พังงา - ชาวสวนยางพังงา หาอาชีพเสริมออกหาหอยปากหนา (หอยตลับ) ขายวันละ 600-1,000 บาท
เกษตรกรชาวสวนยางชาวตำบลมะรุ่ย อ.ทับปุด จ.พังงา และชาวอำเภออ่าวลึก จ.กระบี่ อาศัยช่วงจังหวะน้ำลง นั่งเรือหัวโทงไปยังสันดอนทรายเพื่อลงเก็บหอยปากหนา หรือหอยตลับ ซึ่งพบว่ายังมีอยู่มากพอสมควรในลำคลองมะรุ่ย รอยต่อระหว่างจังหวัดพังงา และจังหวัดกระบี่ ซึ่งการหาหอยดังกล่าวเป็นการสร้างอาชีพเสริมให้แก่ชาวสวนยางในภาวะราคาตกต่ำ สำหรับวิธีการหาหอยตลับนั้นจะใช้เหล็กทำเป็นตระแกรง มีด้ามยาวแล้วคราดไปตามพื้นทรายที่มีหอยฝังตัวอยู่ ซึ่งหอยตลับตามธรรมชาติจะมีอยู่ช่วงกลางลำคลองมะรุ่ย ที่ไหลลงสู่อ่าวพังงา
หอยตลับของที่นี่ขนาดใหญ่ และมีรสชาติดี เพราะความสมบูรณ์อาหารของหอยตามธรรมชาติในลำคลองมะรุ่ย และสันดอนทรายที่ขนาบข้างไปด้วยแนวป่าชายเลนผืนสมบูรณ์ที่ชุมชนช่วยกันอนุรักษ์ฟื้นฟู และดูแลเอาไว้เป็นอย่างดี
นายสุพิศ ชุมแสง อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 4/3 ม.4 ต.มะรุ่ย อ.ทับปุด จ.พังงา เปิดเผยว่า อาชีพหลักคือทำสวนยางพารา หลังจากประสบปัญหาในเรื่องของราคาที่ตกต่ำลงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน จึงได้ออกหาหอยปากหนาขายเป็นอาชีพเสริม ในอดีตนั้นหอยปากหนาไม่ค่อยมีราคา ตนเองออกหาหอยปากหนามาประกอบอาหารกินเองเดือนละครั้ง หรือสองครั้ง แต่ปัจจุบันเมนูหอยปากหนาเป็นหนึ่งในเมนูที่นิยมของร้านอาหารต่างๆ ทำให้มีพ่อค้าอาหารทะเลมารับซื้อในราคากิโลกรัมละ 30-40 บาท
สำหรับการหาหอยปากหนานั้นจะต้องรอไปหาในวันที่น้ำลงต่ำจนสันดอนทรายโผล่ ระหว่าง 14 ค่ำ จนถึง 5 ค่ำจึงออกหาหอยได้ และใช้เวลาในการหาประมาณ 1-2 ชั่วโมง ซึ่งสามารถหาได้วันละ 20-40 กิโลกรัม นับว่าเป็นรายได้เสริมที่มาช่วยค่าใช้จ่ายในครอบครัวในยามที่ยางพาราตกต่ำ และฤดูปิดการกรีดได้เป็นอย่างดี
เกษตรกรชาวสวนยางชาวตำบลมะรุ่ย อ.ทับปุด จ.พังงา และชาวอำเภออ่าวลึก จ.กระบี่ อาศัยช่วงจังหวะน้ำลง นั่งเรือหัวโทงไปยังสันดอนทรายเพื่อลงเก็บหอยปากหนา หรือหอยตลับ ซึ่งพบว่ายังมีอยู่มากพอสมควรในลำคลองมะรุ่ย รอยต่อระหว่างจังหวัดพังงา และจังหวัดกระบี่ ซึ่งการหาหอยดังกล่าวเป็นการสร้างอาชีพเสริมให้แก่ชาวสวนยางในภาวะราคาตกต่ำ สำหรับวิธีการหาหอยตลับนั้นจะใช้เหล็กทำเป็นตระแกรง มีด้ามยาวแล้วคราดไปตามพื้นทรายที่มีหอยฝังตัวอยู่ ซึ่งหอยตลับตามธรรมชาติจะมีอยู่ช่วงกลางลำคลองมะรุ่ย ที่ไหลลงสู่อ่าวพังงา
หอยตลับของที่นี่ขนาดใหญ่ และมีรสชาติดี เพราะความสมบูรณ์อาหารของหอยตามธรรมชาติในลำคลองมะรุ่ย และสันดอนทรายที่ขนาบข้างไปด้วยแนวป่าชายเลนผืนสมบูรณ์ที่ชุมชนช่วยกันอนุรักษ์ฟื้นฟู และดูแลเอาไว้เป็นอย่างดี
นายสุพิศ ชุมแสง อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 4/3 ม.4 ต.มะรุ่ย อ.ทับปุด จ.พังงา เปิดเผยว่า อาชีพหลักคือทำสวนยางพารา หลังจากประสบปัญหาในเรื่องของราคาที่ตกต่ำลงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน จึงได้ออกหาหอยปากหนาขายเป็นอาชีพเสริม ในอดีตนั้นหอยปากหนาไม่ค่อยมีราคา ตนเองออกหาหอยปากหนามาประกอบอาหารกินเองเดือนละครั้ง หรือสองครั้ง แต่ปัจจุบันเมนูหอยปากหนาเป็นหนึ่งในเมนูที่นิยมของร้านอาหารต่างๆ ทำให้มีพ่อค้าอาหารทะเลมารับซื้อในราคากิโลกรัมละ 30-40 บาท
สำหรับการหาหอยปากหนานั้นจะต้องรอไปหาในวันที่น้ำลงต่ำจนสันดอนทรายโผล่ ระหว่าง 14 ค่ำ จนถึง 5 ค่ำจึงออกหาหอยได้ และใช้เวลาในการหาประมาณ 1-2 ชั่วโมง ซึ่งสามารถหาได้วันละ 20-40 กิโลกรัม นับว่าเป็นรายได้เสริมที่มาช่วยค่าใช้จ่ายในครอบครัวในยามที่ยางพาราตกต่ำ และฤดูปิดการกรีดได้เป็นอย่างดี
