉุกเฉินยายส้มโอก็จะเป็นภาระ
 
“ยายส้มโอ” เลยถูกลงมติให้ผมพาลี้ภัยลงปักษ์ใต้...เสร็จโจร..!!!!
 
(ติดตามอ่านตอนต่อไป)
 
เธอไม่ได้ดุ...แต่คนกลัวทั้งหมู่บ้าน
 
---------------------------------------------------
 
อ่านเรื่องเกี่ยวเนื่อง 
 
- เรื่องของ “ยายส้มโอ” มินิซีรีส์ชีวิตสุนัขพันธุ์บางแก้วจาก “เวที คปท.” (ตอนที่ 1) / บรรจง นะแส
 
- เรื่องของ “ยายส้มโอ” มินิซีรีส์ชีวิตสุนัขพันธ์บางแก้วจาก “เวที คปท.” (ตอนที่ 2) / บรรจง นะแส
 
- เรื่องของ “ยายส้มโอ” มินิซีรีส์ชีวิตสุนัขพันธ์บางแก้วจาก “เวที คปท.” (ตอนที่ 3 และ 4) / บรรจง นะแส
 
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น