MGR Online - “พะจุณณ์” ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา กรณีแชทซื้อขายตำแหน่ง สตช. สวนกลับ ตร.แจ้งข้อหาไม่เป็นธรรม ระบุ “พล.อ.เปรม” กำชับเป็นห่วงทุจริตมาตลอด ลั่นลุยเดินหน้าปฏิรูปโครงสร้าง ตร.ต่อ เมินคุย “จักรทิพย์” แค่เด็ก
พล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป พร้อมทนายความ แถลงข่าวหลังเข้าพบพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับเทคโนโลยีเพื่อรับทราบข้อกล่าวหา
โพสต์โดย MGROnline Live บน 9 มีนาคม 2016
วันนี้ (10 มี.ค.) เวลา 10.00 น. บริเวณด้านหน้า อาคารรัฐประศาสนภักดี (อาคารบี) ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา พล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) และอดีตหัวหน้าสำนักงานมูลนิธิรัฐบุรุษ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ พร้อมด้วยนายนิติธร ล้ำเหลือ ทนายความและอดีตแกนนำ เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) นายอุดม เฟื่องฟุ้ง อดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และอดีตรองประธานศาลฎีกา เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน บก.ปอท. เพื่อชี้แจงความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ กรณีมีข้อความสนทนาผ่านแอปพลิเคชันไลน์ กล่าวหาว่ามีทหารยศพลเอกซื้อขายตำแหน่งในการแต่งตั้งตำรวจ โดยมีประชาชนเดินทางมาชูป้ายและให้ดอกไม้เป็นกำลังใจจำนวนมาก
พล.ร.อ.พะจุณณ์เปิดเผยก่อนเข้าพบพนักงานสอบสวนว่า วันนี้เตรียมตัวมาเพื่อชี้แจงกรณีดังกล่าวแต่ยังไม่ได้เข้าพบพนักงานสอบสวนว่าจะดำเนินการอย่างไร รวมทั้งได้มีการพูดคุยกับ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ กับเรื่องที่เกิดขึ้นซึ่งจริงแล้วมันผิดมารยาทเพราะตนอยู่กับท่านมา 30 กว่าปี ไม่ค่อยเอาเรื่องของท่านออกมาพูด แต่ว่าคราวนี้มีข่าวออกมามากมาย มองดูเหมือนว่า พล.อ.เปรมไม่ได้ใส่ใจลูกน้องเก่า ดังนั้น ตนจึงขอเรียนว่าท่านพูดกับตนและนายทหารชั้นผู้ใหญ่หลายท่าน มีทั้งผู้ใหญ่ที่เคยเป็นผู้บังคับบัญชาของตนด้วย
“ส่วนที่ท่านพูดกับผมโดยตรงเลย เมื่อวันศุกร์ที่ 4 มี.ค.ที่ผ่านมา ท่านถามผมว่าเรื่องของพะจุณณ์จะเอายังไงต่อไป ผมจึงเรียนไปตามขั้นตอนว่าผมจะทำอะไรและบอกเลขาฯ ท่านว่าไม่ต้องเป็นห่วง ผมรับได้และบอกท่านไปว่า ป๋าอายุ 96 ปีแล้วพักผ่อนได้แล้วครับ เรื่องทุจริตคอร์รัปชันที่ป๋าต้องทำงานหนักมาก่อนนี้ คนรุ่นผมจะจัดการเอง ป๋าบอกกลับมาว่าขอบใจมากลูก สุดท้ายบอกกับผมอีกว่าขอให้พระจุณณ์โชคดี”
พล.ร.อ.พะจุณณ์กล่าวอีกว่า วันนี้มีเซอร์ไพรส์คือตนเดินทางมาเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจพูดกันอยู่เรื่อยเลยว่าจะมาหรือไม่มา แต่ในที่สุดก็มา รวมทั้ง พล.อ.เปรมมั่นใจในตนและมั่นใจในตัวข้อความเลยไม่เป็นห่วง ตนเห็นว่าประชาชนกดดันอยู่ตลอดเวลา ในช่วงที่ตนทำเรื่องปฏิรูปตำรวจ มีประชาชนมาหาตนจำนวนมาก แม้ตำรวจที่อยู่ฝ่ายสืบสวนก็มาหาเยอะมาก มีส่งจดหมายมาให้ปฏิรูปซึ่งบอกว่าตนเป็นทหารคนเดียวที่สนใจเรื่องการปฏิรูปตำรวจ และตนต้องการปฏิรูปองค์กรตำรวจให้เป็นที่รักของประชาชน และอยู่อย่างมีเกียรติ ฉะนั้นคิดว่าตำรวจดีๆ อยากให้ตนทำสำเร็จ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ามีการพูดคุยกับ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.หรือยัง ด้าน พล.ร.อ.พะจุณณ์กล่าวว่า ตนไม่คุยเพราะว่ายังเด็กเกินไป
เมื่อผู้สื่อข่าวถามอีกว่าวันนี้มวลชนมาให้กำลังใจเป็นกลุ่ม กปปส. เดิมจะเป็นสัญลักษณ์บ่งบอกอะไรหรือไม่ พล.ร.อ.พะจุณณ์ กล่าวว่า ไม่เป็นเพราะกลุ่มนี้มี นายนิติธร ล้ำเหลือ หรือ อ.นกเขา และเขามีปรัชญาในการต่อสู้เพื่อต้องการปฏิรูปประเทศ เพราะฉะนั้นการปฏิรูปทุกอย่างมันสอดคล้องกับการปฏิรูปของกลุ่มเขา และตนอยู่กับกลุ่มนี้มาโดยตลอด เป็นเพื่อนพี่น้องกัน การเดินทางมาของมวลชนในวันนี้เพื่อกดดันให้ปฏิรูปองค์กรตำรวจ
ผู้สื่อข่าวถามว่ายืนยันจะเดินหน้าปฏิรูปองค์กรตำรวจให้สำเร็จ พล.ร.อ.พะจุณณ์ กล่าวว่า จริงแล้วตนหมดหน้าที่ต่อไปเป็นหน้าที่ของประชาชนเนื่องจากว่าคณะทำงานตนโดนยุบไปแล้ว หลังจากนี้จะมี พ.ต.อ.วิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร คณะทำงานปฏิรูปตำรวจ เป็นคนทำเรื่องนี้ต่อไป
ด้านนายอุดมเปิดเผยว่า รับหน้าที่เป็นทนายความให้ พล.ร.อ.พะจุณณ์ ก็เพราะตนเป็นต้นเหตุของปัญหา เนื่องจากตนเป็นคนเชิญให้ พล.ร.อ.พะจุณณ์ เป็นประธานคณะอนุกรรมาธิการด้านการปฏิรูปตำรวจของ สปช. เพราะเห็นว่าท่านมีศักยภาพ มีความเสียสละ และพร้อมที่จะรับต่อแรงเสียดทาน การปฏิรูปตำรวจเป็นเรื่องใหญ่ ซึ่งท่านก็ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ
“ปัญหาที่ท่านพะจุณณ์ประสบอยู่ในขณะนี้เป็นผลมาจากแรงเสียดทานตั้งแต่ครั้งที่เป็นประธานอนุฯ ชุดปฏิรูปตำรวจของ สปช.ที่ผมได้เชิญเข้ามารับหน้าที่ โดยเฉพาะปัญหาใหญ่เรื่องหนึ่งคือการปฏิรูปเรื่องอำนาจของพนักงานสอบสวน ซึ่งมติที่ประชุมออกมาว่าควรแยกออกมาเป็นอิสระ ส่งผลให้กรรมการที่เป็นตำรวจได้ลาออกทั้งหมด เหลืออยู่เพียงกรรมการที่เป็นตำรวจซึ่งเป็นสมาชิก สปช.ด้วย แม้ไม่ลาออกแต่ก็ไม่เข้าร่วมประชุมอีกเลย ในเวลาต่อมา แม้ว่างานในส่วนของ สปช.จะจบไปแล้ว แต่ท่านพะจุณณ์ก็ยังทำหน้าที่ติดตามในประเด็นดังกล่างอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การปฏิรูปตำรวจประสบความสำเร็จ”
นายอุดมกล่าวต่อว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นแก่ พล.ร.อ.พะจุณณ์ ที่นับว่าเป็นบุคคลซึ่งมีความสามารถที่จะรองรับต่อแรงเสียดทานยังได้รับการข่มขู่มากขนาดนี้ ทำให้คิดไปถึงประชาชนทั่วไปว่าหากเกิดปัญหาใดขึ้นกับตำรวจแล้วจะถูกข่มขู่มากขนาดใด เท่าที่ตนรับทราบขณะนี้ยังไม่มีหนังสือใดๆ จากตำรวจมาถึง พล.ร.อ.พะจุณณ์ และเมื่อตนได้เห็นหนังสือแล้วก็ต้องพิจารณาว่าเชิญไปพบในฐานะใด และได้แนะนำให้ท่านงดการให้สัมภาษณ์เพื่อจะได้รวบรวมข้อมูลไว้ใช้ในเวลาต่อ
ต่อมาเวลา 11.00 น. พล.ร.อ.พะจุณณ์ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวหลังให้ทนายความเข้าชี้แจงต่อพนักงานสอบสวนเสร็จสิ้นว่า วันนี้มีหมายเรียกให้ตนเดินทางมาพบพนักงานสอบสวนที่ บก.ปอท. และได้เตรียมการทุกอย่างเรียบร้อย ตามทุกขั้นตอนที่ต้องปฏิบัติ และตามสิทธิของตนขอใช้สิทธิให้ฝ่ายกฎหมายยื่นหนังสือกับ พนักงานสอบสวน ได้แก่ 1. ให้ทบทวนใหม่ในข้อกล่าวหาที่มีมาถึงตน 2. เนื่องจากว่าตนได้ทำหนังสือถึงผู้ตรวจการแผ่นดินและแจ้งให้พนักงานสอบสวนทราบว่าขอให้รอคำวินิจฉัยของผู้ตรวจการแผ่นดินเสียก่อน ซึ่งพนักงานสอบสวนจะกลับไปพิจารณาตามที่ตนขอไป ในเรื่องการตั้งข้อกล่าวหาตน ฉะนั้น ตนจึงไม่มีความจำเป็นต้องเข้าพบตามขั้นตอนเรื่องของการมอบตัว
“ผมเตรียมการหมดแล้ว ตั้งแต่การทำหนังสือ และการตอบคำถามข้อกล่าวหาทั้งหมด อีกทั้งเตรียมเรื่องประกันตัวทุกอย่างหมดแล้ว เมื่อพนักงานสอบสวนมีข้อตกลงใจว่าขอไปทบทวนข้อกล่าวหาตนใหม่ รอคำวินิจฉัยของผู้ตรวจการแผ่นดิน ทำให้กรณีดังกล่าวต้องรอไปก่อน” พล.ร.อ.พะจุณณ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าคิดอย่างไรเมื่อมีคนมองว่าเป็นความขัดแย้งระหว่าง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ กับ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ด้าน พล.ร.อ.พะจุณณ์กล่าวว่า มันจบไปแล้ว ตนเองไม่มีอะไรกับ พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.ประวิตรก็ไม่มีอะไรกับตน อย่าไปขยายต่อเพราะมันไม่มีอะไร
ผู้สื่อข่าวถามว่าเรื่องการวินิจฉัยของผู้ตรวจการแผ่นดิน คาดว่าจะใช้เวลานานเท่าไหร่ นายนิติธรกล่าวว่า ประมาณวันจันทร์ที่ 14 มี.ค.นี้จะมีเอกสารให้ผู้ตรวจการแผ่นดินพร้อมกับสอบถามเพิ่มเติม ส่วนของตำรวจก็เช่นเดียวกันเราจะสอบถามเป็นระยะว่าจะใช้พิจารณากี่วัน วันนี้อยู่ในขั้นตอนรับเรื่องเอาไว้ก่อนเสนอเรื่องให้ผู้บังคับบัญชาต่อไป โดยยังไม่ได้กำหนดวันเวลาเพราะทุกอย่างต้องเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย วันนี้มาก็พร้อมสู้และเข้าสู่กระบวนการเต็มที่หากไม่รับเอกสารฉบับนี้แต่ทั้งนี้พนักงานสอบสวนรับไว้พิจารณาก็ยังไม่ต้องเข้าพบ ส่วนเรื่องวันก็บอกไว้ 2 แนวทาง คือ 1. ให้พนักงานสอบสวนประสานมาแล้วตกลงเรื่องวันเวลาว่างตรงกัน 2. ออกหมายเรียกให้มาพบเจ้าหน้าที่
ผู้สื่อข่าวถามว่าทางตำรวจยืนยันมีพยานหลักฐานชัดเจน พล.ร.อ.พะจุณณ์ส่งข้อความอันนี้จึงต้องมีการแจ้งความ นายนิติธรกล่าวต่อว่า ประเด็นของข้อความในขณะนี้ยังไม่แน่ชัดว่าข้อความเป็นแบบไหน แต่ว่าที่ตนได้พูดคุยกับพนักงานสอบสวนทราบบางประการ คำว่านายพล ไม่มีคำว่าซื้อขายตำแหน่ง ไม่มีคำว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดังนั้นไม่ทราบว่าข้อความดังกล่าวเป็นข้อความแบบไหน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ข้อกล่าวหาที่ตำรวจแจ้งมาจะยอมรับข้อกล่าวหานี้หรือไม่ นายนิติธรกล่าวปิดท้ายว่า เบื้องต้นการฉีกเอกสารโต้แย้งคัดค้านขอให้ทบทวนแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนเราปฏิเสธไม่ยอมรับข้อกล่าวหา อีกทั้ง ข้อกล่าวหาไม่เป็นธรรม วันนี้จึงมายื่นหนังสือขอให้ทบทวน ขอให้รอการวินิจฉัยของผู้ตรวจการแผ่นดิน ซึ่งในท้ายหนังสือเรายังบอกว่าหากยังยืนยันเหมือนเดิมก็ให้ประสานมาหรือจะออกหมายเรียกอีกครั้งก็ได้ และเราจะมาพบพนักงานสอบสวน แต่ในขณะเดียวกันวันนี้ได้ยื่นหนังสือทบทวนและพนักงานสอบสวนไม่ยอมรับไว้พิจารณา เราก็จะเข้าพบพนักงานสอบสวนตามปกติและได้เตรียมเอกสารมาด้วย ซึ่งเป็นการชี้แจงข้อกล่าวหาหากพนักงานสอบสวนไม่ยอมรับ โดยเป็นขั้นตอนตามกฎหมายตามสิทธิของผู้ที่ได้รับผลกระทบทางกฎหมายสามารถดำเนินการได้ สุดท้ายขอบคุณพนักงานสอบสวนที่รับไว้พิจารณา
ทั้งนี้ ตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมามีมวลชนเดินทางมารอให้กำลังใจ พล.ร.อ.พะจุณณ์จำนวนกว่า 100 คน โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ทุ่งสองห้อง ทั้งในและนอกเครื่องแบบจำนวนกว่า 30 นายคอยสังเกตการณ์ดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยของมวลชน โดย พล.ต.ต.เจริญ ศรีศศลักษณ์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 เปิดเผยว่า หากจำนวนมวลชนมีมากขึ้นและเกิดความไม่สงบก็พร้อมจะเรียกกำลังเสริมจาก สน.ใกล้เคียง ทั้งนี้ได้ขอความร่วมมือมวลชนงดถือป้ายแสดงข้อความที่ไม่เกี่ยวข้องกับการให้กำลังใจ หรือมีถ้อยคำหยาบคาย
พล.ต.ต.ศุภเศรษฐ์ โชคชัย ผบก.ปอท. เผยว่า วันนี้พนักงานสอบสวน บก.ปอท.เรียก พล.ร.อ.พะจุณณ์ ผู้ถูกกล่าวหามาพบ เพื่อสอบปากคำและแจ้งข้อกล่าวหา ส่วนกรณีผู้ถูกกล่าวหาจะทำหนังสือขอให้พนักงานสอบสวนทบทวนข้อกล่าวหา สามารถทำได้ เพราะเป็นสิทธิของผู้ถูกกล่าวหา