xs
xsm
sm
md
lg

“อาดังรีสอร์ท” โต้ข่าวศาลปกครองสูงสุดสั่งรื้อถอนไม่จริง! ยกหนังสือ “ธนารักษ์พื้นที่สตูล” การันตียังใช้ประโยชน์ตามสัญญาเช่าได้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

หนังสือจากสำนักงานธนารักษ์พื้นที่สตูล ลงวันที่ 19 ก.พ.2559
  
ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - “อาดังรีสอร์ท” โต้ข่าวศาลปกครองสูงสุดสั่งให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างบนเกาะในเขตอุทยานแห่งชาติตะรุเตา ยันไม่เป็นความจริง พร้อมยกหนังสือจาก “ธนารักษ์พื้นที่สตูล” ลงวันที่ 19 ก.พ.ระบุว่า ยังสามารถใช้ประโยชน์ในที่ราชพัสดุตามสัญญาเช่าได้
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (20 ก.พ.) ผู้ที่ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “อาดัง รีสอร์ท” ได้ส่งข้อความพร้อมแนบเอกสารเข้ามาในกล่องข้อความในหน้าเพจ “MGR Online ภาคใต้” โดยมีเนื้อหาที่ต้องการบอกกล่าวสรุปความได้ว่า จากข่าวที่ได้มีการเผยแพร่ไปแล้วว่าจะมีการทุบทิ้งอาดัง รีสอร์ทนั้น ไม่เป็นความจริง ส่วนเอกสารที่แนบคือสำเนาหนังสือราชการที่มีตราครุฑประทับด้านบน ส่งมาจาก นายสาธิต บุญแล ธนารักษ์พื้นที่สตูล เป็นการชี้แจงทำความเข้าใจเกี่ยวกับคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดตามที่ปรากฏเป็นข่าวไปแล้ว
 
สำหรับเนื้อหาของหนังสือราชการดังกล่าวมีเนื้อหาดังนี้ ที่ กค 0311.58/168 สำนักงานธนารักษ์พื้นที่สตูล ถนนยนตรการกำธร สต 91000 วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2559 เรื่องคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด เรียนกรรมการผู้จัดการบริษัท อาดังรีสอร์ท จำกัด อ้างถึงคำพิพากษาคดีเลขดำที่ อ.446/2553 คดีหมายเลขแดงที่ อ.1354/2558 ลงวันที่ 1 ธันวาคม 2558
 
ตามที่สื่อมวลชนได้ลงข่าวว่า ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษาให้รื้อถอนอาดังรีสอร์ท ซึ่งปลูกสร้างในที่ดินราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ สต.35 ตำบลเกาะสาหร่าย อำเภอเมือง จังหวัดสตูลนั้น
 
สำนักงานธนารักษ์พื้นที่สตูล ขอเรียนว่า บริษัท อาดังรีสอร์ท จำกัด ในฐานะผู้ได้รับสิทธิการเช่าที่ราชพัสดุตามเงื่อนไขการประมูลปลูกสร้างอาคารยกกรรมสิทธิ์ให้กระทรวงการคลัง สัญญาที่ 3-สต-2/2552 สัญญาเช่ามีกำหนด 25 ปี นับตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน 2552 ถึงวันที่ 8 มิถุนายน 2577 และตามที่หัวหน้าอุทยานแห่งชาติตะรุเตาได้มีคำสั่งที่ 24/2551 ลงวันที่ 4 พฤศจิกายน 2551 และมีคำสั่งที่ 27/2551 ลงวันที่ 11 ธันวาคม 2551 ให้บริษัทฯ ระงับการก่อสร้าง และให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างดังกล่าว ซึ่งบริษัทฯ ได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองสงขลา และศาลปกครองสงขลาได้พิพากษาห้ามมิให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ใช้อำนาจตามมาตรา 22 แห่ง พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2504 ในการใช้มาตรการบังคับทางปกครองเข้ารื้อถอน หรือทำลายสิ่งปลูกสร้างในส่วนที่ส่งมอบให้แก่กรมธนารักษ์
 
ซึ่งศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยว่า การที่ศาลปกครองขั้นต้นพิพากษาห้ามมิให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ใช้อำนาจตามมาตรา 22 พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2504 เข้ารื้อถอนทำลายสิ่งปลูกสร้าง เป็นมาตรการบังคับทางปกครองนั้น ศาลปกครองสูงสุดไม่เห็นพ้องด้วย โดยวินิจฉัยว่าคำสั่งข้างต้นเป็นคำสั่งทางปกครอง และเมื่อหัวหน้าอุทยานแห่งชาติตะรุเตายังไม่ได้ใช้มาตรการบังคับทางปกครอง บริษัทฯ จึงไม่อาจมีคำขอให้ศาลดำเนินการตามฟ้องได้ จึงยกฟ้อง
 
ทั้งนี้ คำสั่งทางปกครองนี้ไม่ใช่การสั่งให้รื้อถอนอาคารสิ่งปลูกสร้างในทันที เนื่องจากอุทยานแห่งชาติตะรุเตาจะต้องมีหนังสือกำหนดมาตรการบังคับทางปกครองที่ยังมีขั้นตอนปฏิบัติตามพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ.2539 อีกทั้งข้อเท็จจริงในปัจจุบันอาคารดังกล่าวเป็นทรัพย์สินของกระทรวงการคลัง การออกคำบังคับทางปกครองจึงต้องแจ้งต่อกรมธนารักษ์ในฐานะผู้ดูแลทรัพย์สินของกระทรวงการคลัง ซึ่งการดำเนินการใดๆ หน่วยผู้ปฏิบัติจะต้องขอรับนโยบายในการดำเนินการจากต้นสังกัดให้เป็นที่แน่ชัดก่อน
 
ในชั้นนี้บริษัทฯ ยังคงสามารถใช้ประโยชน์ในที่ราชพัสดุดังกล่าวตามสัญญาเช่าได้ โดยสำนักงานธนารักษ์พื้นที่สตูลจะได้มีหนังสือแจ้งกรมธนารักษ์พิจารณาสั่งการเรื่องนี้ต่อไป จึงเรียนมาให้บริษัทฯ ทราบไว้ชั้นหนึ่งก่อน
 
แฟ้มภาพ
 
อ่านข่าวเกี่ยวเนื่อง 
 
- อุทยานแห่งชาติตะรุเตาฯ จ่อรื้อ “อาดัง รีสอร์ท” เผยรอกรมฯ มีคำสั่งดำเนินการ
- ทุบทิ้ง “อาดังรีสอร์ท” ที่อุทยานตะรุเตา! อีกความพ่ายแพ้ของ “ทุนการเมือง”
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น