กระบี่ - กลุ่มต่อต้านโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ มาตามนัด พรึบหน้าศาลากลาง มอบให้เด็กเป็นตัวแทนยื่นหนังสือเรียกร้องให้ยกเลิกคำสั่ง คสช.ฉบับที่ 3-2559 และฉบับที่ 4/2559 เอื้อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ และนายทุน ระบุให้เด็กเป็นตัวแทนยื่นหนังสือเพื่อจะได้ทวงถามความยุติธรรมต่อไป
เมื่อเวลา 10.30 น. วันนี้ (19 ก.พ.) กลุ่มต้านโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ ในนามเครือข่ายประชาชนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน นำโดย นายอาหลี ชาญน้ำ นายกสมาคมคนรักเลจังหวัดกระบี่ พร้อมสมาชิกกว่า 50 คน ได้เดินทางมารวมตัวกันที่หน้าศาลากลางจังหวัดกระบี่ เพื่อยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ขอให้ยกเลิกคำสั่ง คสช.ฉบับที่ 3-2559 และฉบับที่ 4/2559 พร้อมอ่านแถลงการณ์ และทวงถามถึงความคืบหน้าการประกาศเขตพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อมจังหวัดกระบี่ โดยมี นายวิชัย คัมภีรปรีชา โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดกระบี่ ลงมารับเรื่อง ท่ามกลางเจ้าหน้าที่ อส.รักษาความปลอดภัย ร่วม 10 นาย
นายอาหลี ชาญน้ำ นายกสมาคมคนรักเลจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า ตามที่ได้มีประกาศคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 3/2559 เรื่องการยกเว้นการใช้บังคับกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง และกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคารในพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษ และคำสั่งที่ 4/2559 เรื่องการยกเว้นการใช้บังคับกฎกระทรวงให้บังคับใช้บังคับผังเมืองรวมสำหรับการประกอบกิจการบางประเภท ซึ่งประกาศคำสั่งทั้ง 2 ฉบับดังกล่าวมีผลเป็นการยกเลิกหลักประกันในการคุ้มครองสิทธิด้านสิ่งแวดล้อมของชุมชนตามกฎหมายหลายประการ เป็นการเปิดทางให้กลุ่มนายทุนมีการประกอบกิจการโดยไม่ต้องคำนึงถึงผังเมือง
นายอาหลี กล่าวด้วยว่า เครือข่ายมีความเห็นว่า การดำเนินการดังกล่าวของ คสช.จะก่อให้เกิดความวุ่นวายตามมา การใช้อำนาจอิทธิพลจะเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว อันเป็นการก้าวเดินที่ผิดพลาดอย่างร้ายแรงของรัฐบาล และ คสช.และเชื่อว่าประกาศดังกล่าวเพียงเพื่อเอื้อประโยชน์ให้มีการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่อย่างแน่นอน ทางเครือข่ายประชาชนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน จึงได้ยื่นหนังสือ และอ่านแถลงการณ์ดังกล่าวขึ้น เพื่อให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ และรัฐบาลต้องยกเลิกคำสั่งทั้ง 2 ฉบับ และทางกลุ่มฯ จะเดินทางมาติดตามคำตอบ และทวงถามความยุติธรรมในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2559 นี้
และว่าการที่มอบหมายให้เด็กเป็นคนยื่นหนังสือ แทนที่จะให้ผู้ใหญ่ยื่นเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา ก็เพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่า ผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงหากว่ามีการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินขึ้นในพื้นที่จังหวัดกระบี่ ก็คือ กลุ่มเด็กเหล่านี้ และหากว่ามีการก่อสร้างโรงไฟฟ้าขึ้นจริง และมีผลกระทบตามมา เด็กเหล่านี้ก็จะได้มาทวงถามความยุธิธรรมต่อไป