xs
xsm
sm
md
lg

เรื่องของ “ยายส้มโอ” มินิซีรีส์ชีวิตสุนัขพันธ์บางแก้วจาก “เวที คปท.” (ตอนที่ 3 และ 4) / บรรจง นะแส

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ปีกว่าๆ เธอเริ่มเป็นสาว ปราดเปรียว และเริ่มออกจากบ้านไปหาหนุ่มๆ บ้านใกล้ๆ ในบางครั้ง
 
เรื่อง/ภาพ  :  บรรจง  นะแส
---------------------------------------------------
 
 

          (ตอนที่ 3)
 
กลัวมิตรรักแฟนเพลง “ยายส้มโอ” จะอารมณ์ค้าง นอนไม่หลับ 555
 
ชั่วโมงกว่าๆ ยายส้มโอก็ถึงแผ่นดินปักษ์ใต้ มีผู้ใหญ่และ “เจ้าโจ” ไปรอรับที่สนามบิน
 
“โจ” เป็นหนุ่มอีสานที่มีอาชีพเป็นลูกเรือในประมงเรือนอกน่านน้ำ ออกทะเลตั้งแต่อายุ 16 ปี ใช้ชีวิตในทะเลมาหลายสิบปี เติบโตในทะเลมากกว่าบนบก เร่รอนไปเรื่อย ถูกจับขังคุกในเขมรและเวียดนามหลายครั้ง
 
ตอนหลังโจถูกกลุ่มประมงใช้แรงงานทาส ไม่มีโอกาสได้ขึ้นฝั่งเป็นปีๆ โจตัดสินใจกระโดดน้ำลงทะเลเพื่อเสรีภาพ ด้วยแกลลอนเพียงใบเดียว ลอยคอในทะเล 7 วัน และรอดมาได้ในขณะที่เพื่อนๆ ของโจไม่มีโอกาสรอด
 
ย่างไปทางไหนก็คอยดูตลอดเวลา
 
(ดังนั้นเรื่องแรงงานทาสในประเทศไทยมีจริง ผมมีตัวอย่างเป็นสิบๆ รายที่สามารถบอกชื่อเรือได้ว่า จังหวัดไหนมีเรือไหนบ้าง ทั้งปากน้ำประแสร์ สมุทรสงคราม สงขลา หรือ ปัตตานี เพราะฉะนั้นเรืออวนลาก / เรือพาณิชย์กลุ่มใหญ่ๆ อย่ามาทำเอิด (ภาษาใต้แปลว่า อวดดี) ผมรู้จักพวกท่านดีเกินที่ท่านจะคาดคิด แม้ไม่มีหลักฐานอื่นๆ นอกจากคนจนๆ ที่ผมทำงานด้วยกับพวกเขามา 30 กว่าปี ถ้าท้าทายมาก็จะบอกสังคมให้รู้กันว่า มีเสี่ยไหนบ้าง)
 
อ้าว...นอกเรื่องจนได้ 555
 
“ยายส้มโอ” ลงเครื่องมุ่งสู่ตัวเมืองสงขลา ผมแปลกใจมากๆ พอถึงบ้านปล่อยจากกรง เธอร่าเริงกระโดดโลดเต้น
 
ที่บ้านมี “พี่จิ้งหรีด” กับ “พี่หมุน”
 

 
สำหรับพี่หมุนเป็นสุนัขพิการและชรามาก แต่พี่จิ้งหรีดเป็นหมาหนุ่มฉกรรจ์ที่เก็บมาเลี้ยงตั้งแต่เล็กๆ
 
จิ้งหรีดเป็นลูกหมาจรจัด แม่โดนยาเบื่อ มีนิสัยชอบไล่กัดไก่ที่บ้าน แต่หลังจากโดนตีสองสามครั้ง พี่จิ้งหรีดก็ไม่ทำอีกเลย
 
พี่หรีดเป็นหมาใจดีใจเย็น...พอยายส้มโอออกจากกรงก็วิ่งขี่คอพี่หรีดทันที พี่หรีดก็ยอมแต่โดยดี แต่เจ้าหมุนตะเพิดซะยายส้มโอหางหด
 
พี่หรีดเลยกลายเป็นพี่เลี้ยงของยายส้มโอตั้งแต่นั้นมา ตอนที่ 4 จะเปิดตัวพี่หรีดและพี่หมุนที่ใช้ชีวิตกับยายส้มโอนะครับ (ถ้าว่างนะ)
 
“เจ้าหมุน” หมาชราพิการฮึ่มๆ ใส่และกัดเอาครั้งสองครั้ง เจ้าหล่อนก็ไม่ตอแยอีกเลย
 
          (ตอนที่ 4) 
 
ปกติในชีวิตผมตั้งแต่จำความได้ ครอบครัวของเราไม่เคยขาด “หมาประจำบ้าน” หมาเป็นเสมือนส่วนประกอบหนึ่งของครอบครัวของเรา แต่ส่วนใหญ่เราเลี้ยง “หมาบ้าน” 
 
ครั้งหนึ่งเมื่อกว่า 10 ปีที่แล้ว เราเคยมีหมาหลังอานเลือด 50% มาเลี้ยงตัวหนึ่ง ฉลาดเป็นกรด และต้องจ่ายเงินค่ารักษาให้กับเพื่อนบ้านไปหลายหน แต่ทุกๆ ครั้งที่ไปกัดเขา ล้วนกัดในบริเวณบ้านของเรา
 
สังคมบ้านเราเป็นสังคมบ้านนอกเลี้ยงหมาไว้เฝ้าบ้านและทรัพย์สิน ในขณะเดียวกันวิถีชนบทก็มีการไปมาหาสู่ และการเข้ามาหยิบยืมสิ่งของหรือพืชผักริมรั้ว ไม่ว่าต้นขี้เหล็กที่ปลูกไว้ ตะไคร้ หรือมีดพร้า จอบเสียม ฯลฯ วิถีชุมชนการแบ่งปันหยิบยืมกันใช้ถือเป็นเรื่องปกติ
 
“เจ้าหลังอาน” จึงเป็นหมาที่ผมพอใจ และชอบมากที่สุดตัวหนึ่ง
 
เมื่อกลายมาเป็น “หมาบ้าน” เธอก็อ้วนเอาๆ
 
เขาจะเฝ้าบ้านแบบมืออาชีพ จะจำคนที่มาหาเราเป็นปกติได้ทุกๆ คน และจะไม่มีปฏิกิริยาให้น่าเกรงกลัวใดๆ นอนสงบนิ่ง ไม่รู้ไม่ชี้
 
แต่เมื่อเราปล่อยเขาไว้ที่บ้านตัวเดียว และไม่มีใครอยู่บ้าน จะไม่มีใครรู้เลยว่าที่บ้านเรามีหมาเฝ้าบ้าน จะรู้ก็ต่อเมื่อคนๆ นั้นเข้ามาหยิบของใช้หรือเก็บพืชผักที่บ้านโดยที่ไม่มีเรา และเขาคนนั้นก็มักจะได้บาดแผลกลับไปเกือบทุกราย จนเป็นที่เล่าลือและเกรงขามกันไปทั้งหมู่บ้าน
 
หลังจาก “เจ้าหลังอาน” จากไป “เจ้าหมุน” ก็เข้ามาแทนที่ 
 
“เจ้าหมุน” เป็นหมาพิการ โดนรถทับขาหลังขวาลีบเดินกะเพรกๆ เขามาขออาศัยและเราก็เลี้ยงดู เจ้าหมุนทำหน้าที่เฝ้าบ้านได้ดีพอสมควร แต่เขาเริ่มชรา
 
วันที่ “ยายส้มโอ” เดินทางออกจากเวทีชุมนุมกลางเมืองหลวงเพื่อไปใช้ชีวิตที่บ้านนอก
 
ที่สวนมักมีหมามาคลอดลูกตามขนำ แม่ของเขาหากินทั่วๆ ไป ถือเป็นหมาจรจัด ในหมู่บ้านมีฟาร์มเลี้ยงไก่หลายฟาร์ม หมาจรจัดจึงมักไปแอบไล่ฆ่าไก่ของชาวบ้านมากิน วิธีการกำจัดคือ การไล่ยิง หรือไม่ก็วางยาเบื่อ
 
“จิ้งหรีด” คือลูกหมาจรจัดที่แม่โดนยาเบื่อ และเพิ่งจะหย่านม จึงเลี้ยงไม่ยากนัก 
 
เราเอาจิ้งหรีดกลับมาเลี้ยงที่บ้านในขณะที่ยังเล็กๆ สัญชาตญาณของหมาเถื่อนคงติดจิ้งหรีดมาพอสมควร พอเป็นหนุ่มขึ้นไล่จับลูกไก่กัดตายไปหลายตัว ทั้งจับมากินและกัดให้ตายนอนเกลื่อน
 
จำได้ว่าผมใช้ไม้กวาดหวดจิ้งหรีดขณะคาบกินไก่แรงสุดฤทธิ์หลายครั้งด้วยความโกรธ และวันหนึ่งจิ้งหรีดก็เลิกไล่จับไก่ ไม่ว่าต่อหน้าหรือลับหลัง
 
แต่นั้นมาจิ้งหรีดกลายเป็น “หมารับแขก” มากกว่า “หมาเฝ้าบ้าน”
 
เวลางานเข้า “ทนายมิ้น” ก็รับภาระ (แย่ง) ยายส้มโอไปอุ้ม ทุกคนพอว่างๆ ต่างอยากอุ้มยายส้มโอ แต่เธอไม่ค่อยชอบให้อุ้มมากนัก ชอบวิ่งเล่นมากกว่า
 
ในหมู่บ้านไม่มีใครเกรงใจเจ้าจิ้งหรีดซักคน ผู้คนในหมู่บ้านยังเกรงใจหมาชราพิการอย่างเจ้าหมุนมากกว่าซะอีก
 
การเป็นหมาใจดี ใจเย็นของจิ้งหรีด ทำให้เป็นโชคของ “ยายส้มโอ” 
 
พอปล่อยจากกรงลงพื้น เจ้าส้มโอทำท่าแหย่ๆ นิดหน่อย พอเห็นจิ้งหรีดไม่ทำอะไร เธอก็ปีนขึ้นคอทันที แทนที่จิ้งหรีดจะรำคาญ กลับมีความสุขและเล่นด้วย
 
เมื่อเห็นว่ายายส้มโอปีนกัดคอ ปีนหลังไม่ถึง กระโดดแล้วล่วงหงายท้องตุบๆ จิ้งหรีดก็ล้มตัวลงนอนแผ่หลาให้ยายส้มโอปีนป่าย กัดหู กัดคอ เป็นที่รื่นเริงบันเทิงใจของหล่อน
 
แต่ยายส้มโอก็ฉลาดเป็นกรด เธอเข้าไปแหย่ ชวนเล่นกับเจ้าหมุนหมาชราพิการ โดนเจ้าหมุนฮึ่มๆ ใส่ และกัดเอาครั้งสองครั้ง เจ้าหล่อนก็ไม่ตอแยกับเจ้าหมุนอีกเลย
 
หมารู้เรื่องด้วยเหรอวะ แต่ดูเหมือนยายส้มโอเข้าใจ
 
--------------------------------------------------- 
 
อ่านเรื่องเกี่ยวเนื่อง
 
- เรื่องของ “ยายส้มโอ” มินิซีรีส์ชีวิตสุนัขพันธุ์บางแก้วจาก “เวที คปท.” (ตอนที่ 1) / บรรจง นะแส
 
- เรื่องของ “ยายส้มโอ” มินิซีรีส์ชีวิตสุนัขพันธ์บางแก้วจาก “เวที คปท.” (ตอนที่ 2) / บรรจง นะแส
 
ยายส้มโอยามถูกทนายนกเขาดุมากๆ จะทำตาระห้อย น่าสงสารอย่างนี้เสมอๆ ลีลาของเจ้าหล่อนเขาล่ะ เพราะหลังจากนั้นคุณเธอก็จะเปลี่ยนบุคลิกเป็นระริกระรี่ดั่งเดิม
 
 


กำลังโหลดความคิดเห็น