มอสโก/เคียฟ - ผู้รอดชีวิตจากหายนะภัยนิวเคลียร์เชอร์โนบิลยังคงกินอาหารที่ปนเปื้อนสารกัมมันตรังสีที่เกินกว่าระดับที่ยอมรับได้มาเป็นระยะเวลา 30 ปี หลังเกิดหายนภัยโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ที่ผลักดันให้ประชาชนหลายร้อยหลายพันคนต้องละทิ้งบ้าน และถิ่นฐานของตัวเอง
รายงานของกรีนพีซสากล เรื่อง “รอยแผลนิวเคลียร์ : มรดกแห่งเชอร์โนบิล และฟุกุชิมะที่ยังคงอยู่” ระบุว่า หายนภัยจากโรงไฟฟ้าฟุกุชิมะ และเชอร์โนบิล ยังคงส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของคนนับล้าน รายงานยังประมวลงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ประวัติของผู้รอดชีวิต และผลการวัดระดับรังสีที่สำรวจโดยกรีนพีซ ในญี่ปุ่น ยูเครน และรัสเซีย
“ยังไม่เห็นว่าวิกฤตนี้จะยุติลง สำหรับชุมชนที่ฟุกุชิมะ คนเกือบแสนคนยังไม่สามารถกลับบ้าน และคนจำนวนมากที่ไม่มีทางกลับเข้าไปได้” จุนอิชิ ซาโตะ ผู้อำนวยการบริหาร กรีนพีซ ญี่ปุ่นกล่าว “อุตสาหกรรมนิวเคลียร์ และรัฐบาลทั่วโลกพยายามชักจูงในทางที่ผิดว่าผู้คนสามารถกลับไปใช้ชีวิตตามปกติหลังเกิดอุบัติภัยนิวเคลียร์ แต่หลักฐานต่างๆ เปิดเผยให้เห็นว่านี่เป็นเพียงวาทะทางการเมืองไม่ใช่ความจริงทางวิทยาศาสตร์”
ผลการศึกษาของกรีนพีซ ระบุว่า รัฐบาลได้ลดการป้องกันรังสีทั้งในญี่ปุ่น และในพื้นที่ของประเทศที่มีปนเปื้อนกัมมันตรังสีจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนบิล โครงการติดตามตรวจสอบด้านสิ่งแวดล้อม และอาหารถูกตัดลงในพื้นที่เชอร์โนบิล ในขณะที่ญี่ปุ่น ต้องการให้คนอพยพออกมาจากบ้านส่วนใหญ่กลับเข้าไปได้ภายในปี 2560 แม้ว่าชุมชนของพวกเขายังมีการปนเปื้อนกัมมันตรังสีอยู่ กรีนพีซ เรียกร้องให้รัฐบาลสนับสนุนทางการเงินอย่างเหมาะสมแก่ผู้ที่รอดชีวิตจากหายนภัยนิวเคลียร์เชอร์โนบิล และฟุกุชิมะ
ผลการการตรวจสอบรังสีพบว่า พื้นที่ป่ารอบเชอร์โนบิล และฟุกุชิมะกลายเป็นแหล่งที่มีการสะสมสารกัมมันตรังสี กรีนพีซ กล่าวว่า ป่าไม้ที่ปนเปื้อนกัมมันตรังสีทำให้ชุมชนใกล้เคียงมีความเสี่ยงจากการสัมผัส หรือเกิดการปนเปื้อนขึ้นใหม่
การสำรวจยังพบว่า มีผลกระทบด้านสุขภาพของคนในชุมชนที่ฟุกุชิมะ และเชอร์โนบิล ในพื้นที่ที่มีการปนเปื้อนรอบโรงไฟฟ้าเชอร์โนบิล อัตราการเสียชีวิตของคนสูงกว่า อัตราการเกิดต่ำกว่า การเกิดโรคมะเร็งเพิ่มขึ้น และปัญหาสุขภาพจิตเกิดขึ้นในวงกว้าง [1] ในฟุกุชิมะ พบการเกิดโรคมะเร็งต่อมไทรอยด์ในเด็ก ซึ่งไม่อาจลงรายละเอียดได้ทั้งหมดจากการตรวจหาในขอบเขตกว้าง และเกือบหนึ่งในสามของมารดาที่อาศัยอยู่ใกล้กับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่เตาปฏิกรณ์ถูกทำลายมีอาการซึมเศร้า [2]
“ชีวิตของคนนับล้านเปลี่ยนแปลงหลังหายนภัยฟุกุชิมะ และเชอร์โนบิล เราไม่ควรลืมความทุกข์ทรมานมหาศาลซึ่งหายนภัยทั้งสองนี้ยังคงทำให้เกิดขึ้นต่อไปอีก เราจำเป็นต้องเร่งเอาพลังงานนิวเคลียร์ออกไป และมุ่งหน้าสู่ระบบพลังงานหมุนเวียนเต็มร้อย มีเพียงระบบพลังงานที่สะอาด และปลอดภัยที่สามารถตอบสนองความต้องการพลังงานของโลกได้” ฌอน แพทริค สเต็นซิล นักวิเคราะห์อาวุโสด้านพลังงาน จากกรีนพีซ กล่าว
ห้าปีหลังจากหายนภัยนิวเคลียร์ฟุกุชิมะ ผู้คนกว่าแสนคนยังไม่ได้กลับบ้าน สามสิบปีหลังเหตุการณ์หายนภัยนิวเคลียร์เชอร์โนบิล ผู้คนกว่าห้าล้านคนต้องอาศัยอยู่ในพื้นที่ปนเปื้อนรังสี
-----------------------------
หมายเหตุ
[1] รายงานกรีนพีซสากล ปี 2558 เรื่อง “รอยแผลนิวเคลียร์ : มรดกแห่งเชอร์โนบิลและฟุกุชิมะที่ยังคงอยู่” บทที่ 3
[2] รายงานกรีนพีซสากล ปี 2558 เรื่อง “รอยแผลนิวเคลียร์ : มรดกแห่งเชอร์โนบิลและฟุกุชิมะที่ยังคงอยู่” หน้า 26-27: