จวกมาตรการช่วยราคายางล่าช้า ชาวสวนยางอีสานไม่ได้ประโยชน์

บุรีรัมย์ - แกนนำเกษตรกรผู้ปลูกยางบุรีรัมย์ จวกมาตรการช่วยเหลือชาวสวนยางของรัฐบาล เผยรับซื้อยางแผ่นน้อยเพียงครัวเรือนละ 150 กิโลกรัม รายได้ที่เพิ่มขึ้นไม่ต่างจากขายท้องตลาด ทั้งแก้ปัญหาล่าช้า ชาวสวนยางอีสานไม่ได้ประโยชน์ ลั่นหากยังแก้ปัญหาไม่ได้ควรพิจารณาตัวเอง

วันนี้ (17 ม.ค.) นายสวาท จำปาสา แกนนำเกษตรกรผู้ปลูกยางพารา อ.โนนสุวรรณ จ.บุรีรัมย์ เปิดเผยว่า ไม่เห็นด้วยต่อมาตรการแก้ปัญหาราคายางตกต่ำของรัฐบาลที่ออกประกาศจะรับซื้อยางแผ่นของเกษตรกร 1 แสนตัน ในราคากิโลกรัมละ 45 บาท ส่วนน้ำยาง และยางก้นถ้วยราคาลดหลั่นกันไป แต่รัฐบาลกลับมีข้อกำจัดการช่วยเหลือ โดยจะรับซื้อยางของเกษตรกรเพียงครัวเรือนละ 150 กิโลกรัม มองว่าเป็นปริมาณที่น้อยเกินไป

หากเปรียบเทียบแล้วจะเพิ่มจำนวนรายได้ให้แก่เกษตรกรที่เป็นส่วนต่างจากขายท้องตลาดทั่วไปเพียงกิโลกรัมละ 8-10 บาทเท่านั้น เนื่องจากปัจจุบันราคายางพาราอยู่ที่กิโลกรัมละ 35-36 บาท ทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นแค่ 1,200-1,500 บาทต่อครัวเรือน ไม่สามารถแก้ไขปัญหาให้แก่ชาวสวนยางที่ประสบปัญหาราคายางตกต่ำได้

แต่ก็เข้าใจว่าการจำกัดปริมาณรับซื้อยางดังกล่าวอาจจะป้องกันไม่ให้กลุ่มนายทุน หรือผู้ปลูกยางรายใหญ่นำยางมาขายปริมาณมาก ควรจะหาวิธีป้องกันแนวทางอื่น อีกทั้งไม่รู้ว่ามาตรการช่วยเหลือของรัฐบาลจะช่วยเป็นครั้งคราว หรือจะช่วยเป็นการถาวร ยังไม่มีความชัดเจน จึงอยากให้รัฐบาลออกมาชี้แจงให้ชัดเจนด้วย มองว่ารัฐบาลไม่ได้จริงใจแก้ปัญหาให้เกษตรกรเท่าที่ควร เพราะความต้องการของเกษตรกรอยากให้รัฐบาลพยุงราคาตลาดให้สูงขึ้นมากกว่าที่จะช่วยเหลือเป็นครั้งคราว

ทั้งนี้ นายสวาท ยังได้เรียกร้องให้รัฐบาลเร่งหาตลาดส่งออกยางพาราให้กว้างมากขึ้น ทั้งแถบยุโรป และเอเชีย แต่หากรัฐบาลยังหาตลาดส่งออกยางไม่ได้จะทำให้ยางค้างสต๊อก เมื่อเกษตรกรเปิดกรีดน้ำยางรอบหน้าจะประสบปัญหาราคาตกต่ำซ้ำอีก ซึ่งจะสร้างความเดือดร้อนให้แก่เกษตรกรไม่รู้จบ

“การช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกยางพาราในครั้งนี้ค่อนข้างล่าช้า ทำให้ชาวสวนยางภาคอีสานแทบจะไม่ได้รับประโยชน์ เพราะส่วนใหญ่ทยอยปิดหน้ายางไปแล้ว ไม่เหมือนกันทางภาคใต้ที่จะปิดหน้ายางช่วงเดือนมีนาคม ซึ่งเกษตรกรภาคอีสานเรียกร้องให้ช่วยเหลือมาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2558 แต่ก็ไม่ได้รับการเหลียวแล ฝากให้รัฐบาลได้ทบทวนถึงการแก้ปัญหาราคายางในปีนี้ และปีต่อๆ ไป รัฐบาลควรจะเริ่มวางแผนให้ความช่วยเหลือตั้งแต่เริ่มเปิดกรีด และหากรัฐบาลไม่สามารถแก้ปัญหาได้ก็ควรจะพิจารณาตัวเอง” นายสวาท กล่าว